Ghost Robotics สตาร์ทอัพ “หุ่นยนต์สุนัข” ของ Jiren Parikh ผู้ซึ่งตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อเดินตามฝันในการเป็นนักสกีและนักสกีภูเขา ก่อนที่จะพลิกผันมาขายซอฟต์แวร์ให้กับบริษัท และจบลงด้วยการพัฒนาหุ่นยนต์อัจฉริยะ ที่อยู่เบื้องหลังการลาดตระเวนชายแดนของสหรัฐฯ
ปัจจุบัน Jiren Parikh ดำรงตำแหน่งผู้บริหารบริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์ “สุนัข” 4 ขาที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ใน Philadelphia ซึ่งมีลูกค้ารายใหญ่เป็นถึงกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานรัฐบาลทั่วโลก (ประเทศพันธมิตรเท่านั้น) อาทิ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
“นี่เป็นงานที่ง่ายที่สุดตลอดชีวิตการทำงาน 38 ปีของผม” Parikh วัย 55 ปีกล่าว “ผมใช้เวลาอยู่หลายปีเพื่อขายซอฟต์แวร์ให้กับบริษัท ซึ่งมันไม่ได้น่าสนใจมากนัก และเมื่อเทียบกับการขายหุ่นยนต์แล้ว งานนี้ง่ายกว่าเยอะ”
ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ประกาศว่า กำลังเดินหน้าติดตั้งหุ่นยนต์ "สุนัข" ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯเพื่อช่วยในการลาดตระเวนชายแดนและต่อต้านความพยายามในการลักลอบนำเข้าสินค้า
โดยภายในหุ่นยนต์หนัก 100 ปอนด์เหล่านี้ ประกอบด้วยกล้องวิดีโอหรือเซ็นเซอร์สำหรับการมองเห็นตอนกลางคืน และที่พิเศษไปกว่านั้นคือรูปลักษณ์ที่สามารถติดตั้งในทุกลักษณะภูมิประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทราย หิน หรือแม้แต่เนินเขา จึงไม่น่าแปลกใจที่สินค้าชิ้นนี้จะได้รับความนิยมตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 2015
ปัจจุบัน หุ่นยนต์ของ Ghost Robotics มีชื่อเรียกว่า Vision 60 มีราคาเริ่มต้นที่ตัวละ 150,000 เหรียญ และสามารถเพิ่มเติมฟังก์ชั่นเสริมอื่นๆ เป็นการเฉพาะ โดย Forbes ประมาณการว่ารายรับของบริษัทน่าจะอยู่ที่ราว 30-40 ล้านเหรียญต่อปี ทว่าด้วยสัดส่วนลูกค้าที่มาจากองค์กรภาครัฐเป็นส่วนใหญ่ ทำให้บริษัทมองว่าหากสามารถขยายฐานให้ครอบคลุมภาคเอกชนมากขึ้นอาทิการรักษาความปลอดภัยในโรงงานหรือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะมีส่วนทำให้ต้นทุนการผลิตหุ่นยนต์ในอนาคตลดลง
ด้าน Parikh ผู้อพยพชาวอินเดียได้พบกับผู้ร่วมก่อตั้ง Avik De และ Gavin Kenneally ผ่านเพื่อนที่ทำงานร่วมกันที่ Penn Center for Innovation ซึ่ง ณ เวลานั้น De และ Kenneally กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาขาหุ่นยนต์รุ่นใหม่ในห้องทดลอง Daniel Koditschek ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกที่ University of Pennsylvania
“พวกเขาเชื่อว่าจะสามารถพัฒนาหุ่นยนต์ได้ดีกว่า Boston Dynamics ซึ่งขณะนั้น Google ยังเป็นเจ้าของอยู่ ถือว่าเป็นงานที่ยากมากที่จะเอาชนะบริษัทที่มีทุนหนาขนาดนั้นได้” Parikh กล่าว
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในปัจจุบัน Boston Dynamics ผู้ผลิตหุ่นยนต์สุนัขที่ชื่อว่า Spot จะยังคงมีขนาดธุรกิจที่ใหญ่กว่ามาก แต่ Ghost Robotics ก็เป็นที่นิยมไม่ต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกาารปิดดีลกับรัฐบาลต่างๆ ที่เห็นชอบกับการใช้มอเตอร์เพื่อควบคุมขาของหุ่นยนต์และปรับตามการเปลี่ยนแปลงของแรงดันดิน “เหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เดินในป่า” Parikh เปรียบเปรย
