เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Bloomberg รายงานว่า นักร้องสาววัย 34 ปีที่ผันตัวสู่การเป็นนักธุรกิจพันล้านกำลังทำงานร่วมกับ Morgan Stanley และ Goldman Sachs ในการเสนอขายหุ้นธุรกิจชุดชั้นใน Savage X Fenty แก่สาธารณชนเป็นครั้งแรก
การเสนอขายหุ้น IPO ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2022 นี้ คาดว่าจะส่งผลให้บริษัทมีมูลค่ามากกว่า 3 พันล้านเหรียญเลยทีเดียว
ด้าน Shannon Coyne ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านสินค้าอุปโภคบริโภค Bluestock Advisors กล่าวว่า การประเมินมูลค่าดังกล่าวน่าจะได้รับอานิสงส์มาจากชื่อเสียงของ Rihanna มากกว่ายอดขายในช่วงที่ผ่านมา พร้อมชี้ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่ว่าแบรนด์ Savage X Fenty เพิ่งมีอายุไม่ถึง 5 ปี และวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในร้านค้าเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น “ในเวลานี้ เงิน 3 พันล้านเหรียญถูกมองว่าเป็นมูลค่าจำนวนมาก เพราะสินค้าของเธอไม่ได้มีมูลค่าแพงขนาดนั้น ดังนั้นเธอจึงต้องผลิตออกมาในจำนวนมาก หรือประมาณ 140 ล้านเหรียญใน Ebitda”
ล่าสุด เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา Savage X Fenty เริ่มต้นปีด้วยการกวาดเงินระดมทุนรอบใหม่ 125 ล้านเหรียญ นำโดย Neuberger Berman เพื่อเปิดร้านบูติกแห่งแรกในสหรัฐฯ และขยายธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งจนถึงปัจจุบันบริษัท El Segundo แห่งนี้สามารถระดมทุนไปแล้วกว่า 310 ล้านเหรียญ
นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา Rihanna ได้ก้าวขึ้นเป็น ‘มหาเศรษฐีพันล้าน’ อย่างเป็นทางการ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.7 พันล้านเหรียญ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากธุรกิจเครื่องสำอาง Fenty Beauty ที่เธอมีสัดส่วนการถือครองหุ้นอยู่ที่ร้อยละ 50 หรือประมาณ 1.4 พันล้านเหรียญ ขณะที่รายได้อีกส่วนหนึ่งมาจากการถือครองหุ้นร้อยละ 30 ในธุรกิจชุดชั้นใน Savage X Fenty ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 270 ล้านเหรียญ
ด้าน Gary Young ซีอีโอ Royalty Exchange มองว่า มีความเป็นไปได้ที่หุ้นร้อยละ 30 นั้นจะถูกโอนไปเป็นส่วนของผู้ถือหุ้นร้อยละ 30 ในบริษัท หากสามารถทำ IPO ที่มูลค่า 3 พันล้านเหรียญได้จริง ซึ่งในท้ายที่สุดจะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของ Rihanna ในบริษัทมีมูลค่าราว 990 ล้านเหรียญ
ทั้งนี้ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา Natalie Guzman และ Christiane Pendarvis ประธานร่วมของ Savage X Fenty ให้สัมภาษณ์กับ Forbes ว่าบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 150 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์ต่างมองว่า ชื่อเสียงของ Rihanna ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้เกิดการเติบโตนี้
“ตลาดนี้มีโอกาสที่น่าสนใจ เรามาดูกันว่าใครจะคว้ามันได้ดีที่สุด” Simeon Siegel กรรมการผู้จัดการของ BMO Capital Markets กล่าว เพราะในขณะเดียวกันสตาร์ทอัพอย่าง ThirdLove, Parade และ CUUP ก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะผู้นำแบรนด์ชุดชั้นใน เช่นเดียวกับ SKIMS ที่ก่อตั้งโดย Kim Kardashian ซึ่งมีมูลค่าถึง 3.2 พันล้านเหรียญหลังระดมทุนไป 240 ล้านเหรียญในเดือนมกราคม
ในขณะเดียวกัน Victoria’s Secret ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดชุดชั้นในราวร้อยละ 40 ได้เดินหน้ารีแบรนด์เพื่อสละภาพพรีเซนเตอร์หุ่นนางฟ้าและให้ความสำคัญกับสัดส่วนของผู้หญิงจริงๆ มากขึ้น ซึ่งก็ได้ส่งผลให้บริษัทเติบโตเกินความคาดหมายกว่าร้อยละ 3.6 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 เมื่อเทียบกับปีก่อน
อย่างไรก็ดี Coyne เสริมว่า การนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อาจเป็นสิ่งที่แบรนด์ Savage ของ Rihanna ต้องการเพื่อเอาชนะ Victoria’s Secret’s ทว่ากลับไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย “เธอสามารถครองตำแหน่งสูงสุดนั้นได้ แต่เธอจะต้องมีสินค้าในปริมาณมาก เพื่อจำหน่ายให้ได้มากๆ” พร้อมเสริมว่า “ด้วยการกำหนดราคาและการสร้างแบรนด์ของเธอ เธอกำลังสร้างแบรนด์ที่ครอบคลุมสินค้าในหมวดหมู่ต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอเชี่ยวชาญ”
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Rihanna’s Savage X Fenty Lingerie Weighing An IPO At A $3 Billion Valuation เผยแพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: Top Glove เลื่อนแผนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เหตุยอดขายทรุด-กำไรลด