Kasa Living คือ สตาร์ทอัพ ที่ให้บริการแบ่งปันที่พักให้เช่าระยะสั้น ทั้งในโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว ซึ่งล่าสุด ได้รับเงินระดมทุนในมูลค่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ ในรอบ Series B เพื่อที่จะพัฒนาซอฟต์แวร์ และระบบปฏิบัติการ โดยการระดมทุนในครั้งนี้ นับเป็นการเพิ่มมูลค่าจากเดิมที่ได้รับในรอบ Series A จำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ
“สิ่งที่ลูกค้าของ Kasa เห็น เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ของปัญหาทั้งหมดเท่านั้น เพราะเบื้องหลังการทำงานที่มีความสลับซับซ้อน เป็นสิ่งที่ได้รับการแก้ไขด้วยแพลตฟอร์มเทคโนโลยีตัวนี้” Nick Shalek หุ้นส่วนผู้จัดการทั่วไปของบริษัท Ribbit Capital ผู้ซึ่งเป็นผู้นำในรอบระดมทุนรอบล่าสุด กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทร่วมลงทุนรายอื่นๆ อีกมากมาย อาทิเช่น RET Ventures, Zigg Capital, FirstMark Capital, Allegion Ventures และ BoxGroup
Kasa Living ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 โดย Roman Pedan อดีตพนักงานตำแหน่งนักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนอยู่ใตลาดหลักทรัพย์ (Real Estate Private Equity Investor) ของบริษัท KKR กล่าวว่า ขณะที่เขายังศึกษาอยู่ที่ Stanford business school ชื่อเสียงของ Airbnb กำลังเป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวได้รับ กลับมีความแตกต่างกันออกไป ทั้งในทิศทางที่ดีและไม่ดี เพราะฉะนั้น “สิ่งที่พวกเขาขาด ก็คือ บริการที่เชื่อถือได้ หรือองค์ประกอบของความน่าไว้วางใจ”
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะสร้างแพลตฟอร์มที่มีมาตรฐานมากขึ้น แต่ยังราคาถูกกว่าหลายๆ โรงแรม โดยการใช้ประโยชน์จากห้องว่างในโรงแรม และอะพาร์ทเมนต์ต่างๆ ซึ่งจากการรายงานพบว่า ปัจจุบัน ค่าเช่าของ Kasa เริ่มต้นที่ประมาณคืนละ 130 เหรียญสหรัฐ
พาร์ทเนอร์ หรือคู่ค้าทางธุรกิจรายแรกของ Kasa คือ อะพาร์ตเมนต์ในเมือง Santa Clara รัฐ California ซึ่งเจ้าของอาคารได้เสนอห้องว่างทั้งหมด 4 ห้อง ให้มาใช้ในช่วงทดลองระบบ ซึ่งขณะนั้น พวกเขามีเวลาน้อยกว่า 1 สัปดาห์ ในการเปลี่ยนห้องว่างเหล่านั้น “พวกเราต้องนอนอยู่บนพื้น เพราะเตียงนอนยังไม่ได้แม้แต่จะสร้างเลย” Pedan กล่าว
กล่าวได้ว่า กระบวนการทดลองได้ผ่านไปได้ด้วยดี และในที่สุด เมื่อสิ้นปี 2018 ที่ผ่านมา Kasa สามารถรวบรวมห้องว่างที่พร้อมให้บริการได้ถึง 100 ห้อง ใน 6 เมือง ให้เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์ม ขณะที่ปัจจุบัน มีเกือบ 1,000 ห้องใน 35 เมืองแล้ว อีกทั้งยังมียอดการจองต่อปีถึง 100,000 ยอด และสามารถจบปีงบประมาณด้วยยอดขายที่ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่จากมูลค่าดังกล่าว บริษัทยังไม่ได้ถือว่าสามารถสร้างกำไรได้มากนัก
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 Pedan กล่าวว่า บริษัทสามารถเพิ่มยอดขายได้มากกว่าร้อยละ 50 โดยมีสาเหตุมาจากการที่ผู้คนจำนวนมากพยายามมองหาที่พักอาศัยระยะสั้นนอกใจกลางเมือง ซึ่งผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ มักเป็นกลุ่มนักธุรกิจที่ต้องเดินทางและกลุ่มครอบครัว
Kasa ได้พยายามพัฒนาตนเองให้สามารถเทียบเท่าธุรกิจของ Airbnb แม้ว่าตลาดนี้จะเป็นตลาดที่ใหญ่มากก็ตาม “ขณะนี้ อุตสาหกรรมประเภทบริการที่พักให้เช่าระยะสั้น มีมูลค่ามากกว่า 1.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ”
ทั้งนี้ หนึ่งในสาเหตุที่มูลค่าอุตสาหกรรมข้างต้นมีอัตราสูงขึ้น เป็นผลมาจากการที่ “ผู้คนประเมินมูลค่าของโรงแรม แตกต่างจากที่ผ่านมาในอดีต” Mark VanStekelenburg กรรมการผู้จัดการของ CBRE บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวในรายงานฉบับเดือนกุมภาพันธ์
มากกว่านั้น รายงานฉบับข้างต้นยังได้กล่าวอีกว่า “บริการที่พักให้เช่าระยะสั้นกำลังถึงจุดอิ่มตัวในตลาดเมืองใหญ่ แต่ Kasa ยังมีพื้นที่ให้ขยายฐานการเติบโตต่อไปได้อีกมาก”
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Kasa Living, A Short-Term Rental Startup, Raises $30 Million To Create A More Formal Airbnb เผยแพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: MULBERRY GROVE ดีไซน์เพื่อคนทุกเจนฯ