เรื่องลับลวงพรางของ Sheldon Yellen (ตอน 1) : จากเด็กเร่ร่อนสู่เศรษฐีร้อยล้าน - Forbes Thailand

เรื่องลับลวงพรางของ Sheldon Yellen (ตอน 1) : จากเด็กเร่ร่อนสู่เศรษฐีร้อยล้าน

FORBES THAILAND / ADMIN
20 Aug 2017 | 01:51 PM
READ 2165

ซีอีโอของบริษัทจัดการภัยพิบัติที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกได้สร้างความมั่งคั่งมูลค่า 320 ล้านเหรียญ โดยได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มมาเฟียผู้มีอิทธิพลในอดีต ผสานชั้นเชิงการบริหารงานส่วนตัวที่ถอดแบบมาจากภาพยนตร์เรื่อง The Godfather

พายุเฮอริเคนแมทธิวที่พัดถล่มภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอเมริกาในเดือนตุลาคม อาจเป็นข่าวร้ายสำหรับคนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่แถบนี้ แต่ตรงกันข้ามมันกลับเป็นข่าวดีสำหรับ Sheldon Yellen ซึ่งเปิดบริษัทจัดการภัยพิบัติที่ชื่อ Belfor Holdings บริเวณด้านในของรีสอร์ทหลังหนึ่งที่ว่าจ้างบริษัท Belfor กลุ่มคนงานของ Yellen จำนวนประมาณ 75 คนกำลังแยกย้ายกันทำงานตามจุดต่างๆ มีทั้งการเป่าลมเพื่อให้กำแพงแห้ง รวมถึงจัดการเปลี่ยนหน้าต่างและซ่อมแซมฝ้าเพดานที่ชำรุด ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้เวลาทำเป็นวันๆ ทีมงานของ Belfor ขับรถมุ่งหน้าตรงมายังจุดที่มีพายุเฮอริเคนตั้งแต่ตอนที่มันยังเป็นแค่ลมหมุนอยู่นอกชายฝั่งทะเล และในทันทีที่ได้ข่าวความเสียหายจากเหตุพายุพัดถล่ม พวกเขาก็รีบตรงดิ่งมาที่จุดเกิดเหตุในทันที
พายุเฮอริเคนแมทธิวได้พัดเข้าถล่มพื้นที่ในเมือง Jacksonville เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทีมงานของ Belfor รีบรุดมาที่จุดเกิดเหตุในทันทีที่พายุสงบลงเพื่อเริ่มปฏิบัติการเก็บกู้เศษซากความเสียหาย
เมื่อมีเหตุภัยพิบัติเกิดขึ้น Belfor มักจะถูกเรียกตัวให้เข้าไปจัดการซ่อมแซมพื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหาย โดยนับตั้งแต่เปิดดำเนินกิจการมา บริษัท Belfor ได้เข้าไปทำความสะอาดพื้นที่นับล้านแห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการขจัดคราบเขม่าในอาคารที่ได้รับความเสียหายจากเหตุเครื่องบินพุ่งชน ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เมื่อวันที่ 11 กันยายน การซ่อมแซม ตึกระฟ้าประมาณ 20 แห่งในย่าน New Orleans ภายหลังจากที่พายุเฮอริเคนแคทรินาพัดถล่ม หรือการเก็บกู้ชิ้นส่วนผู้เสียชีวิตในเทือกเขา Alps หลังจากที่นักบินผู้ช่วยของสายการบิน Germanwings ขับเครื่องบินพุ่งเข้าชนเทือกเขาดังกล่าวเมื่อสองปีก่อน ด้วยขนาดและประสบการณ์ความชำนาญ ทำให้เวลาที่บริษัทประกันหรือบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่อย่าง Wal-Mart หรือ General Electric เกิดเรื่องวุ่นวาย พวกเขามักจะนึกถึงบริษัท Belfor เป็นรายแรก ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัท Belfor ซึ่งมีฐานที่ตั้งอยู่ที่เมือง Birmingham ในรัฐ Michigan สามารถทำรายได้สูงถึง 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ธุรกิจของบริษัทเป็นงานที่มีอัตรากำไรต่ำ โดยบริษัทให้ข้อมูลว่าในปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรไม่ถึงร้อยละ 3 เนื่องจากบริษัทประกันส่วนใหญ่มักจะกดค่าแรง แต่โชคดีที่เกิดพายุเฮอริเคนหลายครั้งในรอบปีที่ผ่านมา ทำให้กำไรของบริษัทเติบโตแบบพุ่งกระฉูด
เหตุการณ์พายุเฮอริเคนแคทริน่าพัดถล่มสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2005 (Photo Credit: riverlife.umn.edu)
ทีมงานของ FORBES คาดการณ์ว่ามูลค่าของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 900 ล้านเหรียญ และความมั่งคั่งสุทธิของ Yellenอยู่ที่ประมาณ 320 ล้านเหรียญ สำหรับชายวัย 59 ปี ซึ่งเรียนไม่จบชั้นมัธยมศึกษา การที่เขาสร้างธุรกิจจนเติบใหญ่ขนาดนี้ต้องถือว่าเขาประสบความสำเร็จในชีวิต และวันนี้เขาได้เปิดเผยความลับเกี่ยวกับเส้นทางอาชีพที่เขาเก็บงำมาร่วม 30 ปีให้ทีมงานฟัง “ผมเคยถูกยิง พวกมันเอาปืนจ่อคอผม เรามีการแย่งปืนกัน ผมแย่งปืนได้จึงเล็งกระบอกปืนไปที่พวกมันแทน” ชายรูปร่างท้วมใหญ่ซึ่งสูงประมาณ 5 ฟุต 6 นิ้วและหวีผมที่ปลูกใหม่แบบเสยปัดไปทางด้านหลังได้เล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตซึ่งเขาเคยเป็นเด็กเร่ร่อนที่ต้องพกปืนและใส่เสื้อเกราะกันกระสุน ในที่สุดเขาก็ยอมปริปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เขาไม่ได้ยอมรับอย่างเต็มปากว่าความช่วยเหลือจากกลุ่มมาเฟียผู้มีอิทธิพลมีส่วนทำให้บริษัท Belfor กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่มูลค่าหลายพันล้านเหรียญในปัจจุบัน วัยเด็กของ Yellen เขาไม่ค่อยมีโอกาสเจอหน้าพ่อเท่าไหร่ โดยเข้าใจว่าพ่อมีอาชีพเซลส์แมนที่ทำให้ต้องเดินทางไปครั้งละนานๆ แต่ในบันทึกประวัติอาชญากรรมของรัฐ Michigan พบว่าพ่อของเขามีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและถูกจำคุก ครอบครัวของ Yellen จึงต้องประทังชีวิตด้วยเงินสวัสดิการรัฐและลูกชายทุกคนต้องออกหางานทำ
(ซ้าย) Anthony Giacalone มาเฟียคนดังตำแหน่ง Street Boss ของกลุ่มมาเฟียย่าน Detroit ผู้มีส่วนพัวพันกับการหายตัวไปของ (ขวา) Jimmy Hoffa อดีตหัวหน้ากลุ่มมาเฟีย Teamsters
Yellen เริ่มทำงานตั้งแต่อายุได้ 11 ขวบ โดยเป็นเด็กล้างจานในเพิงขายแฮมเบอร์เกอร์ หลังจากนั้นอีก 3 ปี Yellen ได้ไปทำความสะอาดห้องน้ำที่ Southfield Athletic Club ซึ่งเป็นสโมสรชนชั้นสูงตั้งอยู่แถบชานเมือง Detroit โดยสถานที่แห่งนี้เป็นที่รู้กันว่าอยู่ภายใต้การสนับสนุนของกลุ่มมาเฟียอิตาเลียน เขาทำงานที่นั่นจนถึงอายุ 22 ปี Yellen ปฏิเสธเสียงเรียบว่าเขาไม่เคยทำงานให้กับกลุ่มองค์กรอาชญากรรม แต่จากที่ทีมงานได้สัมภาษณ์อดีตนักสืบของทางการหลายคน รวมถึงได้อ่านเอกสารของหน่วยงานศาลและเอฟบีไอ ข้อมูลระบุชัดเจนว่า Yellen เกี่ยวข้องกับกลุ่มมาเฟียซึ่งมีส่วนช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความยากจน สถานที่แห่งนี้เป็นสำนักงานใหญ่ของมาเฟียคนดังที่ชื่อ Anthony “Tony Jack” Giacalone ซึ่งมีตำแหน่งเป็น Street Boss ของกลุ่มมาเฟียในย่าน Detroit ผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนพัวพันกับการหายตัวไปของ Jimmy Hoffa เมื่อปี 1975 จากข้อมูลของอดีตเจ้าหน้าที่เอฟบีไอพบว่า Giacalone และ Vito (“Billy Jack”) น้องชายของเขามีผลประโยชน์ซุกซ่อนเป็นจำนวนมหาศาลผ่านเครือข่ายธุรกิจต่างๆ ที่กระจายอยู่ทั่วเมือง ซึ่งรวมถึงกิจการร้านขายน้ำผลไม้ที่ชื่อ Home Juice Co. Yellen เข้ามาเกี่ยวข้องกับกิจการ Home Juice หลังจากที่ Leonard Schultz ผู้ดูแลสโมสร Southfield Athletic Club เปิดทางให้เขาเข้ามาทำกิจการผูกขาดการขายน้ำผลไม้ในสโมสร ซึ่งรายได้จากการขายน้ำมะละกอของ Yellen ค่อนข้างจะกำกวมว่าเป็นเท่าไหร่กันแน่
Leonard Schultz ผู้ดูแลสโมสร Southfield Athletic Club ผู้มีบุญคุณและชี้แนะสั่งสอน Sheldon Yellen (Photo Credit: gangsterreport.com)
Yellen ยังคงระลึกถึงบุญคุณของ Schultz อยู่เสมอ เขายกย่อง Schultz ว่าเป็นผู้คอยชี้แนะและสอนสั่งเขา “คุณ Schultz ดีกับผมจริงๆ อย่างที่รู้ว่าผมไม่มีพ่อคอยดูแลเหมือนเด็กคนอื่นๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นพ่ออุปถัมภ์ของผมแต่เขาก็เป็นคนที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตผม” น้อยคนที่จะจดจำ Schultz ด้วยความรู้สึกรักใคร่ผูกพันแบบนี้ เนื่องจากเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการจำหน่ายโคเคนในปี 1987 และเคยพัวพันกับเหตุฆาตกรรม Harvey Leach เจ้าของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งต่อมาข้อมูลจึงเปิดเผยว่า Schultz เป็นสายสืบให้กับเอฟบีไอ ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น Schultz ได้ช่วยเหลือ Yellen ในการขอสินเชื่อเพื่อประกอบธุรกิจผลิตเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติได้สำเร็จ ซึ่งอดีตเจ้าหน้าที่เอฟบีไอให้ข้อมูลว่า ธุรกิจดังกล่าวส่วนใหญ่จะเป็นของกลุ่มมาเฟียแทบทั้งสิ้น เมื่อทีมงานถามต่อว่า เขาทำธุรกิจอะไรถึงสามารถหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ Yellen เริ่มมีอาการนั่งไม่ติดและพูดติดขัด “ผม...เอ่อ...ผม” ดูเหมือนเขาจะรำพึงอะไรบางอย่างออกมาในขณะที่น้ำตาเริ่มคลอเบ้า (เขาร้องไห้อยู่หลายครั้งในระหว่างที่ให้สัมภาษณ์) มีบางช่วงที่เขานิ่งเงียบไปประมาณ 25 วินาที เขาส่ายหัวสลับกับหยุดนิ่งก่อนที่จะเลี่ยงคำถาม โดยเปลี่ยนเรื่องพูดว่า “ผมเป็นเด็กที่ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชน ได้ประสบพบเจอคนและเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดีมามากมาย”   เรื่อง: Dan Alexander เรียบเรียง: ชนกานต์ อนันตคุณากร ติดตามเรื่องลับลวงพรางของ Sheldon Yellen (ตอน 2) ได้ที่นี่
คลิกอ่าน "เรื่องลับลวงพราวของ Sheldon Yellen" ฉบับเต็ม ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ มิถุนายน 2560 ในรูปแบบ e-Magazine