Warren Buffett ได้รับการยกย่องอย่างยิ่งใหญ่ด้านไหวพริบการลงทุน แต่หนึ่งในปัจจัยมากมายที่ส่งผลต่อความสำเร็จของเขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเลือกหุ้นบริษัทที่ถูกต้องเลย
“ทักษะของเขาคือการลงทุน แต่ความลับของเขาคือเวลา” Morgan Housel เขียนไว้ในหนังสือขายดีของตนอย่าง ‘จิตวิทยาว่าด้วยเงิน (The Psychology of Money)’ โดยชี้ว่า “นั่นคือการทำงานของดอกเบี้ยทบต้น”
Housel อธิบายเพิ่มเติมจากการให้สัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อปี 2022 ว่า 99% ของความมั่งคั่งทั้งหมดที่ Buffett ครอบครองได้มาหลังเขาอายุ 65 ปี “หาก Buffett เกษียณตอนอายุ 65 เราคงไม่รู้จักเขา”
ปัจจุบัน Buffett มีมูลค่าความมั่งคั่งประมาณ 1.32 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ อ้างอิงจากดัชนีของ Bloomberg ซึ่งเพิ่มขึ้นมหาศาลนับตั้งแต่ Housel ตีพิมพ์หนังสือจิตวิทยาว่าด้วยเงินครั้งแรกในปี 2020 ในหนังสือดังกล่าว Housel เล่าว่า Buffett มีมูลค่าทรัพย์สิน 8.42 หมื่นล้านเหรียญหลังอายุ 50 ปี และ 8.15 หมื่นล้านเหรียญหลังอายุ 65 ปี
ดอกเบี้ยทบต้นไม่ได้นับแค่จำนวนเงินที่ลงทุนไป แต่ยังรวมถึงดอกเบี้ยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาด้วย โดย Buffett เปรียบเปรยกับลูกบอลหิมะที่กลิ้งลงจากเนินเขา พอมาถึงพื้นก็จะมีขนาดใหญ่กว่าเดิม
“เคล็ดลับคือเนินเขาต้องยาวมากครับ ซึ่งหมายถึงการเริ่มต้นตอนอายุยังน้อย หรือไม่ก็อยู่...จนอายุเยอะมาก” Buffett กล่าว
จะใช้ประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้นได้อย่างไร?
นักลงทุนทั้งหลายสามารถนำพลังของดอกเบี้ยทบต้นมาใช้ได้ในทุกวัน
“เริ่มต้นให้เร็ว ตอนอายุน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ และแม้จะเป็นเพียงจำนวนเล็กน้อย ก็หมั่นทำให้สม่ำเสมอ” David Rea ประธาน Salem Investment Counselors ใน Winston-Salem รัฐนอร์ธแคโรไลนา แนะนำ
Buffett เองก็เริ่มต้นเร็วเช่นกัน เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกตอนอายุ 11 ขวบ แต่หลังจากขายหุ้นของ Cities Service ไป เขาก็พบว่ามูลค่าของมันเพิ่มขึ้น เหตุการณ์นี้ให้บทเรียนแรกๆ ในชีวิตการลงทุนแก่เขาว่า การจะคาดเดาถึงช่วงเวลาที่ควรซื้อหรือขายหุ้นตอนไหนนั้นเป็นเรื่องยาก
“ผู้คนมีแนวโน้มจะตื่นเต้นกับตลาดขาขึ้น กระตุ้นให้พวกเขาซื้อ” Bradley Klontz นักวางแผนการเงินและผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมจาก Your Mental Wealth Advisors กล่าว “หลังจากนั้นพอตลาดขาลง พวกเขามีแนวโน้มจะกลัวและรีบขาย ซึ่งถือเป็นเรื่องตรงข้ามกับสิ่งที่พวกเขาควรจะทำเลย”
Klontz ชี้ว่า S&P 500 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยกว่า 10% ต่อปีตลอดระยะเวลา 100 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่พยายามกะเวลาตลาดไม่อาจเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทั้งหมดได้เต็มที่ หากพวกเขามัวแต่ลงทุนแบบเข้าๆ ออกๆ
ไม่มีความจำเป็นต้องโทษใคร สัญชาตญาณเอาตัวรอดจะพาให้คุณไหลไปตามตามคนหมู่มาก
“เราถูกกระตุ้นให้ทำแบบนั้น” Klontz เผย
เศรษฐีเป็นได้ไม่ยากหากเริ่มต้นเร็ว
“เรายังถูกกระตุ้นให้บริโภค ณ ตอนนี้ แทนที่จะให้ความสำคัญกับผลตอบแทนในอนาคต เพื่อรับมือกับมัน การมีวิสัยทัศน์ว่าด้วยเหตุผลในการลงทุนจะช่วยคุณได้” Klontz กล่าวถึง อิสรภาพทางการเงินที่คุณอยากมี รถที่คุณอยากขับ รวมถึงความรู้สึกพึงพอใจที่จะเกิดขึ้นกับคุณ
เมื่อมีเป้าหมายชัดเจนในใจแล้ว ให้ลงมือทำ และเตรียมพร้อมจัดการทรัพย์สินของคุณเสีย ตั้งแต่ค่าใช้จ่ายต่างๆ ไปจนแผนออมเงินสำหรับเกษียณ
และเช่นเดียวกับ Buffett แต่ละคนจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้สูงสุดเมื่อเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่ง Klontz ย้ำว่า “การเป็นเศรษฐีทำได้ง่ายมากจริงๆ หากคุณเริ่มต้นเร็ว”
ยิ่งรีรอนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากจะไล่ตามให้ทัน ยกตัวอย่างเช่น คุณต้องการเก็บเงินให้ได้ 1 ล้านเหรียญ หากเริ่มตั้งแต่ยังเยาว์วัย คุณอาจจะเก็บแค่วันละ 5 เหรียญก็พอ แต่หากคุณอายุ 30 ปี คุณอาจต้องเก็บเดือนละ 500 เหรียญ
อย่างไรก็ตาม ข่าวดีคือกลยุทธ์การลงทุนไม่จำเป็นต้องซับซ้อน Buffett เองก็แนะนำให้ทุกคนลงทุนอย่างเรียบง่ายที่สุดในกองทุนดัชนี S&P 500 ราคาต่ำ
“หากคุณซื้อกองทุนดัชนี S&P 500 ทุกสัปดาห์ต่อเนื่องกันไป เมื่อกลับมาดูคุณจะพบว่าตัวเองสะสมเงินก้อนใหญ่มาก” Rea กล่าว พร้อมแนะนำว่า นักลงทุนทั้งหลายยังสามารถศึกษาบทเรียนอื่นๆ ได้จาก Buffett อีกมากมาย เช่น อย่าตื่นตระหนก และลงทุนให้สม่ำเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แปลและเรียบเรียงจาก Most of Warren Buffett’s wealth was accumulated after age 65. Here’s what that can teach individual investors
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Warren Buffett ย้อนรำลึกถึง Charlie Munger พร้อมแนะการลงทุน “อย่าเชื่อกูรู”
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine