เมื่อเร็วๆ นี้ เครือโรงแรมระดับโลกหลายรายตั้งแต่ Hiltons กลุ่มธุรกิจบริการที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ไปจนถึง Shangri-La ของมหาเศรษฐี Robert Kuok เดินหน้าขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง ด้วยความคาดหวังว่าตลาดลูกค้าภายในประเทศจะสามารถฟื้นตัวได้เร็วหลังวิกฤติการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
ในบรรดาผู้เล่นระดับโลกมากมาย Hiltons คือ หนึ่งในผู้ให้บริการโรงแรมที่กำลังเร่งขยายธุรกิจอย่างจริงจัง โดยมีแผนที่จะขยายธุรกิจในเอเชียมากกว่า 2 เท่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หลังจากที่ในปี 2021 ที่ผ่านมา ได้เปิดให้บริการโรงแรมในเครือมากกว่า 100 แห่งทั่วทั้งภูมิภาค กระทั่งปัจจุบันมีจำนวนห้องพักจาก 20,000 ห้องเป็น 120,000 ห้อง จากที่พักทั้งหมด 523 แห่ง ซึ่งกว่า 400 แห่งตั้งอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่
หลังจากที่มีการลงนามในสัญญาการบริหารจัดการในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา Hiltons มีเป้าหมายที่จะเปิดโรงแรมใหม่ 760 แห่ง อาทิ Waldorf Astoria Sydney และ Waldorf Astoria Tokyo ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพื่อเพิ่มจำนวนห้องพักทั่วทั้งภูมิภาคให้มากกว่า 270,000 แห่ง
“เราเห็นทุกกลุ่มธุรกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในเอเชียแปซิฟิก” Christopher Nassetta ประธานและซีอีโอ Hiltons ให้สัมภาษณ์ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาระหว่างเดินทางเยือนสิงคโปร์ หลังบริษัทเพิ่งเปิดตัว Hilton Singapore Orchard โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคที่มีจำนวนห้องพักมากกว่า 1,000 ห้อง
ด้าน Pan Pacific Hotels Group ในสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของนายธนาคารมหาเศรษฐีและผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ Wee Cho Yaw แห่ง UOL Group กำลังเตรียมเปิด Pan Pacific Orchard จำนวน 347 ห้องในเดือนมีนาคมปีหน้า พร้อมไปกับการเพิ่มห้องพักมากกว่า 4,000 ห้องในโรงแรมแห่งใหม่และโรงแรมที่กำลังอยู่ระหว่างการรีโนเวท ให้มีจำนวนทั้งสิ้นแตะ 12,500 แห่งในเอเชีย โอเชียเนีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ
“การเดินทางจะกลับมา” ซีอีโอ Choe Peng Sum กล่าวในงานประกาศผลประกอบการของ UOL Group ประจำปี 2021 ในเดือนกุมภาพันธ์ “ในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 เราคาดการณ์ว่านักเดินทางจากต่างประเทศจะกลับเข้ามาใช้บริการมากขึ้น เราจึงต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าพักที่ใกล้เข้ามานี้”
เช่นเดียวกับเครือโรงแรมในเอเชียอย่าง Shangri-La ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกง และ Dusit Thani ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพที่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังรัฐบาลประกาศผ่อนปรนมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมและกลับมาเปิดการท่องเที่ยวภายในประเทศอีกครั้ง
ล่าสุด Shangri-La ได้เปิดโรงแรมใหม่ 4 แห่งในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ประกอบด้วย 3 แห่งในจีน ซึ่งมีห้องพักรวม 1,188 ห้อง และโรงแรมแห่งแรกในซาอุดีอาระเบีย Shangri-La Jeddah ด้วยห้องพัก 203 ห้อง พร้อมไปกับการวางแผนโครงการพัฒนาแบบผสมผสานในออสเตรเลีย จีน กัมพูชา และญี่ปุ่นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเช่นกัน
“เส้นทางสู่การฟื้นฟูไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ส่งผลให้การเดินทางระหว่างประเทศต้องหยุดชะงัก เช่นเดียวกับการดำเนินงานของโรงแรมในตลาดสำคัญๆ หลายแห่งของเรา” Lim Beng Chee ซีอีโอ Shangri-La Group กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วในงานประกาศผลประกอบการประจำปี 2021 ซึ่งบริษัทมีรายรับเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20 เป็น 1.24 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
“เราพบว่าการเดินทางทั่วโลกฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และท่ามกลางการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เราก็กำลังเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตหลังเกิดโรคระบาด”
ความเชื่อมั่นที่ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวหลังจากการที่อัตราการเข้าใช้บริการจะอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากมาตรการควบคุมโรคระบาด ก็ได้ทำให้ Dusit Thani เพิ่มห้องพักกว่า 8,800 ห้องในโรงแรมใหม่ 52 แห่งทั่วภูมิภาค
“ในขณะที่เรามั่นใจว่า ผู้คนจะกลับมาเริ่มเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง ทว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยและปัจจัยภายนอกอื่นๆ อาจส่งผลกระทบต่อความเร็วที่ธุรกิจจะกลับมา” Suphajee Suthumpun ซีอีโอ Dusit International ตอบกลับ Forbes Asia ผ่านทางอีเมล “ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมในทุกด้านของธุรกิจของเราต่อไป”
“โรงแรมเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่จะได้รับประโยชน์หลังพรมแดนของภูมิภาคนี้กลับมาเปิดอีกครั้ง” Steve Carroll หัวหน้าฝ่ายโรงแรมและการบริการในตลาดทุนเอเชียแปซิฟิกของ CBRE กล่าว
แปลและเรียบเรียงจากบทความ Hotel Chains From Hilton To Shangri-La Are Expanding Across Asia On Post-Pandemic Recovery Hopes โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค เผยแพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: AWC เปิดตัว “มีเลีย เชียงใหม่” เพิ่มพอร์ตโรงแรมคุณภาพ เสริมแกร่งภาคเหนือไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine