Todd Boehly เศรษฐีการลงทุน เจ้าของอาณาจักรหมื่นล้าน - Forbes Thailand

Todd Boehly เศรษฐีการลงทุน เจ้าของอาณาจักรหมื่นล้าน

FORBES THAILAND / ADMIN
05 Jul 2024 | 09:00 AM
READ 1659

จากคู่มือการลงทุนของ Warren Buffett ที่สืบทอดกันมาเป็นเวลานาน Todd Boehly อาศัยเงินสดจากธุรกิจประกันบำนาญอันไร้สีสันทว่าเชื่อถือได้ สร้างอาณาจักรวงการบันเทิงและกีฬาทั่วโลก คิดเป็นมูลค่านับหมื่นๆ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นทีม Los Angeles Dodgers ทีม Chelsea F.C. หรือเวที Golden Globes ซึ่งล้วนแต่สร้างผลตอบแทนอย่างงดงาม


    พระอาทิตย์เพิ่งจะลับฟ้าไปก่อนที่งานใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งของ Hollywood จะเริ่มต้นขึ้น Todd Boehly เศรษฐีพันล้านนักลงทุนวัย 50 ปี ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Eldridge Industries บริษัทที่มีมูลค่าสินทรัพย์ 7 หมื่นล้านเหรียญ กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่งานประกาศรางวัล Golden Globe Awards ประจำปีครั้งที่ 81

    Boehly ดูเหมือนจะไม่สนใจความอึกทึกรอบตัวอีกต่อไปเมื่อพนักงานคนหนึ่งแจกแจงรายละเอียดวาระงานในคืนถัดไป เสียงโทรศัพท์แหลมสูงของเขาดังขึ้นขัดจังหวะขณะที่นักแสดง/โปรดิวเซอร์คนดังคนหนึ่งกำลังออกอาการไม่พอใจกับที่นั่งที่จัดให้

    Boehly หยุดและเงยหน้าขึ้นมอง ผมสีบลอนด์เทาของเขาปัดไปด้านข้าง “ผมมีทีมงานจัดการเรื่องนี้” เขากล่าวปัดเรื่องหยุมหยิม

    จากเศรษฐีพันล้านนักเทรดหุ้นกู้สู่เจ้าพ่อ Hollywood หากเขาจะรู้สึกกดดันอยู่บ้างก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2021 งาน Golden Globe Awards ถูกตรวจสอบเหตุทุจริต นอกจากนี้ Hollywood Foreign Press Association (HFPA) องค์การไม่แสวงหาผลกำไรซึ่งเป็นเจ้าของงานนั้น ยังไม่มีสมาชิกผิวสีที่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลย

    Hollywood พร้อมใจกันหันหลังให้กับงานประกาศรางวัลดังกล่าว ทำให้ในปี 2022 ไม่มีการถ่ายทอดสดพิธีประกาศรางวัล ขณะที่ Tom Cruise ส่งคืนถ้วยรางวัลที่เขาเคยได้รับมา เมื่อถึงเดือนมกราคม ปี 2023 Golden Globe Awards ได้กลับมาทดลองออกอากาศทางสถานี NBC เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งข้อมูลจาก Nielsen แสดงให้เห็นว่า จำนวนผู้ชมลดลงอย่างน่าใจหาย จาก 18.4 ล้านคนในปี 2020 เหลือเพียง 6.3 ล้านคน

    ท่ามกลางความว้าวุ่นนี้ Boehly เอาตัวรอดได้อย่างชาญฉลาด เมื่อกระแสนิยมงาน Golden Globe Awards ตกต่ำสุดขีด ประกอบกับบรรดานักแสดงและนักเขียนบทออกมาประท้วง Boehly จึงเปิดโหมด “นักลงทุนคนเศร้า”

    ในปี 2021 เขาตั้งตัวเองขึ้นเป็นซีอีโอเฉพาะกาลให้กับ HFPA จากนั้นจึงปรับโครงสร้างเพื่อแปลงสภาพทรัพย์สินทางปัญญาของ Globes ให้กลายเป็นกิจการแสวงหาผลกำไร โดย Eldridge Industries บริษัทโฮลดิ้งของเขาซึ่งเป็นเจ้าของบางส่วนใน Dick Clark Productions โปรดิวเซอร์งานอยู่แล้วนั้น จับมือกับ Penske Media ต่อมาในเดือนมิถุนายน ปี 2023 (6 เดือนก่อนถึงงานประกาศรางวัลครั้งถัดไป) Boehly และ Penske ก็เข้าซื้อ Globes ทั้งหมด และภายใต้การนำของ Jay Penske พวกเขาขายสิทธิด้านสื่อมวลชนไปให้กับ CBS และ Paramount+ เป็นเวลา 6 ปี

