มหาเศรษฐีอเมริกันเรียนจบจากสถาบันไหนกันบ้าง? - Forbes Thailand

มหาเศรษฐีอเมริกันเรียนจบจากสถาบันไหนกันบ้าง?

Forbes ได้ประกาศทำเนียบมหาเศรษฐีโลกประจำปี 2024 ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งจากจำนวนมหาเศรษฐี 2,781 คนบนทำเนียบ เป็นชาวอเมริกันไปแล้ว 813 คน และกว่า 1 ใน 4 จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสถาบันชั้นนำ 1 ใน 12 แห่งที่ Forbes ได้รวบรวมมา


    สถาบัน 12 แห่งนี้ มีทั้งวิทยาลัยเอกชนในแคลิฟอร์เนีย, สถาบันประจำรัฐ และมหาวิทยาลัยในเครือไอวีลีก ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้ชื่อว่าเป็น ‘สถาบันระดับอีลีท’ เพราะไม่เพียงมีชื่อเสียงด้านคุณภาพการเรียนการสอน แต่ยังหมายถึงคอนเน็คชัน การยอมรับจากสังคม และสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับนักศึกษา

    การมีศิษย์เก่าเป็นมหาเศรษฐีไม่ได้ยกระดับเพียงชื่อเสียงของสถาบันเท่านั้น เพราะศิษย์เก่าหลายคนยังทุ่มเงินบริจาคให้สถาบันที่ตนเรียนจบมามหาศาลในแต่ละปีเป็นจำนวนไม่น้อย ยกตัวอย่าง เช่น Robert Kraft ประธานและซีอีโอแห่ง Kraft Group ศิษย์เก่า Columbia University ที่บริจาคเงินให้มหาวิทยาลัยไปแล้วอย่างน้อย 8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตลอดชีวิตของเขา อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่งประกาศยุติการบริจาคเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จากกรณีที่มีการประท้วงเกี่ยวกับสถานการณ์ในกาซาที่มหาวิทยาลัย

    ทั้งนี้ Columbia University ยังมีศิษย์เก่ามหาเศรษฐีอีกหลายคนที่พร้อมอุ้มชูสถาบันของพวกเขา หนึ่งในนั้นคือ Rocco Commisso ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอแห่ง Mediacom ที่กล่าวว่า “ในฐานะศิษย์เก่าและเป็นผู้มั่งคั่ง เราควรอุทิศตัวเพื่อช่วยให้ Columbia เติบโต สถาบันแห่งนี้คือที่ๆ ทำให้ผมมีเงินและโอกาส”

    อย่างไรก็ตาม ใช่ว่ามหาเศรษฐีทุกคนต้องเรียนจบปริญญาตรีจากสถาบันที่มีชื่อเสียง เพราะบางคนก็ดร็อปออกมากลางทาง เช่น Mark Zuckerberg และ Tom Ford หรือบางคนก็ไม่เคยไปเรียนมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ เช่น Taylor Swift และ LeBron James

    สำหรับรายชื่อสถาบันการศึกษาที่มีมหาเศรษฐีอเมริกันบนทำเนียบประจำปี 2024 เรียนจบปริญญาตรีมากที่สุดนั้น ทาง Forbes ได้ทำการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดภายในวันที่ 6 มิถุนายน 2024 พร้อมนำเสนอมูลค่าทรัพย์สินรวมของเหล่ามหาเศรษฐีที่เป็นศิษย์เก่าของสถาบันการศึกษาแต่ละแห่ง โดยมีรายละเอียดดังนี้


อันดับ 1

University of Pennsylvania

ที่ตั้ง: Philadelphia

จำนวนมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 36 คน

มูลค่าทรัพย์สินรวมของมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 367,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

    University of Pennsylvania หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า UPenn มหาวิทยาลัยเก่าแก่ก่อตั้งในปี 1790 หนึ่งในเครือไอวีลีกอันทรงเกียรติ มีชื่อเสียงโดดเด่นในสาขาวิชาธุรกิจ วิศวกรรมศาสตร์ กฎหมาย และแพทยศาสตร์ ศิษย์เก่าที่หลายคนน่าจะรู้จัก ได้แก่ Elon Musk และ Donald Trump นอกจากนี้ทายาท Estee Lauder ต่างก็เข้าเรียนที่สถาบันแห่งนี้กันมาหลายต่อหลายรุ่น


อันดับ 2

Stanford University

ที่ตั้ง: Stanford, California

จำนวนมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 30 คน

มูลค่าทรัพย์สินรวมของมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 90,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

    มหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Silicon Valley แห่งนี้คือสถานที่บ่มเพาะมหาเศรษฐีสายเทคโนโลยีมากมาย ไม่ว่าจะ Andy Fang และ Stanley Tang ผู้ร่วมก่อตั้งแอปพลิเคชันส่งอาหาร DoorDash, Evan Spiegel และ Bobby Murphy ผู้ริเริ่มโปรเจ็กต์ที่ท้ายสุดแล้วก็กลับกลายเป็น Snapchat และ Jerry Yang ผู้ร่วมก่อตั้ง Yahoo! ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีศิษย์เก่า Stanford ที่ประสบความสำเร็จอีกมากมาย


อันดับ 3

Harvard University

ที่ตั้ง: Cambridge, Massachusetts

จำนวนมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 28 คน

มูลค่าทรัพย์สินรวมของมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 261,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

    มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ 6 คนจบการศึกษาจากสถาบันแห่งนี้ เช่นเดียวกับดาราดัง Natalie Portman, นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ Neil deGrasse Tyson ผู้ได้รับรางวัลจาก NASA และคนอื่นๆ อีกมากมาย โดยนอกจากศิษย์เก่าที่เรียนจบจากที่นี่จะโด่งดังและมีผลงานน่ายกย่องแล้ว ศิษย์เก่าที่ดร็อปไปกลางคันอย่าง Bill Gates และ Mark Zuckerberg ต่างก็ประสบความสำเร็จมหาศาลเช่นกัน


อันดับ 4

Yale University

ที่ตั้ง: New Haven, Connecticut

จำนวนมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 19 คน

มูลค่าทรัพย์สินรวมของมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 149,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

    มหาวิทยาลัยเก่าแก่อันดับ 3 ของประเทศที่ก่อตั้งในปี 1701 ซึ่งมีสาขายอดนิยมคือรัฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐาสตร์ จิตวิทยา ชีววิทยา และดนตรี ศิษย์เก่าคนหนึ่งนาม Fred Smith เคยเขียนรายงานเศรษฐศาสตร์ชิ้นเยี่ยมที่ต่อมาก็กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทระดับโลกอย่าง FedEx ศิษย์เก่ามีชื่อเสียงคนอื่น เช่น Stephen Schwarzman ซีอีโอแห่ง Blackstone ผู้บริจาคเงิน 150 ล้านเหรียญแก่มหาวิทยาลัยในปี 2015 เพื่อสร้างศูนย์ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับนักศึกษาของสถาบัน โดยนับเป็นการบริจาคใหญ่ครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ Yale


อันดับ 5

Cornell University

ที่ตั้ง: Ithaca, New York

จำนวนมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 13 คน

มูลค่าทรัพย์สินรวมของมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 60,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

    แม้เป็นมหาวิทยาลัยเครือไอวีลีกที่มีอายุน้อยที่สุด แต่กลับมากด้วยชื่อเสียงทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก โดยมีทุนสำหรับการวิจัยในการแพทย์หลายสาขา คณะยอดนิยมของ Cornell ได้แก่ วิศวกรรมศาสตร์ ชีววิทยา เกษตรศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ และการบริหารโรงแรม ศิษย์เก่านักธุรกิจมหาเศรษฐีที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Helen Johnson-Leipold, H. Fisk Johnson และ S. Curtis Johnson ซึ่งเป็นทายาทของ Samuel Curtis Johnson ผู้ก่อตั้งบริษัท S. C. Johnson & Son โดยชื่อของเขายังถูกนำมาตั้งเป็นชื่อโรงเรียนธุรกิจ SC Johnson College of Business ภายใน Cornell อีกด้วย


อันดับ 6 (ร่วม)

University of Southern California

ที่ตั้ง: Los Angeles

จำนวนมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 12 คน

มูลค่าทรัพย์สินรวมของมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 72,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

    เมื่อกล่าวถึง University of Southern California คงไม่พ้นต้องกล่าวถึงสถาบันด้านภาพยนตร์ School of Cinematic Arts, USC ที่มีศิษย์เก่าเป็นผู้กำกับระดับตำนานอย่าง George Lucas ซึ่งได้บริจาคเงินให้สถาบันที่เขาจบมาถึง 175 ล้านเหรียญในปี 2006 มหาวิทยาลัยแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในอีกหลายแขนงและมีศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จในหลายวงการ เช่น Scott Cook ผู้ก่อตั้งบริษัทซอฟต์แวร์ Intuit, Rick Caruso เจ้าของบริษัทพัฒนาอสังหาฯ Caruso, Igor Olenicoff เจ้าของบริษัทพัฒนาอสังหาฯ Olen Properties เป็นต้น


อันดับ 6 (ร่วม)

Princeton University

ที่ตั้ง: Princeton, New Jersey

จำนวนมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 12 คน

มูลค่าทรัพย์สินรวมของมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 292,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

    หนึ่งในมหาวิทยาลัยเอกชนเครือไอวีลีกอันเก่าแก่และโดดเด่นด้านวิชาการ มีชื่อเสียงมากเป็นพิเศษด้านศิลปศาสตร์และมนุษยศาสตร์ แต่คณะด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์ก็ได้รับความนิยมมากไม่แพ้กัน Jeff Bezos มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Amazon ก็เป็นศิษย์เก่า Princeton นอกจากนี้ยังมี Eric Schmidt อดีตซีอีโอ Google และ Meg Whitman อดีตซีอีโอ eBay ที่ต่างก็บริจาคเงินมหาศาลเพื่อพัฒนามหาวิทยาลัย


อันดับ 8 (ร่วม)

