พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์สำหรับครัวเรือนเติบโตจนเป็นอุตสาหกรรม 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ตั้งอยู่บนรากฐานง่อนแง่นที่สร้างจากเงินกู้ดอกเบี้ยถูก การทำบัญชีที่ไม่น่าไว้ใจ และการขอรับเครดิตภาษีจากรัฐบาลกลางอย่างดุเดือด และเมื่อดอกเบี้ยไม่ต่ำแล้ว เงินอุดหนุนขึ้นอยู่กับการเมือง และบริษัทพลังงานถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกง ความล่มสลายก็อาจเกิดขึ้นในไม่ช้า
William “John” Berger ซีอีโอของ Sunnova Energy International วิศวกรทางการเกษตรวัย 50 ปี ผู้เกิดในรัฐ Texas และมีปริญญาโทบริหารธุรกิจจาก Harvard คนนี้สร้าง Sunnova ให้เป็นบริษัทนักพัฒนาด้านพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับครัวเรือนรายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 2,000 เมกะวัตต์ ติดตั้งอยู่บนหลังคาบ้าน 390,000 หลัง แต่เขาพูดติดตลกว่า ถ้าชอบฟังเรื่องลุ้นที่เดาตอนจบไม่ออก “คุณก็มาถูกที่แล้ว”
Sunnova ขาดทุน 330 ล้านเหรียญจากรายได้ 722 ล้านเหรียญในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา หุ้นบริษัทนี้ซื้อขายกันอยู่ที่ประมาณ 10 เหรียญ ลดลง 80% จากจุดสูงสุดในปี 2021 และ Wall Street ก็กำลังหวั่นใจกับตราสารหนี้ของบริษัท ตราสารหนี้ไม่ด้อยสิทธิที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 400 ล้านเหรียญที่บริษัทออกในปี 2021 และจะครบกำหนดชำระในปี 2026 เคยให้ผลตอบแทน 5.75% ในช่วงแรก แต่ตอนนี้เพิ่มเป็น 14% ซึ่งสูงกว่าตราสารขยะอื่นๆ
แต่ Berger กล่าวว่า บททดสอบครั้งใหญ่จะมาเมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือสถานการณ์ที่ระดมเงินทุนได้ลำบาก (ซึ่งเขากลัวเรื่องนี้มากกว่าอัตราดอกเบี้ยสูง) และเขากล่าวว่า ในกรณีเลวร้ายที่สุดเขาจะต้องหั่นต้นทุนลง 50% เลิกมองหากิจการใหม่ และไล่ตัวเขาเองออก
ยุครุ่งเรืองของโซลาร์สำหรับครัวเรือนในสหรัฐฯ เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้เอง ในปี 2022 มีการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตรวมสูงสุดมากเป็นประวัติการณ์ถึง 6 กิกะวัตต์บนหลังคาบ้าน 700,000 หลัง และกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากภาคครัวเรือนคิดเป็น 40 กิกะวัตต์ ซึ่งเกือบจะมากพอสำหรับเมือง Los Angeles และ Philadelphia รวมกัน
กระแสเฟื่องฟูนี้ส่วนหนึ่งมาจากการที่ราคาแผงโซลาร์และตัวแปลงกระแสไฟถูกลง เพราะมีหลายประเทศรวมทั้งสหรัฐฯ โดดเข้ามาแข่งขันกับจีน แค่นั้นยังไม่พอ เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2022 ประธานาธิบดี Biden ลงนามผ่านกฎหมายลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) ที่แจกเงินอุดหนุนกันเละเทะสำหรับพลังงานหมุนเวียน โดยให้เครดิตภาษีเพิ่มจาก 26% เป็น 30% และยืดเวลาหมดเขตออกไปถึงสิ้นปี 2032 ซึ่งหมายความว่า ลุงแซมจะต้องเตรียมควักเงินอีกปีละ 8 พันล้านเหรียญไปอีกอย่างน้อย 1 ทศวรรษ