    เช้าวันต่อมาท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์มุกตลกของพิธีกรร่วมอย่าง Jo Koy รายงานของ Nielsen เผยให้เห็นว่า งาน Golden Globe Awards ที่ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมามีผู้ชม 9.5 ล้านคน สูงกว่าปีที่แล้วถึง 51%

    จำนวนผู้ชมที่เพิ่มขึ้นนี้เพียงพอแล้วสำหรับ Boehly หลังจากที่ A24 บริษัทผู้ผลิตและเผยแพร่ภาพยนตร์ระดับรางวัล Oscar ที่บริษัท Eldridge ของเขาร่วมลงทุนด้วยนั้นคว้ารางวัล Golden Globe Awards ได้ถึง 3 รางวัล จากเรื่อง Beef ซีรีส์เรื่องสั้นทาง Netflix ซึ่งนำแสดงโดย Ali Wong

    นับตั้งแต่ Boehly ก่อตั้ง Eldridge ขึ้นเมื่อปี 2015 เขาเข้าลงทุนในบริษัทต่างๆ แล้วกว่า 100 แห่ง คิดเป็นมูลค่า 1 หมื่นล้านเหรียญ หลายแห่งอยู่ในธุรกิจบันเทิงและกีฬา ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์พนัน DraftKings รายการ Rockin’ Eve ของ Dick Clark แคตาล็อกเพลงของ Bruce Springsteen โรงแรม Beverly Hilton รวมถึง Stash ยูนิคอร์นสายฟินเทค และทีมเบสบอล Los Angeles Dodgers

    นอกจากนี้ Boehly ยังเป็นสมาชิกกลุ่มนักลงทุนที่เข้าซื้อทีมฟุตบอล Chelsea F.C. ในสหราชอาณาจักรมาจาก Roman Abramovich ผู้ทรงอิทธิพลชาวรัสเซียผ่านกิจการอีกแห่งหนึ่งคือ BlueCo ในปี 2022 โดย Forbes ประเมินว่า Boehly มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 6.1 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากปี 2022 ถึง 1.6 พันล้านเหรียญ


    ในขณะที่อาณาจักรของเขาขยายกว้างขวางขึ้นทุกที พร้อมสั่งสมนักกีฬาคนดังและซูเปอร์สตาร์มากขึ้นตามไปด้วยนั้น Boehly เลือกที่จะเก็บความทรงจำเกี่ยวกับเมือง Topeka รัฐ Kansas ไว้ลึกๆ Topeka คือบ้านเกิดของ Security Benefit Life ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันบำนาญที่มีมูลค่าสินทรัพย์ 5.2 หมื่นล้านเหรียญ และเป็นผู้สนับสนุนเงินสดเพื่อขยายกิจการของ Eldridge สำหรับ Boehly นั้นก็เหมือนกับ Buffett ตรงที่เขามักจะซื้อทรัพย์สินด้วยเงินสดที่เชื่อถือได้ซึ่งได้มาจากธุรกิจประกันภัย

    ส่วนที่ Boehly ต่างไปจาก Buffett คือ ในขณะที่ Buffett นิยมธุรกิจธรรมดาๆ อย่างจุดพักรถและซอสมะเขือเทศ แต่ Boehly กลับใช้สูตรเดียวกันนี้ในธุรกิจที่หรูหราสะดุดตามากกว่า เงินไม่สามารถซื้อชัยชนะได้เสมอไปก็จริง (เป็นสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาตลอดระยะเวลา 2 ปีแห่งความน่าผิดหวังในฐานะเจ้าของทีม Chelsea F.C.) แต่สามารถซื้อสายตาสะกดบนหน้าจอได้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญหากคุณขายสิทธิด้านสื่อมวลชนไปแล้ว โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ การสร้างกระแสรายได้เพื่อให้ผู้ถือประกันบำนาญสามารถนอนหลับสนิทได้ในแต่ละคืน