Massachusetts Institute of Technology

ที่ตั้ง: Cambridge, Massachusetts

จำนวนมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 11 คน

มูลค่าทรัพย์สินรวมของมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 88,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

    สถาบันอันเป็นที่เลื่องลือในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์กายภาพ ที่ซึ่งฟูมฟักมหาเศรษฐีสายเทคฯ และการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะ Drew Houston ผู้ก่อตั้ง Dropbox รวมกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนอย่าง Arash Ferdowsi, Lisa Su ซีอีโอบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชื่อดัง AMD, Michael Saylor นักลงทุนบิตคอยน์ผู้ก่อตั้งบริษัทซอฟต์แวร์ MicroStrategy และอีกหลายต่อหลายคนที่ต่างก็ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน


อันดับ 8 (ร่วม)

Dartmouth College

ที่ตั้ง: Hanover, New Hampshire

จำนวนมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 11 คน

มูลค่าทรัพย์สินรวมของมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 48,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

    มหาวิทยาลัยที่ได้ชื่อว่ามีเครือข่ายศิษย์เก่าเข้มแข็งที่สุดแห่งหนึ่ง มีประเพณีประจำสถาบันและรักในเกียรติยศแห่ง Dartmouth อย่างมาก โดดเด่นด้านศิลปศาสตร์ แต่ก็มีการผลักดันด้านนวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และการแพทย์เช่นกัน มหาเศรษฐีศิษย์เก่าของ Dartmouth เช่น Jim Coulter ซีอีโอร่วมแห่ง TPG, Tench Coxe สมาชิกบอร์ดบริหาร Nvidia และ Stephen Mandel Jr. ผู้ก่อตั้งเฮดจ์ฟัน Lone Pine Capital


อันดับ 8 (ร่วม)

Columbia University

ที่ตั้ง: New York City

จำนวนมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 11 คน

มูลค่าทรัพย์สินรวมของมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 49,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

    มหาวิทยาลัยเครือไอวีลีกเพียงแห่งเดียวในเมืองนิวยอร์ก เดิมชื่อ King’s College โดดเด่นด้านการเป็นศูนย์กลางการวิจัยต่างๆ มหาเศรษฐีศิษย์เก่า Columbia ส่วนใหญ่แล้วสร้างความมั่งคั่งจากการเงินการลงทุน เช่น Sami Mnaymneh ซีอีโอบริษัทด้านการลงทุน H.I.G. Capital, Daniel Loeb ผู้ก่อตั้งเฮดจ์ฟัน Third Point, Daniel กับ Dirk Ziff เจ้าของ Ziff Brothers Investments นอกจากนี้ยังมี Rocco Commisso ผู้ก่อตั้งบริษัทเคเบิ้ล Mediacom และ James Scapa ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทด้านวิศวกรรม Altair Engineering


อันดับ 11 (ร่วม)

University of Michigan

ที่ตั้ง: Ann Arbor, Michigan

จำนวนมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 10 คน

มูลค่าทรัพย์สินรวมของมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 181,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

    University of Michigan มีมหาเศรษฐีศิษย์เก่าจากหลากหลายแวดวงอุตสาหกรรม ศิษย์เก่าที่มั่งคั่งที่สุดคือ Larry Page ผู้จบการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ในปี 1995 ก่อนไปร่วมก่อตั้ง Google ในภายหลัง นอกจากนี้ยังมี Stephen Ross ผู้ก่อตั้ง Related Companies บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ซึ่งบริจาคเงินให้มหาวิทยาลัยรวม 200 ล้านเหรียญ และ Eric Lefkofsky ผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Groupon ร่วมกับ Brad Keywell ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกัน


อันดับ 11 (ร่วม)

University of California, Berkeley

ที่ตั้ง: Berkeley, California

จำนวนมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 10

มูลค่าทรัพย์สินรวมของมหาเศรษฐีศิษย์เก่า: 30,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

    อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิก Silicon Valley มหาเศรษฐีผู้จบการศึกษาจาก UC Berkeley อันโด่งดังแห่งนี้มักเติบโตจนประสบความสำเร็จในสายเทคฯ บุคคลที่มั่งคั่งที่สุดเห็นจะเป็น Charles Simonyi ผู้พัฒนาแอปฯ Microsoft ในยุคแรกๆ ทั้งยังมีส่วนร่วมสร้างโปรแกรม Word และ Excel ที่พลิกโฉมการทำงานในออฟฟิศ ส่วน Alice Schwartz ที่เรียนจบชีวเคมีก็ร่วมก่อตั้งบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีชีววิทยาศาสตร์ร่วมกับสามี David ซึ่งต่างก็เป็นศิษย์ UC Berkeley นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่าง Mike Milken และ Behdad Eghbali ก็สำเร็จการศึกษาด้านธุรกิจจากสถานบันแห่งนี้เช่นกัน


แหล่งที่มา: Top Colleges For Billionaires


​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Pomodoro Technique แบ่งเวลาโฟกัสงานด้วยวิธีการแบบ Elon Musk

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine