หวัง วนาไพรสณฑ์ ค้นโอกาสแจ้งเกิด ADB ติดอาวุธนวัตกรรมเม็ดพลาสติกคอมปาวด์ - Forbes Thailand

หวัง วนาไพรสณฑ์ ค้นโอกาสแจ้งเกิด ADB ติดอาวุธนวัตกรรมเม็ดพลาสติกคอมปาวด์

แอ็พพลาย ดีบี ติดอาวุธนวัตกรรมเม็ดพลาสติกคอมปาวด์รับเทรนด์ผู้สูงอายุและสุขภาพ ชูเทคโนโลยีตอบโจทย์ดีมานด์โลก พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตกาว ยาแนวเดินหน้าสู่เป้าหมายท็อปทรีแห่งอาเซียนใน 3 ปี

มากกว่า 30 ปีที่ หวัง วนาไพรสณฑ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB วัย 64 ปี นักธุรกิจชาวไต้หวันได้เล็งเห็นจังหวะและโอกาสเริ่มต้นธุรกิจที่สอดคล้องกับเทรนด์การส่งออกรองเท้าของประเทศไทยในปี 2528 ด้วยการเปิดบริษัท ดี.บี.เคมีคัล อินดัสเตรียล จำกัด เพื่อผลิตกาวอุตสาหกรรม และบริษัท แอ็พพลายเคมีคอล อินดัสตรี้ จำกัด ผลิตเม็ดพลาสติกสำหรับรองเท้าในปีต่อมา โดยแปรเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมตั้งแต่อายุ 22 ปีในโรงงานทินเนอร์และเคมีภัณฑ์ที่ไต้หวัน “ผมเข้ามาช่วงอายุ 32-33 ปี หลังจากสำรวจตลาดในประเทศไทยและชอบมากประเทศไทยน่าอยู่ เราจึงขยายโรงงานกาวมาที่นี่ นำ know how จากไต้หวันและพี่น้องของเราร่วมกันก่อตั้งบริษัทกับครอบครัวเจริญสิน” หลังพยายามนำพาธุรกิจ ดี.บี.เคมีคัลอินดัสเตรียล และแอ็พพลายเคมีคอลอินดัสตรี้ ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจการเงินในเอเชียปี 2540 หวังเล็งเห็นโอกาสการควบรวม 2 ธุรกิจสู่การจัดตั้งบริษัทแอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) ในปี 2548 ขณะที่ก้าวสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของหวังสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งเกิดขึ้นหลังจากกลุ่ม Showa Global Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในฮ่องกงของ Showa Kasei Kogyo Company Limited ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น เข้าร่วมถือหุ้นบริษัทจำนวน 1 ล้านหุ้น พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีและองค์ความรู้กระบวนการผลิตเม็ดพลาสติกพีวีซีคอมปาวด์ช่วยเสริมศักยภาพ โดยเฉพาะการผลิตเม็ดคอมปาวด์สำหรับใช้ในการแพทย์ (Medical grade compound) ซึ่งช่วยต่อยอดธุรกิจของกลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของโรงงานอุตสาหกรรม ปัจจุบัน บริษัทประกอบธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มผลิตภัณฑ์กาวและผลิตภัณฑ์ยาแนว (Adhesive and Sealant) ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์กาว เพื่อใช้ยึดติดวัสดุ เช่นกาวยาง กาวกราฟท์หรือกาวขาว กาวซูเปอร์กลูหรือกาวพลังช้าง กาวแทนตะปู เป็นต้น ซึ่งยังไม่นับเราผลิตภัณฑ์อื่นๆ “นิคมอุตสาหกรรมบางปูมี 3 โรงงานและกำลังก่อสร้างโรงงานที่ 4 ทั้งผลิตจัดจำหน่ายในแบรนด์ของเราและรับจ้างผลิตแบบ OEM และ ODM ทำให้เราได้รับ know how จากลูกค้า โดยผลิตภัณฑ์ของเรา ได้แก่ เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ที่ทำให้โรงงานสายไฟ ประมาณ 80-90% ของกำลังการผลิต ซึ่งคิดเป็น 45% ของรายได้ และกาว ยาแนว 55% แบ่งเป็นจำหน่ายในประเทศ 65% ต่างประเทศ 35% อนาคตอาจเป็นในประเทศ 50% ต่างประเทศ 50% จากการขยายฐาน AEC และโรงงานแห่งใหม่เพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น” R&D เสริมฐานธุรกิจแกร่ง ท่ามกลางความสำเร็จของผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง หวังเชื่อมั่นในความสำคัญของการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นหัวใจหลักของบริษัทนับตั้งแต่เริ่มต้น โดยรวมระยะเวลาการก่อตั้งแผนกวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กว่า 12 ปี ภายใต้ฝ่ายเทคนิคของบริษัทที่มีพนักงานรวม 41 คน แบ่งเป็นแผนกวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Research