    “ผมเชื่อมาโดยตลอดว่าโลกยังไม่เข้าใจระบบการเงินที่มีโครงสร้าง” Boehly กล่าว “หนึ่งในเรื่องดีๆ ของการเป็นผู้ให้กู้ยืมคือ คุณจะได้คลุกวงในอุตสาหกรรมต่างๆ เสมอ”

    Todd Boehly จบการศึกษาจาก William & Mary ในปี 1996 ด้วยวิชาเอกการเงิน แต่ไม่มีคนรู้จักใน Wall Street เลย เนื่องจากคุณพ่อเป็นวิศวกร ส่วนคุณแม่สอนหนังสืออยู่โรงเรียนประถมศึกษา

    อย่างไรก็ตาม Boehly รับฟังคำแนะนำจากคุณครูเรขาคณิตสมัยมัธยมปลายและได้ออกเดินทางไปยังต่างประเทศเพื่อเข้าศึกษาต่อปีสุดท้ายที่ London School of Economics เมื่อเขาได้รับวีซ่าพิเศษที่อนุญาตให้เขาทำงานไปพร้อมกับเรียนหนังสือได้นั้น เขาจึงเข้าฝึกงานในฝ่ายสัญญาเครดิตอนุพันธ์ของ Citibank กระทั่งได้งานตำแหน่งนักวิเคราะห์ทำหน้าที่กำหนดโครงสร้างตราสารที่มีสินเชื่อเป็นหลักประกัน (CLO) ที่ CS First Boston ใน New York เมื่อจบการศึกษา

    “ผมนั่งทำงานในฝ่ายจัดหาเงินทุนด้วยการกู้ยืมท่ามกลางนักขายและนักเทรดจึงได้เรียนรู้มากมาย พร้อมรับแรงบันดาลมาเต็มพิกัด” อย่างไรก็ตามในปี 1997 เจ้านายของเขาต่างย้ายไปร่วมงานกับ Bear Stearns เกือบทั้งหมด เขาจึงต้องวางรูปแบบและโครงสร้างตราสาร CLO ผลตอบแทนสูงด้วยตนเองตั้งแต่อายุเพียง 23 ปี

    ต่อมาในปี 1999 Boehly ย้ายจาก First Boston ไปร่วมงานกับ J.H. Whitney บริษัทลงทุนในหุ้นนอกตลาดทำให้เขาได้รู้จักกับ Mark Walter ผู้ร่วมก่อตั้ง Guggenheim Partners ที่จะกลายเป็นเศรษฐีพันล้านในเวลาต่อมา

    ที่ Whitney นี้เองที่ Boehly ได้ช่วย Walter ปรับโครงสร้างตราสารที่มีหุ้นกู้เป็นหลักประกันมูลค่า 600 ล้านเหรียญของ Guggenheim ที่มีทั้งหุ้นกู้ “ขยะ” เกือบไร้มูลค่าของกิจการสื่อสารโทรคมนาคมที่เคยประสบความสำเร็จเป็นพลุแตกในช่วงฟองสบู่ดอทคอมรวมอยู่ด้วย

    Walter ประทับใจผลงานของนายธนาคารหนุ่มเป็นอย่างมาก ถึงกับให้เงินสนับสนุนการซื้อธุรกิจเครดิตมูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญของ Whitney ในปี 2001 และนำมารวมเข้ากับ Guggenheim พร้อมกับแต่งตั้ง Boehly ขึ้นทำหน้าที่ดูแลพอร์ตหุ้นกู้

    ไม่นานนัก Boehly สังเกตเห็นว่า ในบรรดาลูกค้าบริษัทประกันภัยของ Guggenheim มีรายหนึ่งที่เข้าถือหุ้นกู้ของ Enron คิดเป็นมูลค่ามหาศาล เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงปีเดียวกันนั้นเองเขาลงมือตรวจสอบการเปิดเผยตัวเลขทางการเงินของ Enron “ผมสร้างโมเดลขึ้นมาเพื่อวิเคราะห์ว่าอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจของพวกเขา” Boehly กล่าว “พวกเขาเทขายสินทรัพย์ที่มีมูลค่าพื้นฐานออกหมดเกลี้ยง...และซื้อขาย “ไฟเบอร์” รวมถึงเข้าลงทุนในธุรกิจที่พิสูจน์อะไรไม่ได้เลย”