ถึงกระนั้นอุตสาหกรรมโซลาร์สำหรับครัวเรือนก็ยังตกที่นั่งลำบากอยู่ดี อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงมากบั่นทอนอุปสงค์การติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับลูกค้าครัวเรือนรายใหม่ๆ ซึ่งปกติแล้วต้องกู้เงินมาติดตั้ง และยังบั่นทอนมูลค่าของหนี้ 2.1 หมื่นล้านเหรียญที่มีการให้กู้ไปก่อนหน้านี้สำหรับระบบที่ติดตั้งไปแล้วด้วย
อัตราดอกเบี้ยสูงคือสิ่งที่ Sunlight Financial บริษัทไฟแนนซ์ระบบโซลาร์ครัวเรือนกล่าวโทษว่าเป็นสาเหตุทำให้บริษัทต้องยื่นขอล้มละลายในเดือนตุลาคม (บริษัทนี้เข้าตลาดหลักทรัพย์ผ่านบริษัทแบบ SPAC ในปี 2021) 2 วันหลังจาก Sunlight ขอความคุ้มครองตามหมวด 11 ของกฎหมายล้มละลายของสหรัฐฯ
Sunrun บริษัทจากเมือง San Francisco ซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในวงการโซลาร์สำหรับครัวเรือน และมีรายได้ 2.3 พันล้านเหรียญต่อปีก็กล่าวว่า บริษัทต้องตัดจำหน่ายค่าความนิยมไป 1.2 พันล้านเหรียญ โดยมีสาเหตุหลักคือ การเข้าซื้อกิจการ Vivint Solar มูลค่า 3.2 พันล้านเหรียญในปี 2020
ดอกเบี้ยที่พุ่งสูงดึงให้ปัญหาอื่นๆ เด่นชัดขึ้นด้วย อุตสาหกรรมนี้ไม่ใช่แค่ตั้งอยู่บนเงินกู้ดอกเบี้ยถูกเท่านั้น แต่ยังมีการทำบัญชีที่ไม่น่าไว้ใจ และต้องพึ่งพามาตรการเครดิตภาษี (ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2005) ที่เปิดช่องให้ผู้ประกอบการขอรับเงินอุดหนุนกันอย่างดุเดือด และบางรายก็ถึงขั้นฉ้อโกง
Sunrun ซึ่งราคาหุ้นตกมา 90% จากจุดสูงสุดในปี 2021 ต้องเผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากนักขายชอร์ตหุ้นซึ่งกล่าวหาว่า บริษัทขอเครดิตภาษีสูงเกินควร เรื่องนี้เหมือนกับประโยคเด็ดที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “คุณไม่รู้หรอกว่าใครแอบแก้ผ้าว่ายน้ำบ้างจนกว่าน้ำจะลง” แต่ Sunrun ตอบอีเมลกลับมาชี้แจงกับ Forbes ว่า บริษัทได้ทำทุกอย่างเหมาะสมแล้ว
มีอุปสรรคใหญ่ข้อหนึ่งที่ธุรกิจโซลาร์สำหรับครัวเรือนต้องเผชิญอยู่เสมอนั่นคือ ค่าจ่ายล่วงหน้าในการติดตั้งระบบแพง ระบบผลิตไฟฟ้า 7.5 กิโลวัตต์บนหลังคาบ้านลูกค้าใหม่มีราคา 20,000-45,000 เหรียญ ซึ่งกฎหมายภาษีช่วยลดค่าใช้จ่ายก้อนนี้ได้ระดับหนึ่ง แต่การขอเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลางก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เครดิตภาษีจากรัฐบาลกลางที่ให้แก่บุคคลธรรมดาจะช่วยให้เจ้าของบ้านได้ค่าติดตั้งคืน 30% ในที่สุด แต่เครดิตนี้ขอคืนเป็นเงินสดไม่ได้
หมายความว่า คุณทำได้แค่นำเครดิตไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ที่คุณจ่ายไปแล้วหรือจะต้องจ่ายในปีที่ติดตั้งแผงโซลาร์ แต่ลุงแซมจะไม่จ่ายเงินอุดหนุนให้คุณเป็นเช็คเงินสด คุณสามารถยกยอดเครดิตภาษีส่วนที่ยังไม่ได้ใช้เอาไปหักลดหย่อนในปีต่อๆ ไปได้ แต่ปัญหาสำคัญคือ ครอบครัวส่วนใหญ่ไม่สามารถหรือไม่อยากควักกระเป๋าตัวเองจ่ายค่าติดตั้งระบบไปก่อน
