4 ตระกูลเศรษฐี ซึ่งติดในอันดับ 50 ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย เป็นครั้งแรก - Forbes Thailand

4 ตระกูลเศรษฐี ซึ่งติดในอันดับ 50 ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย เป็นครั้งแรก

FORBES THAILAND / ADMIN
07 Feb 2017 | 02:24 PM
READ 2110

ในปีนี้ 3 ใน 17 ตระกูลเศรษฐีจากประเทศอินเดียเป็นตระกูลที่เข้ามาติดอันดับครั้งแรกจากจำนวนตระกูลเศรษฐีหน้าใหม่ที่มีทั้งหมด 4 ตระกูลแต่ละตระกูลมาจากอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันออกไป ตระกูล Piramal ทำธุรกิจหลากหลาย ตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงบริการสุขภาพ โดยเจ้าของบริษัท Piramal Enterprises สามารถทำราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่าร้อยละ 80 ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา รับกับกระแสข่าวที่ว่า บริษัทอาจจัดตั้งธุรกิจบริการด้านการเงินและนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในขณะที่ราคาหุ้นของบริษัท DLF ของ ตระกูล Singh ที่ร่ำรวยจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไต่ขึ้น เกือบร้อยละ 25 แม้ตลาดหุ้น Bombay จะอยู่ในภาวะซบเซา สวนกระแสข่าวแผนการขายหุ้นบริษัทลูกด้านธุรกิจให้เช่าแก่นักลงทุนสถาบัน

