Min-Liang Tan ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Razer ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์เล่นเกม เป็นผู้ประกอบการสายเทคโนโลยีหน้าใหม่คนแรกที่ติดโผการจัดอันดับ 50 เศรษฐีของสิงคโปร์ Razer มีบริษัทยักษ์ใหญ่ให้การสนับสนุน เช่น Temasek กับ Intel Capital โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ แต่ก็ดำเนินธุรกิจอย่างกว้างขวางในสิงคโปร์เช่นกัน พวกเขาขายคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป เมาส์ และแท็บเล็ตเพื่อการเล่นเกมได้นับล้านๆเครื่องทั่วโลกตลอดระยะเวลา 1 ทศวรรษที่ผ่านมา
Tan ชาวสิงคโปร์เรียกตัวเองว่า “หัวหน้าผู้เล่น” เขาตัดสินใจหันหลังให้กับอาชีพในแวดวงกฎหมายเพื่อเปิดบริษัท Razer ในปี 2005 แต่ไม่ยอมพูดถึงความมั่งคั่งของตัวเอง “ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวแล้วล่ะก็ ผมขออยู่เงียบๆ ดีกว่าครับ ผมสนใจการบริหารบริษัทมากกว่า” ว่าที่นักธุรกิจใหญ่สายเทคโนโลยีอีกรายคือ Forrest Li วัย 38 ปี ซึ่งมีบ้านเกิดอยู่ในประเทศจีนและได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Stanford เขาคือผู้ก่อตั้ง Garena ซึ่งเป็นบริษัทอี-คอมเมิร์ซและเกมออนไลน์ที่มีอายุ 7 ปีแล้ว หลังสิ้นสุดรอบระดมทุนครั้งล่าสุด Garena ได้รับการประเมินมูลค่าไว้ที่ 3.8 พันล้านเหรียญ Li ซึ่งในเวลานี้ถือสัญชาติสิงคโปร์แล้ว ปฏิเสธที่จะพูดถึงการถือหุ้นของตนเช่นกัน รัฐบาลสิงคโปร์พยายามผลักดันประเทศให้กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจกระแสใหม่ จึงมีธุรกิจรายใหม่ๆ เปิดตัวขึ้นมากมายตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา บรรดานายทุนเงินหนากลุ่ม “angel investor” ไม่ว่าจะเป็น Eduardo Saverin (อันดับ 3) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งร่วมของ Facebook หรือว่า Toivo Annus ผู้ก่อตั้งร่วมของ Skype รวมทั้งบริษัทร่วมลงทุนอย่าง Sequoia Capital ต่างพร้อมจะวางเงินเดิมพันให้กับผู้ประกอบการหน้าใหม่ โดยหวังว่าจะได้ค้นพบดาวรุ่งรายต่อไป ในบรรดาธุรกิจสตาร์ทอัพชื่อดังรายอื่นๆ ประกอบไปด้วย PropertyGuru ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ Steve Melhuish เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น สำหรับ Melhuish วัย 47 ปี เป็นชาวอังกฤษแต่ย้ายมาอาศัยอยู่ในประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2004 บริษัทแห่งนี้สามารถระดมทุนได้ 150 ล้านเหรียญจากนักลงทุน อาทิ TPG Capital อีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังมาแรงคือ Redmart ที่มี Roger Egan อดีตนายธนาคารด้านการลงทุนเป็นผู้บริหาร เขาเปิดร้านค้าออนไลน์แห่งนี้ขึ้นมาในปี 2011 จนถึงวันนี้ Redmart สามารถระดมทุนได้แล้ว 60 ล้านเหรียญ ซึ่งก็รวมถึงเงินลงทุนจาก Saverin ด้วย รายงานข่าวระบุว่า บริษัทสามารถระดมทุนเพิ่มอีก 100 ล้านเหรียญแล้วในเวลานี้ ท่ามกลางความพยายามเร่งเครื่องแซงคู่แข่งอย่าง Honestbee ที่มี Joel Sng ชาวสิงคโปร์วัย 34 ปีเป็นผู้ก่อตั้งร่วม สำหรับ Honestbee สามารถระดมเงินลงทุนได้ 15 ล้านเหรียญโดยหนึ่งในนักลงทุนคือ Steve Chen ผู้ก่อตั้งร่วมของ YouTube นั่นเองในเวลานี้ นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางความวิตกกังวลเรื่องฟองสบู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม Kathleen Ng กรรมการผู้จัดการศูนย์วิจัย Centre for Asia Private Equity Research ของฮ่องกงคาดการณ์ว่า การลงทุนในหุ้นนอกตลาดให้กับธุรกิจเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2016 นั้นจะยิ่งท่วมท้นเอาชนะยุคตื่นทองในปีที่ผ่านมาแบบไม่เห็นฝุ่นคลิ๊กอ่าน "Singapore's 50 richest" เพิ่มเติมได้ที่ Fobes Thailand Magazine ฉบับ SEPTEMBER 2016
