ความปั่นป่วนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนไม่ได้ทำให้ Robert Wong ซีอีโอของ Hongkong Land เลิกล้มความคิดจะเดิมพัน 8.4 พันล้านเหรียญสัหรัฐฯ ในโครงการสุดอลังการแห่งเมือง Shanghai เขาบอกตอนนี้แหละคือเวลาที่ต้องคว้าโอกาสไว้
ยามที่ไม่ค่อยมีใครกล้าลงทุนในตลาดอสังหาฯ ของจีนซึ่งกำลังถูกปัญหารุมเร้า Robert Wong ซีอีโอของ Hongkong Land กลับเดิมพันด้วยการทุ่มเงินลงไปเป็นอีกเท่าตัวช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทพัฒนาอสังหาฯ แห่งนี้ ตัดสินใจลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่บริษัทเคยทำมาในปฎิวัติศาสตร์ 133 ปี เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ริมแม่น้ำทางใต้ของย่านใจกลางเมือง Shanghai ให้เป็นศูนย์กลางการเงินแห่งใหม่ ขณะเดียวกันก็เพิ่มโครงการที่พักอาศัยในหลายเมืองของจีนด้วย
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 ช่วงที่ประเทศจีนตกอยู่ในเงื้อมมือของโควิด-19 ซึ่งกำลังระบาดไปทั่วโลก บริษัทซื้อที่ดิน 231,300 ตารางเมตรใน Shanghai มาด้วยราคา 4.4 พันล้านเหรียญ ซึ่งกำลังใช้ก่อสร้างโครงการด้วยเงินทุนรวม 8.4 พันล้านเหรียญ
โดยเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมทุน และในปีต่อมาแม้บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำของจีนหลายรายจะเริ่มมีปัญหาเงินตึง แต่ Hongkong Land ก็ยังซื้อที่ดินปลูกสร้างที่พักอาศัยอีก 8 แห่งเพื่อสร้างบ้านซึ่งส่วนใหญ่มีราคาปานกลางถึงสูง ทำให้พอร์ตของบริษัทมีโครงการเพิ่มขึ้นมาเป็น 35 โครงการใน 7 เมืองของจีนแผ่นดินใหญ่ ณ เดือนธันวาคม ปี 2021
“เราไม่ควรถอดใจเพราะความผันผวนระยะสั้น” Wong วัย 61 ปี กล่าวในการให้สัมภาษณ์พิเศษ ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทในฮ่องกงเมื่อปลายเดือนมิถุนายน ปี 2022 “เมื่อโอกาสมาเราก็ควรกล้าที่จะคว้าไว้” แม้คู่แข่งในวงการอสังหาฯ หลายรายจะระงับแผนการลงทุนหลังจากรัฐบาลจีนเข้ามาจัดการเรื่องการกู้เงินมากเกินไปที่ได้ลุกลามกลายเป็นวิกฤตหนี้
แต่ Wong กลับนำ Hongkong Land เข้าลงทุนทั่วเอเชียเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัวเป็นราว 3.3 พันล้านเหรียญในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นจาก 1.8 พันล้านเหรียญก่อนเกิดโรคระบาด รวมถึงเสริมพอร์ตลงทุนหลักในฮ่องกงให้แกร่งขึ้นและขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
Hongkong Land ซึ่งเป็นเพชรยอดมงกุฎของกลุ่มบริษัทใหญ่แห่งเอเชีย Jardine Matheson ฝ่าฟันปัญหามามากผ่านประวัติศาสตร์ยาวนานของบริษัท ตั้งแต่การอยู่รอดจากช่วงที่ญี่ปุ่นยึดครองฮ่องกงในสงครามโลกครั้งที่ 2 มาจนถึงวิกฤตการณ์การเงินในเอเชียปี 1997 และเรื่องอื่นๆ บริษัทนี้ช่วยรังสรรค์เส้นขอบฟ้าอันขึ้นชื่อของฮ่องกงและเปลี่ยนย่าน Central ให้กลายเป็นย่านธุรกิจชั้นยอดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์รายนี้มักมองเห็นแสงสว่างท่ามกลางช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมืดมน บริษัทเปิดตัวอาคาร Exchange Square ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและธนาคารกับสำนักงานกฎหมายระดับโลก ในช่วงที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงทรุดหนักเมื่อทศวรรษ 1980 และหลังจากเกิดวิกฤตการณ์ ด้านการเงินปี 1997 Hongkong Land อาศัยจังหวะที่ราคาอสังหาฯตกต่ำตะครุบที่ดินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จนกลายมาเป็น
ก่อนหน้านั้น แต่ Ricky Tsang นักวิเคราะห์ของ S&P กล่าวว่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 7.9% ของย่าน Central โดยรวม และสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพอร์ต Wong ให้เหตุผลว่าบริษัทมีอัตราห้องว่างค่อนข้างต่ำเพราะความสามารถในการรักษากลุ่มผู้เช่ารายใหญ่ที่สุดและผู้เช่าวิ่งเข้าหาอาคารคุณภาพดีในสถานการณ์ที่การเช่าสำนักงานลดลง
ผู้เช่า 30 อันดับแรกซึ่งเช่าห้องเกือบครึ่งหนึ่งในพอร์ตสำนักงานของ Hongkong Land ในย่าน Central มีค่าเฉลี่ยของอายุสัญญาเช่า ณ เดือนมิถุนายน ปี 2022 อยู่ที่ 5.6 ปี โดยผู้เช่ารายใหญ่ของบริษัทมีทั้ง JPMorgan, KPMG, Mayer Brown, PwC และตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ส่วนพื้นที่ค้าปลีกนั้น Hongkong Land ก็มีผู้เช่าอย่าง Giorgio Armani, Hermes, LVMH และอื่นๆ
แม้ฮ่องกงจะยังมีข้อจำกัดด้านการเดินทาง และการปราบปรามผู้มีความเห็นขัดแย้งทางการเมืองเสี่ยงต่อการทำให้สถานะศูนย์กลางทางการเงินระดับของเมืองนี้ต้องถดถอย บวกกับวงอสังหาฯ ในจีนแผ่นดินใหญ่ที่อาการทรุดหนัก
แม้รัฐบาลจะพยายามกู้ชีพแล้วก็ตาม แต่ Wong ก็ยังรู้สึกดีกับตลาดสำคัญที่สุดของบริษัทสองตลาดนี้ เขาเชื่อว่าความพยายามของรัฐบาลจีนในการช่วยลดหนี้ให้บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ในจีนแผ่นดินใหญ่จะช่วยให้ภาคธุรกิจนี้กลับมามีสุขภาพดีขึ้นในระยะยาวและสร้างโอกาสใหม่ๆ ได้
“แม้ว่าเราจะต้องรอบคอบในช่วงเวลายากลำบาก แต่ก็ไม่ควรระแวงเกินไป” Wong กล่าว “เรายังควรจะมองหาและสำรวจโอกาสใหม่ๆ เพราะในวิกฤตย่อมมีโอกาส”
รายงานเพิ่มเติมจาก Robert Olsen
อ่านเพิ่มเติม: “เจ้านาย” แห่ง 6 โรงแรมหรูที่เหล่าทาสแมวต่างพากันเอ็นดู