ด้าน ตระกูล Dhingra ที่ติดอันดับเป็นครั้งแรกจากธุรกิจผลิตสีที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ราคาหุ้นของบริษัท Berger Paints India ที่มีสำนักงานใหญ่ใน Kolkata ของพวกเขาพุ่งขึ้นกว่าร้อยละ 60 ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา หลังมีรายงานข่าวผลกำไรของบริษัทเติบโตอย่างงดงามในไตรมาสสุดท้ายการจะได้รับคัดเลือกเข้าสู่อันดับนั้น ครอบครัวจะต้องผ่านการสร้างฐานะมาแล้วอย่างน้อยสามชั่วคน ต้องมีการให้ความสำคัญกับแผนการสืบทอดธุรกิจซึ่งจะต้องเป็นรูปเป็นร่าง และอีกหนึ่งตระกูลจากไต้หวันที่เพิ่งติดเข้ามาในรายชื่อของคือ ตระกูล KOO สำหรับปีนี้ กำหนดเกณฑ์ด้านทรัพย์สินสุทธิตัดที่ 3.4 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 500 ล้านเหรียญ มี 4 ตระกูลที่หลุดจากอันดับในปีนี้ หนึ่งในนั้นคือตระกูล Hamied จากอินเดียที่ Cipla บริษัทผลิตยาสามัญของพวกเขาได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลลดราคายา ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทตกลง ติดตาม 4 ตระกูลเศรษฐี ซึ่งติดในอันดับ 50 ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย เป็นครั้งแรก   ลำดับที่43. ตระกูล SINGH มูลค่าทรัพย์สินรวม: 4.26 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อินเดีย Raghvendra Singh เริ่มต้นเส้นทางอาชีพในตำแหน่งข้าราชการเมื่อปี 1935 จากนั้นอีก 5 ปี เขาเป็นอาสาสมัครในกองทัพอินเดียและได้รับเครื่องราชย์ Member of British Empire หลังสิ้นสุดสงคราม Singh ได้สร้างบ้านให้กับพลเมืองที่ไร้ที่อยู่อาศัยอันเป็นผลมาจากการแบ่งแยกประเทศ โดยก่อตั้ง DLFขึ้นในปี 1946 ต่อมาในปี 1961 Kushal Pal Singh (K.P.) ลูกเขยของเขาสละตำแหน่งในกองทัพเพื่อมาร่วมงานกับ DLF ในปี 1961 และในเวลานี้ดำรงตำแหน่งประธาน DLF ซึ่งจดทะเบียนใน Bombay Stock Exchange ซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์สำหรับเช่าเพื่อการพาณิชย์ด้วยพื้นที่ 26.8 ล้านตารางฟุต ขณะที่ Rajiv Singh ลูกชายของ K.P. เป็นรองประธาน DLF
Kushal Pal Singh (K.P.)
ลำดับที่47. ตระกูล KOO มูลค่าทรัพย์สินรวม: 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ไต้หวัน Koo Chen-Fu กับหลานชาย Jeffrey Koo Sr. เปลี่ยนมรดกให้กลายเป็นอาณาจักรธุรกิจ Koos Group ในปี 2003 ตระกูล Koo ก็แยกสัญญาธุรกิจออกจากกัน ฝั่งครอบครัวของ Jeffrey บริหาร China Development Financial Holdings และ CTBC Financial Holding ซึ่ง Jeffrey ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทจนถึงวาระสุดท้ายเมื่อปี 2012 ขณะที่ Jeffrey Koo Jr ลูกชายของเขาอำลา ตำแหน่งรองประธานเมื่อปี 2006 หลังจากที่มีพัวพันกับข่าวฉาวทางการเงิน และในเวลานี้อยู่ระหว่างอุทธรณ์โทษจำคุกจากการปั่นหุ้นผิดกฎหมาย ในเดือนมิถุนายน Jeffrey Jr. ถูกจับกุมในข้อหาทุจริตที่แยกออกมาต่างหากอีก ก่อนจะได้รับการประกันตัวออกมา ซึ่งเขาบอกว่าเป็นการเข้าใจผิด Andre น้องชายของเขา เป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหาร Chailease Holding ส่วน Leslie Koo ลูกชายของ Chen-Fu บริหารบริษัท Taiwan Cement
Jeffrey Koo Jr
ลำดับที่48. ตระกูล DHINGRA มูลค่าทรัพย์สินรวม: 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อินเดีย
Kuldip Dhingra และ Gurbachan Dhingra แห่งตระกูลธุรกิจสี Dhingra
สองพี่น้อง Kuldip และ Gurbachan Singh Dhingra ติดโผการจัดอันดับเป็นครั้งแรก อานิสงส์จากบริษัท Berger Paints India ที่ตั้งอยู่ที่เมือง Kolkata ซึ่งหุ้นของบริษัททะยานขึ้นเกือบ 65% ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา บริษัทเป็นผู้ผลิตสีขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของอินเดีย โดยพี่น้องทั้งคู่ถือหุ้นอยู่ 75% บริษัททำกำไรสุทธิเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 40% ในไตรมาสล่าสุด สำหรับธุรกิจสีของครอบครัวนั้นต้องย้อนเวลากลับไปถึงยุคคุณปู่และคุณทวด ผู้เริ่มเปิดร้านขายสีที่ Amritsar ในรัฐ Punjab เมื่อปี 1898 ต่อมาบิดาของทั้งสองพี่น้องเริ่มกิจการผลิตสีแต่ก็ขายธุรกิจออกไปในที่สุด ก่อนที่ทั้งสองจะหันมาเปิดธุรกิจขึ้นใหม่อีกครั้งในยุค 1960 โดยตอนนั้นใช้ชื่อว่า UK Paints โดยทำกำไรจากการส่งออกสีจากการส่งไปขายให้อดีตสหภาพโซเวียต ในปี 1991 พวกเขาเข้าซื้อ Berger Paints ซึ่งในเวลานั้นยังคงเป็นบริษัทผู้ผลิตสีรายเล็กที่สุดในประเทศ ปัจจุบันลูก 2 คนของเขานั่งเก้าอี้คณะกรรมการบริหารบริษัท ซึ่งกำลังได้รับการฟูมฟักเพื่อพิชิตความสำเร็จ ลำดับที่50. ตระกูล PIRAMAL มูลค่าทรัพย์สินรวม: 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อินเดีย หุ้นของ Piramal Enterprises กิจการหลักของตระกูลทะยานขึ้นกว่า 80% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา บริษัทแห่งนี้ครอบคลุมอุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพไปจนถึงการให้บริการข้อมูลและการเงิน ในปี 1977 เมื่อตอนที่ Ajay Piramal เป็นประธานบริษัท ซึ่งในเวลานั้นมีอายุเพียง 22 ปี เขาก็เริ่มบริหารธุรกิจสิ่งทอของครอบครัวที่คุณปู่ Piramal Chatrabhuj ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1934 แต่เพียง 2 ปีหลังจากนั้น Gopikrishna Piramal คุณพ่อของ Ajay เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน ก่อนที่เขาจะต้องสูญเสียพี่ชายไปด้วยโรคมะเร็งถัดจากนั้นอีก 5 ปี ทำให้เขาต้องก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหาร Ajay เริ่มกระจายและขยายธุรกิจสู่อุตสาหกรรมยา โดยเข้าซื้อ Nicholas Laboratories เมื่อตอนที่เขาอายุได้ 32 ปี ในปี 2010 เขาขายธุรกิจสูตรยาของครอบครัวไปให้กับ Abbott Labs ในราคา3.8 พันล้านเหรียญ สำหรับ Ajay มีลูกๆ 2 คนร่วมงานด้วย
Ajay Piramal, Chairman, Piramal Group (Image: Mexy Xavier)

คลิ๊กเพื่ออ่านฉบับเต็ม "50 ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2559