Harry Triguboff เจ้าพ่ออสังหาออสเตรเลียผู้ไม่ยอมแพ้ - Forbes Thailand

Harry Triguboff เจ้าพ่ออสังหาออสเตรเลียผู้ไม่ยอมแพ้

FORBES THAILAND / ADMIN
30 Oct 2024 | 09:00 AM
READ 114

ในวัย 91 ปี ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดแห่งแวดวงอสังหาริมทรัพย์ออสเตรเลียยังคงรอให้ทุกๆ คนเห็นด้วยกับเขา


    หมอเก่งๆ หมอที่เก่งมากๆ คือเคล็ดลับสู่การมีชีวิตยืนยาว Harry Triguboff กล่าวเปิดเรื่องเล่าของตนเองหลังจากเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเขาได้รับแจ้งว่าอาจมีชีวิตอยู่ได้เพียง 1 วัน ไม่มีแม้กระทั่งเวลาจะโทรศัพท์ตามครอบครัวมาดูใจ

    ผู้ก่อตั้งวัย 91 ปี ของ Meriton Properties บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียมีของเหลวสะสมอยู่บริเวณหัวใจ

    “หมอบอกผมว่า ‘หมอคิดว่าเราอาจรักษาได้หรือไม่ก็ได้ ต่อให้เรารักษาได้คุณก็อาจจะต้องนั่งรถเข็นอยู่ดี คุณอยากจะให้หมอปล่อยทิ้งไว้หรืออยากรักษาชีวิต’ ผมตอบว่า ‘พยายามยื้อชีวิตผมไว้ก่อน’” Triguboff กล่าวพร้อมหัวเราะเบาๆ “แล้วหมอก็จัดการมันได้ภายใน 2 ชั่วโมง”

    เพียงคืนต่อมา Triguboff คนที่รวยที่สุดอันดับ 3 ของออสเตรเลียด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิราว 1.66 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ก็สามารถกลับมาทำงานเอกสารได้บนเตียงในโรงพยาบาล เขาเคลื่อนกองกระดาษที่สูงราว 15 ซม. ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำสัปดาห์ของเขาที่ต้องตรวจสอบตัวเลขที่เกิดขึ้นทั่วทั้งบริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้นเมื่อ 61 ปีก่อน โดยไม่มีคอมพิวเตอร์วางให้เห็นสักเครื่องเดียว

    Triguboff เป็นชาวออสเตรเลียแต่เกิดในประเทศจีน เขาพยายามมากกว่าใครในการวาดภาพความฝันของชาวออสเตรเลียขึ้นใหม่จากการเป็นเจ้าของบ้านที่มีสวนหลังบ้าน สู่อสังหาริมทรัพย์แนวอะพาร์ตเมนต์ พร้อมด้วยห้องซาวน่า ระเบียงสวยๆ และศูนย์ดูแลเด็ก

    ชาวเมือง Sydney ราว 3% อาศัยในอะพาร์ตเมนต์ 1 ใน 78,000 ยูนิตที่ Triguboff สร้างขึ้นนับตั้งแต่เขาเริ่มจับงานก่อสร้างอะพาร์ตเมนต์ย่านชานเมือง Sydney เมื่อปี 1963 หลายทศวรรษที่ผ่านมาเขาเป็นผู้นำการหารือกับเจ้าหน้าที่ผังเมืองเพื่อขออนุญาตพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้มีความหนาแน่นมากขึ้น ซึ่งเขามักจะเจรจาสำเร็จเสียด้วย


    เวลานี้ออสเตรเลียกำลังประสบภาวะวิกฤตที่อยู่อาศัย โดยในเมืองหลวงมีอัตราที่อยู่อาศัยปล่อยเช่าว่างอยู่ราว 1% Triguboff มีอะพาร์ตเมนต์ที่กำลังก่อสร้างอยู่ 4,500 ยูนิต และอีก 5,000 ยูนิตอยู่ในแผนงาน ขณะเดียวกับที่ออสเตรเลียมีเป้าหมายจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งน่าจะเข้าทาง Triguboff ไม่น้อย แต่เขาเองก็ได้รับประโยชน์มากมายจากภาวะขาดแคลนที่อยู่อาศัยด้วยเช่นกัน

    “บางทีผมก็ไม่อยากให้ Harry พูดอย่างมั่นใจขนาดนั้น” Tom Forrest หัวหน้าส่วนงานอสังหาริมทรัพย์ Urban Taskforce ประจำ Sydney กล่าว “แต่มันก็จริงที่สุด เขาจะเป็นผู้ชนะทันทีหากยังไม่มีการเพิ่มอุปทานที่อยู่อาศัยมากกว่านี้ เพราะมันจะทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เขาลงทุนไว้เพิ่มขึ้นไปอีก” ต่อให้รัฐบาลกลางวางข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคต่ออุตสาหกรรมเพื่อบีบให้ค่าเช่าและราคาอสังหาริมทรัพย์ถีบตัวสูงขึ้น แต่ในฐานะเจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียที่มีอะพาร์ตเมนต์ให้เช่าถึง 10,000 ยูนิตนั้น อย่างไรเสีย Triguboff ก็อยู่ในสถานะที่เขาไม่มีวันแพ้