    เมื่อ Enron รู้ตัวว่าไม่เหลือสินทรัพย์แล้ว พวกเขาจึงหันมาพึ่งพาตลาดทุนล้วนๆ Boehly แนะนำให้ขายหุ้นกู้ของ Enron ออกทันที แต่ลูกค้าบริษัทประกันภัยดังกล่าวของ Guggenheim ซึ่งมีฐานอยู่ใน Texas เช่นเดียวกับ Enron นั้นกลับปฏิเสธ

    ในตอนแรกดูเหมือนว่าพวกเขาจะตัดสินใจถูก เพราะช่วงก่อนถึงวันขอบคุณพระเจ้า Enron ได้รับข้อเสนอซื้อกิจการจาก Dynegy ในราคา 8 พันล้านเหรียญ ส่งผลให้ผลตอบแทนหุ้นกู้ของพวกเขาดีดตัวขึ้นจาก 90 เซนต์มาเป็น 97 เซนต์ต่อเหรียญ ซีอีโอบริษัทประกันภัยนั้นต่อสายหา Boehly ทันทีเพื่อที่จะบอกว่า Boehly คิดผิด แต่ด้วยความมั่นใจในการวิเคราะห์ของตนเอง Boehly แนะนำให้เขาขายทิ้งหุ้นกู้ดังกล่าวอีกครั้ง เพียง 1 เดือนหลังจากนั้น Enron ประสบภาวะล้มละลาย ส่วนหุ้นกู้ของพวกเขาซื้อขายในราคาเหลือเพียงราว 20 เซนต์เท่านั้น

    ตลอดระยะเวลา 15 ปีต่อมา Boehly ฟูมฟักบัญชีเครดิตของ Guggenheim จนเติบใหญ่มีมูลค่าถึง 6 หมื่นล้านเหรียญ อีกทั้งยังรับหน้าที่ดูแลธุรกิจบริหารสินทรัพย์ให้กับ Guggenheim ด้วย ซึ่งธุรกิจดังกล่าวเข้าซื้อกิจการ Security Benefit Life และ Dick Clark Productions รวมถึงซื้อหุ้นของทีม Dodgers เมื่อถึงปี 2011 Boehly ก็ได้รับแต่งตั้งขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่

    สำหรับกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยเงินจากธุรกิจประกันภัยของ Boehly ไม่มีเทคนิคใดจะล้ำไปกว่าการลงทุนในแวดวงกีฬาอาชีพ เขาเป็นแฟนกีฬาเบสบอลมาทั้งชีวิต โดยมี Cal Ripken Jr. แห่งทีม Baltimore Orioles เป็นฮีโร่สมัยยังเด็ก แต่เมื่อเดือนมิถุนายน

    ปี 2011 หลังจากที่ทีม Dodgers ยื่นขอล้มละลาย เขาก็เริ่มอยากจะเข้าลงทุนกับ Dodgers ทีมเรียกร้องเงิน 150 ล้านเหรียญสำหรับจ่ายค่าจ้างผู้เล่นและพนักงานท่ามกลางความบาดหมางอย่างรุนแรงระหว่าง Frank McCourt เจ้าของทีมในเวลานั้นกับที่ทำการลีก จนในที่สุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีนั้นเอง McCourt ก็ตกลงที่จะขายทีมพร้อมด้วยสิทธิทางสื่อมวลชนต่างๆ ภายใต้การควบคุมดูแลของศาล

    หลังจากที่ให้บริษัทโปรดักชั่นกู้ยืมเงินมานานหลายต่อหลายปี ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่ต้องเจรจาสิทธิทางสื่อมวลชนฉบับใหม่ให้กับ Dodgers พอดี Boehly จึงได้รู้ว่าข้อตกลงบางส่วนถูกด้อยค่าเกินไป Boehly ซึ่งยังคงร่วมงานอยู่กับ Guggenheim ในเวลานั้นจับมือกับ Walter เพื่อเข้าซื้อทีมในราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2 พันล้านเหรียญในปี 2012

