Michael Polsky กว่าจะเป็นเศรษฐีพันล้านฯ พลังงานลม - Forbes Thailand

Michael Polsky กว่าจะเป็นเศรษฐีพันล้านฯ พลังงานลม

FORBES THAILAND / ADMIN
11 Jul 2021 | 07:30 AM
READ 2726

Michael Polsky แต่งแต้มทิวทัศน์ของอเมริกาด้วย กังหันลมผลิตไฟฟ้าซึ่งก่อความเดือดร้อนให้ทั้งเกษตรกรและฝูงนกพอๆ กัน แม้ไฟฟ้าของเขาราคาถูกกว่าน้ำมัน แต่เขาก็ยังเป็นเศรษฐีพันล้านด้วยทรัพย์สิน 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

Michael Polsky กล่าวราวกับจะอธิบายว่า ถึงแม้เขาจะพัฒนาระบบพลังงานหมุนเวียนมา 17 ปีแล้ว แต่ทำไมเขายังตื่นเต้นกับภาพใบพัดกังหันลมยาว 125 ฟุต ผู้ประกอบการซึ่งทำกิจการมาหลายอย่างคนนี้ หลงรักเครื่องจักรการก่อสร้าง และการเจรจาธุรกิจที่ได้กำไร หลังจากกลายเป็นเศรษฐีร้อยล้านด้วยการพัฒนากังหันพลังงานก๊าซลมก็ช่วยส่งให้ Polsky วัย 71 ปี ขึ้นสู่สถานะเศรษฐีพันล้าน พวกเราได้เดินชม Grand Ridge Energy Center อาคารคอมเพล็กซ์พลังงานหมุนเวียนที่ Invenergy บริษัทเอกชนซึ่ง Polsky สร้างและเป็นเจ้าของซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ห่างจากสำนักงานใหญ่ของบริษัทในเมือง Chicago ไป 80 ไมล์ เขาอวดกังหันลม 140 ตัว แผงโซลาร์เซลล์ 120 แผง และแบตเตอรี่ใหญ่ระดับใช้สำหรับทั้งกิจการอย่างกระตือรือร้น ซึ่งในยามฉุกเฉินแบตเตอรี่นี้สามารถจ่ายไฟได้ 38 เมกะวัตต์ (เทียบเท่าไฟฟ้าสำหรับ 38,000 ครัวเรือน) เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นชายร่างเพรียววัย 70 กว่าผู้มีผมหยิกยุ่งสีเทาก็ก้าวยาวๆ ตรงไปยังแผงเซลล์ผลิตไฟฟ้าด้วยแสงอาทิตย์รุ่นใหม่ที่เรียงรายเป็นแถวแผงเซลล์ “สองหน้า” หรือสองด้านเหล่านี้รับแสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากพื้นดินได้ด้วย จึงผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น 8% เมื่อเทียบกับแผงโซลาเซลล์แบบดั้งเดิมในพื้นที่เท่ากัน “เทคโนโลยีทั้งทีดีและสุกงอมมากแล้วมั่นใจได้เลยว่าความเปลี่ยนแปลงต้องเกิดขึ้น” Polsky กล่าวด้วยสำเนียงยูเครนเล็กน้อย “การปฏิวัติสำเร็จแล้ว” เขาหมายถึงการปฏิวัติด้านเทคโนโลยี เพราะถึงแม้จะไม่มีส่วนลดภาษี แต่ตอนนี้พลังงานลมและแสงอาทิตย์ก็ราคาถูกกว่าพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลแล้วซึ่งเป็นจุดพลิกผันที่น่าทึ่งในช่วงเวลาแค่ทศวรรษเดียวที่ผ่านมา Polsky กำลังซื้อกังหันลมจาก G.E. Power ซึ่งใหญ่เป็น 2 เท่าของกังหันที่ Grand Ridge (สูง 700 ฟุต สูงกว่า Trump Tower ในเมือง New York) และผลิตไฟฟ้าได้สูงสุดถึงตัวละ 3 เมกะวัตต์ เขาตั้งใจจะติดตั้งกังหันยักษ์เหล่านี้กว่า 1,000 ตัวในพื้นที่ 100,000 เอเคอร์ในรัฐ Kansas ซึ่งอาจเป็นทุ่งกังหันลมขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ แม้การปฏิวัติด้านเทคโนโลยีจะได้รับชัยชนะ แต่ Polsky ก็ยังต้องหาสถานที่ติดตั้งกังหัน และหาทางส่งไฟฟ้าพลังลมไปให้ถึงประชาชน ศึกนี้ยังต้องสู้กันต่อไป เพราะเกษตรกรไม่ปลื้มเรื่องที่ Invenergy ใช้กฎหมายเวนคืนที่ดินเพื่อสาธารณประโยชน์มาอ้างสิทธิในเขตทางเพื่อตั้งแนวเสาไฟฟ้าแรงสูงยาว 800 ไมล์ มูลค่า 7 พันล้านเหรียญ ผ่านที่ดินของพวกเขา (ชื่อโครงการนี้คือ Grain Belt Express) ซึ่งจะส่งไฟฟ้าจากรัฐ Kansas ผ่านรัฐ Missouri ไปสู่ รัฐ Illinois โดยในระยะหลังมีการต่อต้านทุ่งกังหันลมเกิดขึ้นตั้งแต่ในรัฐสีแดงแจ๋ (สนับสนุนรีพับลิกัน) อย่าง Wyoming ไปจนถึงเมืองสีน้ำเงินจัด (สนับสนุนเดโมแครต) อย่าง Santa Barbara เรื่องย้อนแย้งคือ นักพัฒนาหัวแข็งผู้หวังฟันกำไรอย่าง Polsky ซึ่งพร้อมจะใช้วิธีบังคับ ฟ้องร้อง และล็อบบี้ เพื่อฝ่าดงชาวบ้านที่คัดค้านไม่ให้เอากังหันลมเข้าไปตั้งหลังบ้านของพวกเขา กลับกลายเป็นกุญแจสำคัญสู่การทำให้อนาคตพลังงานสะอาดของโลกเป็นจริงได้ โดย Polsky เตือนว่า “มัวแต่หวังอย่างเดียวมันก็ไม่เกิดขึ้นหรอก”
ลุยเดี่ยว ในปี 1991 หลังจาก Polsky แยกทางจากหุ้นส่วนธุรกิจรายแรก อย่างเจ็บแสบ เขาก็เปิดบริษัท พลังงานชื่อเดียวกับเขาในเมือง Chicago เพื่อสร้างโรงไฟฟ้า ใช้ก๊าซ ซึ่งต่อมาบริษัทเปลี่ยนชื่อ เป็น SkyGen

