"HeartFlow" สตาร์ทอัพเทคโนโลยีสุขภาพ ผู้แก้ปัญหา "หัวใจวาย" - Forbes Thailand

"HeartFlow" สตาร์ทอัพเทคโนโลยีสุขภาพ ผู้แก้ปัญหา "หัวใจวาย"

FORBES THAILAND / ADMIN
06 Jan 2019 | 11:00 AM
READ 6788

HeartFlow ระดมเงินทุนได้ 467 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการคิดค้นเทคนิคใหม่ในการตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจแต่ปัญหาคืออาจไม่ช่วยให้ผู้ป่วยมีอาการดีกว่าเดิมมากนัก

ออฟฟิศบริเวณมุมตึกของ John Stevens ในเมือง Redwood City รัฐ California อยู่ในมุมที่สามารถมองเห็นวิวอันสวยงามของสะพาน San Francisco-Oakland Bay ถึงแม้โต๊ะทำงานของเขาได้ผ่านการใช้งานสืบทอดกันมายาวนาน และรอยแตกบนเก้าอี้บุหนังได้บอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาของมันในฐานะเก้าอี้ของ Ikea ที่วางโชว์อยู่ “เราน่าจะซื้อเก้าอี้ใหม่ใช้ได้บ้างแล้วนะตอนนี้” เขากล่าว คุณคงเชื่อเช่นนั้น HeartFlow สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสุขภาพ ซึ่ง Stevens เป็นประธานและซีอีโอ ระดมเงินทุนได้ 467 ล้านเหรียญ จนมีมูลค่าตลาด 1.5 พันล้านเหรียญ จากนักลงทุนจำนวนมาก เช่น Wellington Management, Baillie Gifford & Co., GE Ventures และ BlueCross BlueShield Ventures ตามข้อมูลของ Pitchbook มูลค่าดังกล่าวตั้งอยู่บนแนวคิดอันยิ่งใหญ่ที่ว่า การตรวจโรคที่ไม่ต้องใส่อุปกรณ์การแพทย์เข้าไปในร่างกาย เพื่อดูภาวะอุดตันภายในหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ ปัจจุบันการตรวจเช่นนั้นต้องใส่สายสวนเข้าไปจากบริเวณขาหนีบขึ้นไปที่หัวใจ และวัดการไหลเวียนของเลือด นับเป็นกระบวนการที่มีความเสี่ยงเล็กน้อยเรียกว่า การใช้สายวัดแรงดันในหลอดเลือดหัวใจ (FFR) ซึ่งทำกันเป็นจำนวนล้านครั้งต่อปีไปทั่วโลกแล้ว เพื่อจะได้ตัดสินใจว่า ผู้ป่วยจำเป็นต้องใส่ขดลวดหัวใจวาย ถ่างขยายหลอดเลือดที่ตีบตันหรือไม่ จากการใช้ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาด้วยอัลกอริทึมเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก HeartFlow เปิดเผยว่า สามารถดำเนินการตรวจวัดผลดังกล่าวที่คล้ายกันจากการทำซีทีสแกนอีกทั้งยังมีความเสี่ยงน้อยกว่า ให้ภาพสามมิติของหัวใจที่สร้างขึ้นจากการเอกซเรย์ โดยโครงการประกันสุขภาพของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้จ่ายเงินคืนเต็มตามจำนวนจริงให้ HeartFlow ถึง 1,450 เหรียญต่อหนึ่งการทดสอบ “นี่จะเป็นวิธีการที่ได้ผลดีที่สุดในการตรวจสอบโรคหลอดเลือดหัวใจ และปลอดภัยกว่าวิธีอื่นๆ ในตลาด” Bill Weldon ประธาน ของ HeartFlow และอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Johnson & Johnson กล่าว ผลดีของเทคโนโลยีนี้อาจนำไปสู่คำถามที่ลึกซึ้งกว่าว่า ขดลวดมีประสิทธิภาพมากแค่ไหนในการรักษาโรคหัวใจ และคุณจำเป็นต้องรู้หรือไม่ว่าหลอดเลือกแดงเปิดหรือปิดอยู่ heartflow HeartFlow เริ่มก่อร่างขึ้นโดย Charles Taylor ซึ่งเป็นนักศึกษาปริญญาเอกในปี 1990 เขากำลังศึกษาว่ากระแสลมไหลเข้าไปยังปีกเครื่องบินขับไล่ได้อย่างไร บางทีอาจเป็นการคำนวณแบบเดียวกันที่ช่วยอธิบายว่าเลือดไหลไปหล่อเลี้ยงหัวใจได้อย่างไร เขาไปเจอกับ Christopher Zarins หัวหน้าฝ่ายศัลยกรรมหลอดเลือด ที่วิทยาลัยการแพทย์ของ Stanford University ซึ่งคว้าปริญญาเอกจากการศึกษาเกี่ยวกับโรคหัวใจ และกลายเป็นศาตราจารย์สอนที่มหาวิทยาลัย Stanford พวกเขาร่วมกันก่อตั้ง HeartFlow ขึ้นในปี 2007 Taylor เป็นประธานฝ่ายเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีของ HeartFlow ที่ทำการศึกษาซอฟต์แวร์ตัวก่อนของเขาที่ใช้กับผู้ป่วยหลายสิบคนในประเทศลัตเวีย และระดมเงินทุนได้ 2 ล้านเหรียญจากกองทุนร่วมลงทุน (VC) Stevens ได้รับแรงบันดาลใจในการเป็นศัลยแพทย์ตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็กเขาเคยถูกคราดเสียบที่นิ้วเท้า เขาลาออกจากการเป็นแพทย์ผ่าตัดหัวใจ เริ่มต้นชีวิตใหม่เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา และเข้าร่วมงานกับ Taylor ในปี 2010ในการศึกษาปี 2014 ซอฟต์แวร์ของ HeartFlow วิเคราะห์การทำซีทีสแกนของผู้ป่วย 254 คน เท่ากับการทำ FFR ได้ 84% ในการตรวจวัดหลอดเลือดเมื่อเกิดการตีบตันและ 86% เมื่อเลือดไหลเวียนอย่างสะดวก ต่อมาในปีนั้นองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) อนุมัติให้ซอฟต์แวร์ของ HeartFlow เป็นอุปกรณ์การแพทย์เพื่อทำการประเมินอาการโรคหลอดเลือดหัวใจผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากใช้การทดสอบของ HeartFlow ในกรณีที่ไม่ชัดเจนเป็นส่วนใหญ่ Hank Plain วัย 60 ปี นักลงทุนด้านบริการสุขภาพ เน้นที่อุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งผลการทำซีทีสแกนได้แสดงให้เห็นภาพคราบหินปูนในผนังหลอดเลือดหัวใจของเขา แต่ในการตรวจสมรรถภาพของหัวใจ (การเดินบนสายพานโดยมีแผ่นวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจแปะอยู่บนหน้าอก) บ่งชี้ว่าไม่มีปัญหาใด heartflow หลังจากนั้นการทำซีทีสแกนได้นำมาใช้ในซอฟต์แวร์ของ HeartFlow ซึ่งเผยให้เห็นว่ามีจุดตีบตันบางส่วน 2 จุด หมอของเขาจึงตัดสินใจใส่ขดลวดเข้าไป 2 เส้น “มันน่ากลัวมากๆ เมื่อรู้ว่าคุณเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ได้รู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว” Plain กล่าว สำหรับการทดสอบทุกๆ ครั้ง ราคาจะอยู่ที่ 1,450 เหรียญนั้น HeartFlow กล่าวว่า บริษัทช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ 4,000 เหรียญ แต่ “ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวขึ้น และมีอาการหัวใจวายน้อยลงหรือไม่เมื่อใช้วิธีการนี้ ซึ่งสวนทางกับแนวทางบางอย่างที่ใช้กันเป็นประจำมากกว่า” Venkatesh Murthy แพทย์โรคหัวใจที่ University of Michigan กล่าว ตลอดระยะเวลา 3 ปีเขาใช้ HeartFlow กับผู้ป่วยถึง 2,000 คนแล้ว บริษัทประกันรายใหญ่ส่วนมากในสหรัฐฯ จ่ายเงินให้กับการทดสอบของ HeartFlow ขณะที่สถาบัน U.K. National Health Service ยังเคลือบแคลงสงสัยอยู่โครงการประกันสุขภาพของรัฐบาลสหรัฐฯ จ่ายค่าทดสอบดังกล่าวยกเว้นแค่ในแถบตะวันตกของสหรัฐฯ เท่านั้น Stevens ผู้เป็นประธานบริหารกล่าวไว้ว่า “ในท้ายที่สุดแล้ว ข้อมูลก็จะเป็นฝ่ายชนะ”

นักเขียนร่วม: Matthew Herpe เรื่อง: Ellie Kincaid เรียบเรียง: ชูแอตต์


คลิกอ่านบทความฉบับเต็มของ "หัวใจวาย" ได้จากนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2561