    โดย Boehly ถือหุ้นส่วนตัว 20% และผ่าน Eldridge อีก 7% พวกเขาควักกระเป๋าจ่ายเงินตามอำเภอใจทันที จนสามารถคว้า 2 ซูเปอร์สตาร์ราคาแพงอย่าง Adrián González และ Hanley Ramírez มาได้ในช่วงซัมเมอร์แรกของการเป็นเจ้าของทีม โดยหวังว่าจะดึงดูดแฟนๆ เข้าชมการแข่งขันในสนามและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ในปี 2013 Dodgers ขายสิทธิทางสื่อมวลชนเป็นเวลา 25 ปีให้กับ Time Warner Cable ด้วยราคาที่น่าตื่นตะลึงถึง 8.4 พันล้านเหรียญ พร้อมกับเปิดตัว SportsNet LA ทำหน้าที่ถ่ายทอดการแข่งขัน

    เงินก้อนดังกล่าวช่วยให้ Dodgers เก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมาพวกเขาเข้าถึงรอบเพลย์ออฟได้ 11 ครั้งติดต่อกัน ก่อนจะคว้าแชมป์ World Series ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีเมื่อปี 2020 Forbes ประเมินว่า มูลค่าปัจจุบันของทีมน่าจะอยู่ที่ราว 4.8 พันล้านเหรียญ สูงกว่าจำนวนเงินที่ Walter และกลุ่มของ Boehly จ่ายไปถึง 140%

    10 ปีหลังการเข้าลงทุนในทีม Dodgers และ 1 ปีหลังจากเข้าเป็นผู้ถือหุ้นรายเล็กของทีม Los Angeles Lakers เมื่อปี 2021 Boehly ก็ตะครุบโอกาสที่เข้ามาแบบไม่เหมือนใครเพื่อคว้าเพชรเม็ดงามแห่งวงการกีฬามาประดับอาณาจักร เมื่อ Roman Abramovich โดนรัฐบาลสหราชอาณาจักรคว่ำบาตรหลังจากที่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 จนต้องประกาศขายทีมฟุตบอล Chelsea F.C. และนำรายได้หลักหักค่าใช้จ่ายมอบให้กับมูลนิธิช่วยเหลือเหยื่อสงคราม

    Boehly หลงใหลศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษมาตั้งแต่ตอนทำงานเกี่ยวกับสัญญาอสังหาริมทรัพย์ที่ London ช่วงต้นยุค 2010 จากการชี้ชวนของ Jonathan Goldstein อดีตหัวหน้าฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ประจำทวีปยุโรปของ Guggenheim ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Cain International


    กลุ่มของ Boehly ลงทุนไปแล้วกว่า 1.3 พันล้านเหรียญเพื่อดึงดูดดารานักเตะอย่าง Enzo Fernández และ Moisés Caicedo มาร่วมทีม Chelsea แต่ที่ไม่เหมือนกับ Dodgers คือ พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งที่ปกติแล้ว Chelsea มักจะเป็นทีมที่ได้ลุ้นแชมป์จนถึงช่วงท้ายฤดูกาลเสมอ แต่ในศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022-23 พวกเขาจบที่อันดับ 12 นับเป็นผลงานย่ำแย่ที่สุดในรอบ 29 ปีเลยทีเดียว

    ขณะในปีนี้พวกเขาจมอยู่ในอันดับ 11 เพียงฤดูกาลแรกที่ Boehly เข้ามาเป็นเจ้าของทีม Chelsea ปลดผู้จัดการทีมไปแล้ว 2 คน ขณะที่ The Sun หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ใน London ถึงกับเรียกความพ่ายแพ้อันน่าอับอายครั้งหนึ่งเมื่อปีที่แล้วว่า DIABOEHLYCAL ระหว่างการแข่งขันบางครั้ง แฟนๆ จะร้องเพลงล้อ Boehly อย่างหยาบคายว่าเป็น “ส่วนหนึ่งของกายวิภาคมนุษย์”

    แต่ใครจะรักหรือเกลียดเขาก็คงไม่สำคัญอะไรนักเพราะ Todd Boehly รู้ดีว่าตราบใดที่แฟนๆ ยังคงเข้ามาชมการแข่งขันในสนามหรือชมการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ผลตอบแทนจะก็ตกอยู่ในมือนักลงทุนผู้สนับสนุนของเขา และเงินนับพันๆ ล้านของเขามีแต่จะโตขึ้นเรื่อยๆ



เรื่อง: MANEET AHUJA และ HANK TUCKER
เรียบเรียง: รัน-รัน



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : He Xiaopeng จุดหมายสู่ฟากฟ้า

คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2567 ในรูปแบบ e-magazine