Wong Ngit Liong ประธานและซีอีโอ Venture Corp หนึ่งดาวเด่นในธุรกิจเทคโนโลยีของสิงคโปร์ในระยะเริ่มแรกต้องเผชิญมรสุมใหญ่เมื่อไม่นานมานี้
Wong วัย 77 ปี ซึ่งติดทำเนียบบุคคลผู้มั่งคั่งที่สุดในสิงคโปร์ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2009 เฝ้ามองราคาหุ้น Venture ที่ตกลงถึง 1 ใน 3 ภายในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์เศษในช่วงกลางเดือนเมษายนเมื่อหุ้น Venture กลายเป็นเป้าหมายของการขายทำกำไรในระยะสั้นการจู่โจมแบบตลาดหมี ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากรายงานฉบับหนึ่งจากบล็อกนิรนามที่ระบุว่า Venture พึ่งพาลูกค้าหลักอย่าง Philip Morris ซึ่งเป็นบริษัทบุหรี่ยักษ์ใหญ่มากจนเกินไป และยอดขายบุหรี่ไฟฟ้าของ Philip Morris ที่ผลิตโดย Venture ก็ไม่สู้ดีนัก ในแถลงการณ์ถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมานั้น Wong กล่าวกับบรรดานักวิเคราะห์ว่าให้พิจารณาถึงแหล่งที่มาและเจตนาของรายงานฉบับดังกล่าวให้ดีส่วนซีเอฟโอของ Venture กล่าวว่าผู้ที่ขายหุ้น Venture เพื่อหวังทำกำไรระยะสั้นซึ่งอยู่เบื้องหลังรายงานดังกล่าวมี “วาระซ่อนเร้นที่ชัดเจน” หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอย่าง Business Times ได้รายงานคำกล่าวของ Wong ในแถลงการณ์ว่า “คนพวกนี้มีความกล้าหาญพอที่จะเปิดเผยตัวตนหรอกหรือ ขอจงอย่าเชื่อข่าวลือ” ราคาหุ้น Venture ร่วง 21% นับตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม เมื่อบริษัทได้ซื้อหุ้นคืนจากตลาดและออกแถลงการณ์เกี่ยวกับฐานลูกค้าของบริษัทที่มีอยู่อย่างหลากหลาย โดยกล่าวว่าบริษัทมีลูกค้าที่ยังดำเนินธุรกิจอยู่กว่า100 ราย Venture ยังได้ปกป้องการตัดสินใจของตนเองที่จะไม่เปิดเผยรายชื่อลูกค้าในธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง Jarick Seet หัวหน้าฝ่ายวิจัยบริษัทมาร์เก็ตแคปขนาดเล็กและขนาดกลางของ RHB Research Institute Singapore กล่าวว่าเป็นเรื่องยากที่หุ้น Venture จะกลับไปยืนที่ราคาสูงสุดเหมือนในอดีต เนื่องจากภาวะซบเซาที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก ถึงแม้ว่า Venture จะมีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 3.4 พันล้านเหรียญ แต่ Wong ซึ่งถือกรรมสิทธิ์ 7% ในบริษัทก็ยังคงไม่มีชื่อติดทำเนียบ 50 บุคคลผู้มั่งคั่งที่สุดอยู่ดี Wong บัณฑิตสาขาวิศวกรรมศาสตร์และอดีตผู้ได้รับทุน Fulbright จาก UC Berkeley ได้สั่งสมประสบการณ์การทำงานที่ Hewlett-Packard ในสหรัฐอเมริกาและเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการตั้งไข่ธุรกิจของ HP ในสิงคโปร์และมาเลเซีย Wong รับตำแหน่งประธานและซีอีโอของ Venture ใน ปี 1986 สองปีหลังจากที่บริษัทซึ่งแต่เดิมมีชื่อว่า Venture Manufacturing Singapore ได้ก่อตั้งขึ้น Wong ยังเป็นข่าวใหญ่ในฐานะผู้บริหารที่มีรายได้สูงที่สุดในสิงคโปร์ โดยทำเงินได้ถึง 9 ล้านเหรียญในปีที่แล้ว ซึ่งมากกว่าสองเท่าของเงินเดือนของตนเองในปี 2016 และมากกว่าสุดยอดนายธนาคารของสิงคโปร์อย่าง Piyush Gupta ผู้บริหารสูงสุดของ DBS และ Wee Ee Cheong ซีอีโอ United Overseas Bank (บุตรชายของ Wee Cho Yaw ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 6) ภายใต้การบริหารงานของ Wong กำไรของ Venture เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจากปีก่อนเป็น 280 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นผลมาจากการทำรายได้เป็นประวัติการณ์ที่ 3 พันล้านเหรียญ รวมถึงการพัฒนาการออกแบบด้านวิศวกรรมและการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น Venture ประกาศกำไรสุทธิไตรมาสแรกของปี 2018 จำนวน 62ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.5% หรือคิดเป็น 634 ล้านเหรียญคลิกอ่าน การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดแห่งสิงคโปร์ ประจำปี 2018 ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับเดือนสิงหาคม 2561