and Development) 22 คน และแผนกประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ (Quality Assurance) 19 คน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์และตรวจสอบรับรองคุณภาพสินค้าให้ตรงตามมาตรฐาน “เราต้องพัฒนา know how อย่างต่อเนื่อง บางอย่างอาจจะต้องซื้อหรือให้คนเก่งเข้ามาทำงาน รวมถึงความร่วมมือกับต่างชาติอย่างญี่ปุ่น ซึ่งเราลงทุนในส่วนนี้มาก เพราะเราเชื่อว่า ถ้าไม่มี R&D เราก็ไม่มีอนาคต โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเรา นวัตกรรมและคุณภาพเป็นเรื่องสำคัญ” ทัพนวัตกรรมรุกอาเซียน จากโอกาสสร้างการเติบโตทางธุรกิจที่เล็งเห็น โดยเฉพาะการขยายฐานลูกค้าในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC และการขยายช่องทางการจำหน่ายในกลุ่มลูกค้าทวีปแอฟริกาและเอเชีย ภายใต้แผนการขยายกำลังการผลิตและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในอนาคต ทำให้บริษัทเดินหน้านำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว (ชื่อย่อ ADB) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน “การเปลี่ยนธุรกิจครอบครัวให้เป็นมหาชนต้องใช้เวลา เช่น ผลการดำเนินงาน วัฒนธรรมองค์กร ความเห็นของผู้ถือหุ้น เราเตรียมความพร้อมหลายปีจนกระทั่งเข้าในปีนี้เพราะถึงเวลา ทั้งการขยายโรงงาน และสร้างการรับรู้ โดยหลังจากนี้เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด ส่วนราคาหุ้นเป็นเรื่องของกลไกตลาดและผลการดำเนินงาน ซึ่งสุดท้ายจะสะท้อนออกมายังราคาหุ้นที่ควรจะเป็น” สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคตได้แก่ การขยายกำลังการผลิตผ่านโรงงานแห่งใหม่ เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์กาวและยาแนว 4 รายการ แบ่งเป็นการผลิตสินค้าใหม่ และเพิ่มกำลังการผลิตสินค้า คาดว่าโรงงานใหม่จะเริ่มผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสสุดท้ายปี 2561 ซึ่งจะผลิตอย่างเต็มประสิทธิภาพได้ในปี 2563 และจะรวมกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 13,590 ตันต่อปี “ทุกคนย่อมต้องการเป็นผู้นำ แต่การเป็นอันดับ 1 นั้น เราต้องดีจริง และเราต้องเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งในปัจจุบันเรามั่นใจว่า เราเป็น top 5 ในอาเซียน และอนาคตเราต้องอยู่ใน top 3 โดยเฉพาะถ้าโรงงานสร้างเสร็จและสามารถเดินหน้าผลิตเต็มที่ในปี 2020 รายได้เราจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนเม็ดพลาสติกที่กำลังทดลองนวัตกรรมใหม่และอยู่ระหว่างศึกษาตลาดก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการลงทุนตามมา” หวังกล่าวถึงเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ ขณะเดียวกันซีอีโอสัญชาติไทย เชื้อชาติไต้หวัน ยังย้ำถึงการให้ความสำคัญกับบุคลากรหรือทีมงานขององค์กรมากกว่าการเติบโตด้านรายได้เพียงอย่างเดียว โดยเน้นการทำงานในลักษณะพี่น้องหรือคนในครอบครัวที่ร่วมกันสร้างธุรกิจ พร้อมทั้งให้โอกาสและความเชื่อมั่นกับทีมงาน ทำให้พนักงานส่วนใหญ่มีความผูกพันและร่วมงานกับบริษัทในระยะยาว “ส่วนใหญ่คนทำงานกับเรา 20-30 กว่าปีการเปลี่ยนงานน้อยมาก แม้โรงงานแห่งแรกจะอัพเกรดเป็นกึ่งอัตโนมัติมากขึ้น แต่เราไม่ปลดพนักงาน เรานำคนงานจากโรงงานแรกไปโรงงานแห่งใหม่ ตรงนี้เป็นเป้าหมายของเราที่จะไม่ให้คนออก รวมถึงการสื่อสารกับคนในองค์กรก็สำคัญ ผมพูดกับลูกหลานเป็นประจำว่า แม้เราจะเป็นคนไต้หวันแต่เราอยู่ในประเทศไทย เราก็เป็นคนไทย คนทำงานกับเราก็เป็นคนไทย เราต้องรักประเทศไทย” เรื่อง: พรพรรณ ปัญญาภิรมย์ ภาพ: กิตติเดช เจริญพร และ ADB
อ่านฉบับเต็ม "หวัง วนาไพรสณฑ์ ค้นโอกาสแจ้งเกิด ADB" ได้ใน นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มกราคม 2561 ในรูปแบบ E-Magazine