อย่างไรก็ตาม บริษัทแบบเดียวกับ Sunrun และ Sunnova ทั่วโลกเอาเครดิตภาษีมาหาเงินได้หลายพันล้านเหรียญกันตั้งแต่ก่อนที่กฎหมายลดเงินเฟ้อจะอนุญาตด้วยซ้ำ โดยขายเครดิตทางอ้อมให้บริษัทใหญ่ที่มีกำไรมากและต้องจ่ายภาษีเยอะ เหล่านักลงทุนที่ “หวังผลทางภาษี” ยอมจ่ายค่าติดตั้ง 30% ให้ลูกค้าก่อน แต่ก็จะได้เงินคืนเกือบทั้งหมดภายใน 2 ปีในรูปแบบเครดิตภาษี แถมยังได้ภาพลักษณ์สวยๆ ว่าเป็นผู้ลงทุนในพลังงานสีเขียวบวกผลตอบแทนจากการลงทุนด้วย ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดนี้รวมถึง Alphabet, Meta, Bank of America, JPMorgan Chase, U.S. Bank และ Wells Fargo
ทุนค่าติดตั้งที่เหลือ 70% ตามโมเดลนี้มาจากสินเชื่อ โดยผู้ให้กู้จะแปลงหนี้เป็นตราสารหนี้ที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นประวัติการณ์พวกนักลงทุนตราสารหนี้จะเข้าคิวกันมาซื้อหุ้นกู้พลังงานแสงอาทิตย์ที่ตั้งราคาระดับเดียวกับตราสารหนี้ของบริษัทชั้นดี
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา Sunnova ออกตราสารหนี้ที่มีสินทรัพย์ค้ำไปแล้ว 4.5 พันล้านเหรียญ ส่วน Sunrun ออกไป 3.5 พันล้านเหรียญ แต่ปัจจุบันนี้นักลงทุนหาผลตอบแทน 5% จากกองทุนในตลาดเงินได้โดยไม่ต้องเสี่ยง พวกเขาจึงเรียกร้องอัตราผลตอบแทนจากตราสารเหล่านี้สูงขึ้นกว่าเดิมมาก “เราต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่าอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นมาก ดังนั้น โครงสร้างต้นทุนของเราก็เลยสูงตาม” Berger แห่ง Sunnova กล่าวพลางถอนหายใจ
Carson Block เริ่มมีชื่อเสียงจากการเปิดโปงการทำบัญชีที่ไม่โปร่งใสของบริษัทจีนหลายแห่ง บริษัทของเขาที่เมือง Austin รัฐ Texas ใช้ชื่อว่า Muddy Waters Capital ซึ่งมาจากสุภาษิตจีนว่า น้ำขุ่นมีปลาให้จับมากกว่าน้ำใส ทนายวัย 47 ปีที่ผันตัวมาเป็นนักขายชอร์ตสายสร้างแรงกดดันคนนี้เล็งโจมตี Sunrun มากว่า 1 ปีแล้ว โดยกล่าวหาว่าบริษัทตั้งตัวเลขคาดการณ์สูงเกินจริงเพื่อประเมินมูลค่าของระบบโซลาร์ครัวเรือนให้สูงเกินจริง ชักนำให้นักลงทุนหลงผิด และขอสิทธิประโยชน์ทางภาษีมากเกินควร
Block อ้างว่า Sunrun คำนวณมูลค่าเหล่านี้โดยประเมินค่าบำรุงรักษารายปีและอัตราการเสื่อมถอยของผลผลิตไฟฟ้าที่ได้จากระบบโซลาร์ต่ำเกินไป และไม่สำรองเงินสดเผื่อไว้รับภาระค่าส่งช่างไปรื้อถอนแผงโซลาร์เก่าออกจากหลังคาเมื่อครบ 20 ปีด้วย
แต่ Sunrun ปกป้องวิธีการทำบัญชีของตนโดยแย้งว่า ในกรณีนี้บริษัทไม่จำเป็นต้องสำรองเงินค่ารื้อถอนตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปของสหรัฐฯ เพราะระบบเหล่านี้มีอายุการใช้งานเกิน 20 ปี
วิธีประเมินมูลค่าอีกอย่างที่ Block มองว่า Sunrun ทำตัวน่าเกลียดคือ บริษัทคำนวณกระแสเงินสดทั้งหมดที่คาดว่าจะได้ในอนาคตโดยบวกรวมมูลค่าของเครดิตภาษี 30% ที่จะได้จากการลงทุนในพลังงานสะอาด เท่ากับว่าในมูลค่าประเมินของระบบผลิตไฟฟ้าแต่ละชุดที่ยื่นขอเครดิตภาษีนั้นมีมูลค่าของตัวเครดิตภาษีเองรวมอยู่ด้วย
กลับมาที่เมือง Houston ตัว Berger พยายามบอกเราว่า Sunnova ไม่เหมือน Sunrun โดยอธิบายว่า Sunnova มีเงินสดหลายร้อยล้านเหรียญสำรองไว้จ่ายค่ารื้อถอนอุปกรณ์ออกจากหลังคาในอนาคต เขาไม่ได้นำเครดิตภาษีจากการลงทุนมาปั่นราคาประเมินเพื่อขอเครดิตภาษีเพิ่ม และเขารายงานจำนวนลูกค้ารวมเท่ากันทั้งต่อรัฐบาลและนักลงทุน Berger ไม่ได้พยายามเบี่ยงประเด็นเมื่อพูดถึงวิธีการประเมินราคาแบบอื่นๆ “วิธีการทำบัญชีที่ซับซ้อนเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับเรา ซึ่งทุกบริษัทก็อยากให้ความยุ่งเหยิงมันหายไป”
Berger ก่อตั้ง Sunnova ในปี 2012 และระดมทุนได้ 170 ล้านเหรียญจากการเสนอขายหุ้น IPO ปี 2019 เขากล่าว ดังนั้น Sunnova จึงจ้างผู้รับเหมาตั้งแต่แรกสำหรับงานติดตั้งในแต่ละท้องถิ่น และบริษัทมีเฉพาะทีมซ่อมบำรุงเท่านั้น โดยมีรถกระบะ 380 คันทั่วประเทศไว้ออกแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบ
ในเมื่อเดือดร้อนกันทั้งวงการ Berger ก็ต้องปากกัดตีนถีบเช่นกัน Sunnova คงกระแสเงินสดไว้ในระดับดีเพื่อชำระหนี้ตราสาร ABS ที่ใกล้ครบกำหนดชำระก่อน ด้วยการซื้อสินเชื่อโซลาร์หลายล้านเหรียญที่ผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งเมื่อเจ้าของบ้านไม่ยอมจ่ายเงิน ช่างก็ต้องไปถอดแผงโซลาร์ออกจากหลังคา
Berger เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังจะมา เขายืนยันว่าในช่วงข้าวยากหมากแพงชาวบ้านจะตัดค่าใช้จ่ายอื่นๆ และหยุดจ่ายกระทั่งค่างวดผ่อนบ้าน แต่จะยังไม่หยุดจ่ายค่าไฟฟ้า ซึ่งเรื่องนี้ก็ฟันธงยาก เพราะข้อมูลของ National Energy Assistance Directors Association ระบุว่า ณ เดือนมีนาคม ปี 2023 มีครัวเรือนอเมริกันค้างค่าไฟประมาณ 16% แต่ในทางกลับกันมีเจ้าของบ้านแค่ 1.7% ที่ค้างค่างวดผ่อนบ้าน
ในปี 2023 Sunnova ระดุมทุนได้ 900 ล้านเหรียญจากเงินกู้ที่ใช้สินทรัพย์โซลาร์ค้ำประกัน และอีก 500 ล้านเหรียญจากนักลงทุนที่หวังผลทางภาษีลดลงจากเงินกู้ 1.1 พันล้านเหรียญ และเงินลงทุน 600 ล้านเหรียญที่บริษัทได้มาในปี 2022 ส่วนผลขาดทุนในปีนี้สูงกว่าปีที่แล้ว 4 เท่า และบริษัทนี้ยังไม่เคยมีกำไรเลย
ถ้า Berger ระดมเงินเพิ่มไม่ได้ เขากล่าวว่า หุ้นส่วนน้อยที่ Sunnova ถืออยู่ในกิจการโซลาร์อื่นในปัจจุบันจะยังสร้างกระแสเงินสดได้ปีละ 100 ล้านเหรียญก่อนหักค่าใช้จ่าย เขาจะเลิกจ้างคนในหลายแผนก รวมทั้งตัวเขาเองด้วย (แต่ไม่ต้องห่วง เพราะเขาขายหุ้นได้เงินมาแล้ว 9 ล้านเหรียญ) บริษัทนี้จะเหลือแค่ฝ่ายวางบิลและเก็บเงิน รถกระบะซ่อมบำรุง 380 คัน และช่างเทคนิค
“สภาพคล่องที่ไหลเข้าสู่วงการเทครักษ์โลกกำลังหดหาย” Berger กังวล “หลายคนรอดมาได้นานเกินคาดแล้ว”
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Don Vultaggio ชายขายชา มหาเศรษฐีพันล้าน