นับเป็นปีที่ 7 ติดต่อกันที่ Forbes ได้ร่วมมือกับ TrueBridge Capital Partners เพื่อค้นหาสตาร์ทอัพ 25 แห่ง ที่มีแนวโน้มว่าจะก้าวขึ้นเป็นยูนิคอร์นมากที่สุด
โดย
TrueBridge ได้ขอให้บริษัทร่วมทุนเสนอชื่อสตาร์ทอัพ 300 แห่งในสหรัฐอเมริกาเพื่อใช้ในการคัดเลือก ขณะที่
Forbes สามารถเข้าถึงบริษัทสตาร์ทอัพกว่า 80 แห่งโดยตรง แล้วจึงนำข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับมาวิเคราะห์สถานะทางการเงินและสัมภาษณ์ผู้ก่อตั้งและนักลงทุน
อย่างไรก็ดี การประเมินมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นั้นไม่ใช่สิ่งที่เคยเป็นมา เนื่องจากบริษัทต่างๆ บรรลุเป้าหมายนั้นด้วยความเร็วสูง เพราะแม้แต่สตาร์ทอัพที่มีรายได้เพียงเล็กน้อยก็ยังได้รับการประเมินมูลค่าที่สูงลิ่ว เนื่องจากนักลงทุนเดิมพันกับการเติบโตในอนาคต
ขณะที่รายได้เฉลี่ยโดยประมาณในปี 2020 สำหรับบริษัทต่างๆ ที่ปรากฎในทำเนียบในปีนี้อยู่ที่ 12 ล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ย 30 ล้านเหรียญในปี 2020
และนอกจากนี้ ยังมีบริษัทที่กำลังมาแรงอีกมากมายที่คุณควรจับตาดู อาทิเช่น สตาร์ทอัพทดสอบ DNA ของสุนัข หรืออีกแห่งที่จะช่วยให้คุณสามารถรับรองเอกสารจากบ้านของคุณได้อย่างสะดวกสบาย
พบกับ
5 สตาร์ทอัพจากทั้งหมด 25 แห่งที่ Forbes Thailand คิดว่าน่าสนใจและมีโอกาสก้าวสู่การเป็นยูนิคอร์นในอนาคต ดังต่อไปนี้ (เรียงตามตัวอักษร)
Abra
ผู้ก่อตั้ง: Bill Barhydt (ซีอีโอ)
มูลค่าการระดมทุน: 86 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้ในปี 2020: 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นักลงทุนหลัก: Arbor Ventures, First Round Capital, HCM Capital, Ignia
“ธนาคารคริปโต” คือ หนึ่งในสตาร์ทอัพคริปโตเคอร์เรนซีที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดย Barhydt อดีตรองประธาน Goldman Sachs วัย 53 ปี เพื่อช่วยพนักงานอพยพส่งเงินกลับบ้านให้กับครอบครัว
ปัจจุบัน Abra เสนอกระเป๋าเงินบิตคอยน์ให้กับลูกค้าทั้งในรูปแบบของสกุลเงินคริปโตและเงินดอลลาร์ โดยผู้ฝากจะได้รับดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 85 ในขณะที่ Abra จะได้รับเงินส่วนที่เหลือนอกจากนี้บริษัทยังทำเงินได้จากส่วนต่างระหว่างราคาสปอตและราคาซื้อขายสำหรับธุรกรรมคริปโตเช่นกัน
Array
ผู้ก่อตั้ง: Martin Toha (ซีอีโอ), Phillip Zedalis
มูลค่าการระดมทุน: 67 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้ในปี 2020: 11 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นักลงทุนหลัก: Battery, General Catalyst
Toha ผู้ประกอบการ วัย 42 ปี ลาออกจากบริษัทปกป้องข้อมูลส่วนตัว Pentius และชักชวน Zedalis ซีทีโอ วัย 36 ปี เปิดตัว Array ในเดือนมกราคม 2020 เพื่อร่วมงานกับฟินเทคและสถาบันการเงินอื่นๆ ในการช่วยเหลือนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในการสร้างและออกแบบเครื่องมือทางการเงินสำหรับผู้บริโภค ซึ่งรวมถึงแอปพลิเคชันที่เปิดเผยคะแนนเครดิตของลูกค้า ประวัติการชำระเงิน หรือเสนอการปกป้องข้อมูลส่วนตัว
Array กล่าวว่า บริษัทสามารถดำเนินบริการทางการเงินให้กับลูกค้าอย่างครบถ้วน ซึ่งหมายรวมถึง SoFi, Brigit และ One ในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งก่อนหน้านี้อาจใช้เวลาถึง 18 เดือน
“แม้ว่าลูกค้าของเราจะเป็นธุรกิจ แต่ทุกสิ่งที่เราทำคือช่วยให้ผู้บริโภคมีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น” Toha กล่าว
Forethought
ผู้ก่อตั้ง: Sami Ghoche, Deon Nicholas (ซีอีโอ)
มูลค่าการระดมทุน: 27 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้ในปี 2020: 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นักลงทุนหลัก: AK9 Ventures, NEA
Nicholas วัย 28 ปี อดีตวิศวกรที่ Facebook, Palantir และ Dropbox ก่อนที่จะเริ่มต้น Forethought ร่วมกับ Ghoche วัย 27 ปี อดีตเพื่อนร่วมงานที่ Palantir เมื่อปลายปี 2018
Forethought ตั้งอยู่ในเมืองซานฟรานซิสโก โดยนำเสนอเครื่องมือ AI ที่เชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ของบริษัท เช่น Zendesk และ ServiceNow เพื่อความละเอียดที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทีมบริการลูกค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่มีความสลับซับซ้อนมากกว่าคำถามซ้ำซาก
“AI จะเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4” Nicholas กล่าว
Headway
ผู้ก่อตั้ง: Andrew Adams (ซีอีโอ), Kevin Chan, Dan Ross, Jake Sussman
มูลค่าการระดมทุน: 103 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้ในปี 2020: 16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นักลงทุนหลัก: Accel, Andreessen Horowitz, GV, Thrive Capital
“ชีวิตผมเปลี่ยนไปเมื่อได้พบกับนักบำบัด” Adams วัย 30 ปีกล่าว เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านวิศวกรรมศาสตร์จาก Stanford และมีประสบการณ์ด้านการลงทุนอย่างมืออาชีพ
Adams ไม่เคยคาดหวังว่าจะเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพด้านการดูแลสุขภาพจิต แต่ด้วยประสบการณ์ของตัวเองในการจัดการกับภาวะซึมเศร้าด้วยการบำบัด ทำให้เขาเปิดตัว Headway ในกรุงนิวยอร์ก ในปี 2017 เพื่อเป็นเครื่องมือในการเชื่อมต่อระหว่างผู้ป่วยและนักบำบัดโรค
หลังจากทำงานเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง Adams ตระหนักดีว่า ปัญหาที่ใหญ่กว่าก็คือคนจำนวนมากไม่สามารถจ่ายเงินเพื่อเข้ารับการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้ ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงจัดทำบัญชีนักบำบัดโรคพร้อมราคาค่าใช้จ่ายที่พวกเขาสามารถรองรับได้ ตลอดจนซอฟต์แวร์ในการเรียกเก็บเงิน "นักบำบัดสามารถตอบตกลงกับคนที่พวกเขามักจะต้องปฏิเสธ ผู้ป่วยสามารถใช้เงินเพียง 20 เหรียญแทนที่จะเสีย 200 เหรียญต่อครั้ง และบริษัทประกันภัยก็ประหยัดเงินได้จริงโดยมีคนจำนวนมากขึ้นที่มาพบนักบำบัด" Adams กล่าว
Route
ผู้ก่อตั้ง: Mike Moreno, Evan Walker (ซีอีโอ)
มูลค่าการระดมทุน: 91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้ในปี 2020: 34 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นักลงทุนหลัก: Album VC, Craft Ventures
Route ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาของแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซที่ว่า
“คำสั่งซื้อของฉันอยู่ที่ไหน” โดยการเชื่อมต่อผู้ค้ากับลูกค้าหลังจากทำการสั่งซื้อออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีการรับประกันการจัดส่งในตัว
“ผู้บริโภคสามารถคลิกปุ่มและสั่งสินค้าได้อีกครั้งทันที” Walker กล่าว ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและความยุ่งยากในการโทรหาฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อติดตามคำสั่งซื้อที่ผิดพลาด
Lehi บริษัทสตาร์ทอัพในยูทาห์ ซึ่งมีผู้ค้ามากกว่า 10,000 ราย และมีรายได้ประมาณครึ่งหนึ่งจากค่าบริการที่เรียกเก็บสำหรับการประกันภัย และส่วนที่เหลือจากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ผู้ค้าจ่ายทุกครั้งที่ลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์ที่ทำการตลาดผ่าน Route
ด้าน Walker วัย 41 ปี เริ่มธุรกิจอี-คอมเมิร์ซครั้งแรกเมื่ออายุ 14 ปี ด้วยการสร้างเว็บไซต์ที่ขายวิดีโอเกม และไม่กี่ปีต่อมาก็สามารถทำรายได้ถล่มทลาย
แปลและเรียบเรียงจากบทความ Next Billion Dollar Startups 2021 เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม:
การจัดอันดับ “ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด” ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2021