    พิสูจน์ได้จากผลประกอบการประจำปีของ Meriton จากเอกสารที่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแลตลาดของออสเตรเลียพบว่า ในรอบระยะเวลา 12 เดือนสิ้นสุดเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2023 พวกเขาทำรายได้ 1.5 พันล้านเหรียญออสเตรเลีย (985.1 ล้านเหรียญ) สูงกว่าปี 2022 10% ซึ่งแม้จะมียอดขายลดลง 9% แต่ก็ทดแทนด้วยค่าเช่าที่เติบโตก้าวกระโดดถึง 36%

    การเดินทางอันแสนมหัศจรรย์ของ Triguboff เริ่มต้นขึ้นที่ประเทศจีนในยุค 1930 เมื่อ Moshe และ Frida คุณพ่อคุณแม่ของเขาย้ายหนีการต่อต้านยิวในรัสเซียไปยังประเทศจีนในปี 1916 ก่อนที่ Harry จะลืมตาดูโลกที่นั่นในปี 1933

    เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ตามมาด้วยการรุกคืบของกองทัพคอมมิวนิสต์ของ Mao Zedong คุณพ่อของ Triguboff ต้องดิ้นรนอย่างหนักในการขายทรัพย์สินชิ้นสำคัญๆ ที่สะสมไว้เป็นจำนวนมาก ก่อนจะส่งลูกชายทั้ง 2 คนไปเรียนต่อที่ Sydney โดย Harry วัย 14 ปี เข้าเรียนชั้นมัธยมที่ Scots College


    เมื่อ Harry จบการศึกษา Moshe และ Frida ก็ลี้ภัยไปยังรัฐอิสราเอล Moshe เปิดโรงงานสิ่งทอขึ้นที่นั่น Harry มองเห็นอนาคตร่วมกันกับพ่อ เขาจึงศึกษาต่อด้านสิ่งทอที่ University of Leeds ในสหราชอาณาจักร ก่อนจะย้ายตามไปอยู่ที่อิสราเอลช่วงกลางยุค 1950

    แต่การเดินทางของ Triguboff ไม่ได้ราบรื่น “ผมคิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างแล้ว” หลังเรียนจบมหาวิทยาลัยเขาเริ่มทะเลาะกับพ่อ Frida จึงขอให้ลูกชายทั้งสองย้ายกลับไปยังออสเตรเลีย ช่วงแรก Triguboff ทำงานในแวดวงสิ่งทอในแอฟริกาใต้เป็นเวลา 1 ปี เพียงเพื่อจะพบว่า เมื่อเขากลับมาออสเตรเลียธุรกิจสิ่งทออยู่ในช่วงขาลงเสียแล้ว เขาลองเข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์อย่างไม่ไยดีเท่าไรนัก และยังรับงานบรรยายในมหาวิทยาลัยด้วย

    “เรื่องนี้ผมก็ไม่ค่อยเก่ง ผมไม่ใช่สายวิชาการ” เมื่อเพื่อนคนหนึ่งเสนอว่าพวกเขาน่าจะสร้างอะพาร์ตเมนต์กัน ทั้งสองจึงซื้อที่ดินแปลงหนึ่งใน Tempe ย่านอินเนอร์ชานเมืองทางตอนใต้ของ Sydney ในราคาไม่กี่พันปอนด์ออสเตรเลีย (สกุลเงินในเวลานั้น)

    เพียงปีเดียวพวกเขาสร้างอะพาร์ตเมนต์แล้วเสร็จและขายได้ในราคา 25,500 ปอนด์ออสเตรเลีย Triguboff หันมาจับงานก่อสร้างมากขึ้น รวมถึงตึกแถวแห่งหนึ่งบนถนน Meriton Street ใน Gladesville ชานเมือง Sydney นับเป็นจุดกำเนิดของ Meriton Properties ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 1968 เพียง 1 ปีหลังจากนั้นเขาก็นำบริษัทเข้าจดทะเบียนใน Sydney Stock Exchange

    อย่างไรก็ตาม Triguboff บอกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตลาดหลักทรัพย์เป็นไปอย่าง “ดุเดือด” เขาจึงนำบริษัทกลับมาเป็นบริษัทเอกชนอีกครั้งในปี 1973 ต่อมาในปี 1974 เขาเผชิญภาวะคุกคามที่แท้จริง เมื่อเจ้าหนี้รายหนึ่งในสหรัฐฯ ประสบปัญหาและเรียกร้องให้ชำระคืนเงินกู้ยืมทั้งหมดทันที “ผมจึงบอกว่า ‘นั่งรอไปก่อน ผมขอสร้างตึกให้เสร็จก่อน อย่ามาบอกให้ผมจ่ายคืนเมื่อทวงถาม’ หลังจากนั้นผมก็เปลี่ยนกฎหมายจำนองบ้าๆ ทั้งหมดในประเทศนี้ ซึ่งจะไม่มีการจ่าย-คืน-เมื่อ-ทวง-ถามอีกต่อไป” เขากล่าวพร้อมตบโต๊ะเน้นๆ ทุกคำ

    ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญซ่อนอยู่ระหว่างทาง ในปี 1974 อาคารบางยูนิตไม่ได้ราคาเป็นที่น่าพอใจ Triguboff จึงถือรอไว้พร้อมกับสร้างกระแสรายได้ไว้ตั้งแต่ก่อนที่คำว่า “สร้างไว้เพื่อเช่า” จะเป็นที่รู้จักนานเลยทีเดียว ราวปี 2000 เขาสังเกตเห็นว่าโรงแรมส่วนใหญ่มักจะมีห้องพักที่ออกแบบไว้สำหรับ 2 คนเป็นหลัก และไม่เหมาะกับการพักอาศัยแบบครอบครัวหรือผู้พักอาศัยระยะยาวที่ต้องการห้องครัว

    ในปี 2003 เขาจึงเริ่มสร้างเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ (ปัจจุบันคือ Meriton Suites) โดยขออนุญาตเปิดเป็นที่อยู่อาศัยด้วยเผื่อว่าหากสถานการณ์ในตลาดเปลี่ยนไปก็จะยังสามารถนำออกขายและให้สิทธิผู้ซื้อเป็นเจ้าของได้

    เซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์กลายเป็นเครื่องมือสร้างเงินสดกระแสใหม่ เมื่อถึงช่วงต้นศตวรรษนี้เขาสามารถปลดพันธนาการส่วนใหญ่จากธนาคารได้หลายแห่ง แม้กระทั่งในช่วงวิกฤตการเงินโลกปี 2008 เขายังอยู่ในสถานะที่ดีกว่าคนส่วนใหญ่

    งานก่อสร้างของเขาดำเนินต่อไปเช่นเดียวกับการจ้างงาน เมื่อพ้นปี 2009 ตลาดเริ่มฟื้นตัวกลับมาเขาก็มีทีมงานและอะพาร์ตเมนต์เตรียมไว้พร้อม Forbes ประเมินว่า เขามีทรัพย์สินราว 1.3 พันล้านเหรียญในปี 2005 และเพียง 5 ปีหลังจากนั้นท่ามกลางสถานการณ์ที่บีบคั้นที่สุดแห่งยุคมูลค่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 3 พันล้านเหรียญ หรือเกือบ 3 เท่าตัว

    เมื่อถึงปี 2016 ความวิตกกังวลเริ่มก่อตัวขึ้น อะพาร์ตเมนต์ใหม่ๆ ผุดขึ้นเป็นจำนวนมากจนอาจทำให้ค่าเช่าปรับตัวลดลง Triguboff ให้สัมภาษณ์ติดตลกกับหนังสือพิมพ์ Australian Financial Review ว่า “ถ้าอย่างนั้นผมจะพาผู้อพยพเข้ามาเสียเอง”


    อย่างไรก็ตาม Forrest จาก Urban Taskforce บอกว่า ใช่ว่าคนในทุกรัฐบาลจะหลงเสน่ห์ Triguboff เหมือน Carr กันไปเสียทั้งหมด หลายคนถามว่า Triguboff เอาตัวรอดจากบุคลิกภาพสไตล์ข่มที่มักจะมาพร้อมกับประโยคว่า “ผมจะพูดอย่างไรดีไม่ให้หยาบคาย” ได้อย่างไร “เขาเป็นได้ทั้งสองแบบ เขามีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อและจงรักภักดีกับลูกน้องและผู้รับเหมามาก แม้บางครั้งเขาจะถูกมองว่าเป็นเผด็จการ แต่ถ้าคุณผ่านสัปดาห์แรกไปได้ ก็มักจะอยู่กันไปยาวๆ ถึง 20 ปี”

    Triguboff ปฏิเสธว่า เขาไม่ใช่คนประเภทที่ยอมหักไม่ยอมงอ “ผมจะไม่ยอมประนีประนอมเมื่อมั่นใจว่าตัวเองถูก” Triguboff บอกว่า ไม่มีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คนไหนที่กล้าสู้อย่างเขา เพราะพวกเขามีทุนไม่พอ ขณะที่ธนาคารจ้องจับเวลาอยู่ “ผมไม่ได้ทุ่มทุนสร้างหมดตัวอีกต่อไป เพราะผมมีเวลา”



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Chrissy Taylor พลังขับเคลื่อนแห่ง Enterprise Mobility

คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกันยายน 2567 ในรูปแบบ e-magazine