จากยูเครนสู่ Detroit

เมื่อปี 1976 Polsky ซึ่งตอนนั้น อายุ 26 ปี และ Maya ภรรยาที่กำลังท้องซึ่งเคยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในสมัยที่พวกเขายังอยู่ประเทศยูเครนเดินทางมาถึงเมือง Detroit โดยมีเงินติดตัว 500 เหรียญ และสัมภาระในกระเป๋าเดินทาง 4 ใบ Polsky จบปริญญาโทสาขาวิศวกรรมเครื่องกลจากสถาบันชั้นนำอย่าง Kiev Polytechnic Institute แต่เขามองว่า คนเชื้อสายยิวอย่างเขาไม่ค่อยมีอนาคต ในยูเครนยุคที่ปกครองโดยสหภาพโซเวียต องค์กรการกุศลที่ช่วยให้ทั้งคู่ตั้งรกรากใน Detroit แนะนำให้ Polsky หางานในระดับแรงงาน แม้จะมีข้อจำกัดทางภาษาอังกฤษ แต่เขาก็ยังส่งประวัติไปสมัครงานหลายร้อยที่จนในที่สุดก็ไดเงานเป็นวิศวกรที่โรงงานไฟฟ้าแห่งหนึ่งของ Bechtel แล้วต่อมาก็ไปทำงานกับ ABB และ Fluor ในสมัยนั้นโรงไฟฟ้าถ่านหินควันโขมงยังถือเป็นของทันสมัย สำหรับธุรกิจพลังงาน ซึ่งถูกรัฐบาลควบคุมอย่างหนัก แต่โอกาสครั้งใหญ่ก็เริ่มเข้ามาในปี 1978 เมื่อสภาคองเกรสยกเลิกการควบคุมอุตสาหกรรมพลังงานบางส่วนทำให้บริษัทตั้งใหม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าและขายไฟฟ้าให้เครือข่ายได้อย่างอิสระ การเปลี่ยนแปลงครั้งนั้นช่วยให้ Polsky วิศวกรชาวยูเครนผันตัวมาเป็นนักเจรจาธุรกิจชาวอเมริกัน ในปี 1985 เขาและหุ้นส่วนอีกคนเปิดตัว Indeck Energy Services เพื่อพัฒนาโครงการผลิตพลังงานร่วม ซึ่งนำไอน้ำที่เป็นผลพลอยได้จากการผลิตไฟฟ้ามาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม และในระหว่างที่ Polsky เรียนปริญญาโทบริหารธุรกิจที่ University of Chicago Booth School of Business เขาก็เดินทางไปทั่วประเทศเพื่อขายระบบผลิตพลังงานร่วมให้บริษัทเจาะจงอย่าง DuPont Indeck ประสบความสำเร็จ แต่เขากับหุ้นส่วนแตกคอกัน แล้ว Polsky ถูกกำจัดออกจากบริษัทเขาฟ้องร้องและได้เงินชดเชยมา 25 ล้านเหรียญ