ในช่วงแรกๆ Parikh ใช้ทุนของตัวเองในการสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท แต่หลังจากที่ได้รับสัญญาฉบับแรกจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในปี 2017 สตาร์ทอัพแห่งนี้ก็สามารถคว้าเงินทุนมูลค่ากว่า 1 ล้านเหรียญจากนักลงทุนกลุ่มแรก “มีคนจำนวนมากที่ต้องการสนับสนุนพวกเรา” เขากล่าว แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดในส่วนนี้เพิ่มเติม
ทั้งนี้ ในช่วง 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา Ghost Robotics ร่วมกับที่ปรึกษาด้านการวิจัยและพัฒนาจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ผู้อำนวยการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรมศุลกากร และหน่วยงานป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ ได้เริ่มพัฒนาและทดสอบหุ่นยนต์สำหรับการลาดตระเวนชายแดน ด้วยการปรับ Vision 60 ให้สามารถทำงานในสภาพอากาศที่แปรปรวนและพื้นที่ห่างไกล ตั้งแต่อุณหภูมิ -40 องศาเซลเซียส (-40 องศาฟาเรนไฮต์) ไปจนถึง 55 องศาเซลเซียส (122 องศาฟาเรนไฮต์) รวมถึงสามารถอยู่ใต้น้ำเป็นระยะเวลานาน
หลังจากที่ผ่านการทดสอบใน Lorton รัฐเวอร์จิเนีย หุ่นยนต์เหล่านี้ยังต้องถูกส่งไปยังเมือง El Paso รัฐเท็กซัส เพื่อทำการทดสอบเพิ่มเติมในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากมากยิ่งขึ้น “เราทำงานกันอย่างหนักเพื่อตอบสนองความต้องการของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ” Parikh กล่าว “เทคโนโลยีนี้ไม่เคยมีมาก่อนในหุ่นยนต์ธรรมดา หรือแม้แต่หุ่นยนต์ขาเดียว”
ในระยะยาว Parikh เชื่อว่า ตลาดหุ่นยนต์จะมีขนาดใหญ่ขึ้นอีกมาก และไม่จำกัดเพียงแค่ในส่วนของกองทัพเท่านั้น และเพื่อรองรับการเติบโตนี้ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาหุ่นยนต์ขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป อาทิ หุ่นยนต์สำหรับการตรวจสอบความปลอดภัยในโรงงาน การรักษาความปลอดภัยในสนามบิน การตรวจสอบเหมือง หรือป้องกันภัยในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
“ไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะเก่งแค่ไหน พวกเขาไม่สามารถแข่งขันกับเซ็นเซอร์ความร้อนมูลค่า 3,000-4,000 เหรียญที่ติดตั้งในหุ่นยนต์ของเราได้หรอก”
แม้ว่าต้นทุนจะเป็นอุปสรรคต่อการนำหุ่นยนต์มาใช้ในอุตสาหกรรม แต่ Parikh คาดว่าต้นทุนจะลดลงราวร้อยละ 25 ถึง 50 (หรือมากกว่านั้น) เมื่อเวลาผ่านไป “ถ้าเราไม่สามารถทำให้สิ่งเหล่านี้มีมูลค่าต่ำกว่า 100,000 เหรียญหรือแม้แต่ 75,000 หรือ 50,000 เหรียญ แปลว่าเราไม่รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่”
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Meet The Startup Behind The Robot ‘Dogs’ Set To Patrol The Southern Border เผยแพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: Jared Isaacman กับภารกิจ Polaris เหินฟ้าสู่อวกาศครั้งใหม่