ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อ เจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าสัวผู้ร่ำรวยเป็นอันดับ 2 ในประเทศไทยชนะการประมูลและคว้าบริษัทเครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อย่าง เฟรเซอร์แอนด์นีฟ ประเทศสิงคโปร์ ไปครองในวงเงิน 1.12 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อปี 2556
และล่าสุดโครงการ “One Bangkok” ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 3.5 พันล้านเหรียญใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานครเป็นผลงานชิ้นแรกของหน่วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเฟรเซอร์ โครงการซึ่งได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นการลงทุนมูลค่ามหาศาลที่สุดบนที่ดินผืนเดียวในกรุงเทพนี้ ดำเนินงานโดยบริษัทของเจริญอย่าง ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) โดยเจริญถือครองที่ดินขนาดใหญ่หลายแปลงในประเทศไทยผ่านบริษัทนี้ รวมถึงที่ดินแปลงดังกล่าวด้วย โครงการ One Bangkok ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 41 เอเคอร์ (103.7 ไร่) จะเป็นการผสมผสานกันระหว่างอาคารสำนักงาน โรงแรม ที่พักอาศัย และศูนย์การค้า มีรายงานว่าจะมีตึกระฟ้าสูง 90 ชั้นรวมอยู่ด้วย “โครงการใหญ่ขนาดนี้เป็นอะไรที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน” Simon Landy กรรมการบริหาร บริษัทคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กล่าว ปณต สิริวัฒนภักดี วัย 39 ปี บุตรชายคนเล็กของเจริญเป็นผู้ดูแลโครงการ One Bangkok ขณะที่ ฐาปน ผู้เป็นพี่ชาย ดูแลธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ในตำแหน่งผู้อำนวยการและซีอีโอ แห่ง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ส่วนปณต ซีอีโอของ กลุ่มบริษัทเฟรเซอร์ เซ็นเตอร์พอยท์ ในสิงคโปร์ รับผิดชอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศของครอบครัว ที่ตั้งของโครงการซึ่งอยู่บนถนนพระราม 4 และถนนวิทยุ ติดกับสวนลุมพินีและอยู่ใกล้กับสถานทูตหลายแห่งเป็นที่หมายตาของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งมานานแล้ว ที่ดินซึ่งมีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นเจ้าของแปลงนี้เคยเป็นที่ตั้งของสวนลุมไนท์บาซาร์ แหล่งช็อปปิ้งที่มีชื่อเสียงจนถึงปี 2550 บริษัท ทีซีซีและบริษัทจดทะเบียนอย่าง ยูนิเวนเจอร์ ซึ่งต่างก็บริหารงานโดยเจ้าสัวเจริญ เป็นผู้ชนะการประมูลในการพัฒนาที่ดินผืนงามนี้ในปี 2547 ในราคาที่ไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ การที่ทีซีซีซึ่งในตอนแรกได้รับสิทธิในการเช่าที่ดิน 30 ปี ได้รับการต่อสัญญาเช่าอีก 30 ปีเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก ปณต ยืนยันว่าการต่อสัญญาเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้โครงการพัฒนาต่อไปได้ เขาไม่วิตกกับปัญหาอสังหาริมทรัพย์ล้นตลาด โดยกล่าวว่าโครงการนี้จะค่อยๆ ดำเนินการไปทีละขั้นและจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2568 โครงการนี้น่าจะเป็นตัวสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอสังหาริมทรัพย์โครงการอื่นๆ ที่เจริญเป็นเจ้าของหรือเช่าซึ่งอยู่ในละแวกใกล้เคียงอีกด้วยจนทำให้มีนายธนาคารรายหนึ่งเรียกเจ้าสัวเจริญว่า “ผู้ครอบครองอาณาจักรพระราม 4” เรื่อง: Ron Gluckman เรียบเรียง: ริศาคลิกอ่าน "การจัดอันดับ 50 อภิมหาเศรษฐีไทยประจำปี 2560 Thailand's 50 Richest" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ มิถุนายน 2560 ในรูปแบบ e-Magazine