ลุยกิจการพลังงานลม

ต่อมาในปี 1991 ได้ก่อตั้งบริษัท Polsky Energy ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น SkyGen บริษัทนี้เชี่ยวชาญการสร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบใช้ก๊าซที่สามารถเร่งกำลังการผลิตอย่างรวดเร็วเพื่อให้ผลิตไฟฟ้าขายแพงๆ ได้ในช่วงที่ความต้องการพุ่งสูง 1 ทศวรรษต่อมา Polsky ขาย SkyGen ให้บริษัทมหาชน Calpine ไปในราคา 450 ล้านเหรียญหลังหักหนี้สินซึ่งตัวเขาเองได้เงินมาประมาณครึ่งหนึ่ง เขาเป็นเศรษฐีร้อยล้านแล้ว แต่กลับหงุดหงิดกับการนั่งแช่อยู่ในคณะกรรมการของ Calpine แทนที่จะได้ออกเจรจาธุรกิจและคุมงานด้วยตัวเอง เขาจึงลาออกโดยชวนเพื่อนร่วมงานจาก SkyGen 4 คน มาร่วมกันตั้ง Invenergy ด้วยเงินทุนของเขาเอง 75 ล้านเหรียญ เดิมที Polsky มีแผนจะใช้ก๊าซธรรมชาติต่อไป แต่โรงไฟฟ้าใช้ก๊าซมีล้นตลาด (Calpine ยื่นขอรับความคุ้มครองตามกฎหมายล้มละลายเมื่อปี 2005 โดยมีหนี้สิน 1.7 หมื่นล้านเหรียญ) ดังนั้น ในปี 2003 Invenergy จึงหยั่งเชิงธุรกิจพลังงานลมโดยเริ่มจากการทำโครงสร้างขนาดเล็กที่มีผลงานน่าผิดหวังให้ Tennessee Valley Authority ซึ่งนอกจากงบจะบานปลายแล้ว ปรากฏว่าโครงการใน Blue Ridge Mountains แห่งนี้ยังตั้งอยู่ในจุดที่ลมพัดไม่แรงพออีกด้วย หลังจากได้บทเรียนครั้งนั้น Invenergy จึงทำโครงการอื่นๆ ในจุดที่ลมแรงกว่าเดิมในรัฐ Montana, Colorado และ Idaho ด้วยขนาดใหญ่กว่าเดิม และทำกำไรได้สูงกว่าเดิมหลายเท่า เมื่อถึงปี 2006 Polsky มีทรัพย์สิน 367 ล้านเหรียญ แต่ครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินก้อนนี้ถูกศาลรัฐ Illinois ตัดสินให้ตกเป็นของ Maya ซึ่งฟ้องหย่าจากเขา แม้ Polsky จะอุทธรณ์ไม่สำเร็จ โดยเขาร้องเรียน (รวมทั้งให้เหตุผลอื่นๆ ด้วย) ว่าคำสั่งดังกล่าวทำให้เขาจำเป็นต้องขายทรัพย์สินมาจ่ายเงินให้เธอ แต่เรื่องนี้ก็เป็นอุปสรรคต่อการทำข้อตกลงธุรกิจและการหาเงินของเขาได้ไม่นานนัก จนถึงปัจจุบัน Invenergy และบริษัทย่อยทำโครงการมาแล้ว 160 โครงการ ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม แสงอาทิตย์ และก๊าซธรรมชาติได้รวม 25,000 เมกะวัตต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับ 5 ล้านครัวเรือน Polsky ขายกำลังการผลิตประมาณ 55% ให้กองทุนบำเหน็จบำนาญกองใหญ่ในแคนาดาและนักลงทุนรายอื่นๆ แต่ในบางกรณี Invenergy ก็ยังเป็นผู้บริหารโครงการอยู่ “วิธีเติบโตที่ดีที่สุดคือ นำเงินทุนไปหมุนเวียนใช้สร้างโครงการขึ้นใหม่” Polsky กล่าว “เราขายสินทรัพย์หาเงินเพื่อจะได้คุมกิจการเอง ซึ่งผมยอมลดอำนาจควบคุม ลงก็อาจจะระดมเงินได้เยอะกว่านี้ แต่ผมไม่อยากสละอำนาจ” แม้มีผู้คาดการณ์ว่ากังหันลมในทุ่ง Alle-Catt จะสับนกอินทรีหัวขาว 41 ตัว และค้างคาวอีกหลายพันตัวเป็นชิ้นๆ ตลอดช่วงอายุการใช้งาน 30 ปี แต่มันก็จะไม่ปล่อยปรอท แคดเมียม ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ หรือคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่อากาศ และ Polsky เชื่อว่าประโยชน์จากการใช้กังหันลมแทนถ่านหินมีน้ำหนักมากกว่าชีวิตนกอินทรี หรือปัญหาติดขัดของชาวอามิชและเกษตรกรรายอื่นๆ อย่างไม่ต้องสงสัย “ถ้าคุณแค่อยากหาเงิน คุณจะทุ่มเทในระดับหนึ่ง” เขากล่าว “แต่เมื่อคุณมีภารกิจ ตัดสินใจแน่วแน่ คุณจะทุ่มเทในระดับที่ต่างกันเลยและถ้ามีความเชื่อแรงกล้า คุณต้องไม่ยอมรับคำปฏิเสธ"  
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine