Erik Herzfeld ชัยชนะแห่งเดิมพันหุ้นกองทุน - Forbes Thailand

Erik Herzfeld ชัยชนะแห่งเดิมพันหุ้นกองทุน

FORBES THAILAND / ADMIN
19 Feb 2024 | 09:00 AM
READ 2137

นักลงทุนรายย่อยขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องการลงทุนในกองทุนปิด ซึ่งสร้างโอกาสมากมายให้กับนักการเงินจาก Florida อย่าง Erik Herzfeld


    ตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ต้นแบบ นักลงทุนทุกคนจะเป็นคนมีเหตุผล และการกำหนดราคาหุ้นก็เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์เชิงพฤติกรรมตามแนวคิดของผู้ได้รับรางวัลโนเบลอย่าง Richard Thaler อธิบายว่า อารมณ์และความไม่รู้จะเป็นตัวแปรในการตัดสินใจของนักลงทุน และราคาหุ้นก็ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง

    Erik M. Herzfeld นักการเงินผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในกองทุนปิดเป็นผู้หนึ่งที่เชื่อมั่นในแนวคิดของ Thaler เขาวางแผนเข้าซื้อเมื่อหน่วยลงทุนของกองทุนมีการซื้อขายกันในราคาที่ต่ำอย่างไร้เหตุผล และขายออกเมื่อมีราคาสูง ต่างจากกองทุนรวมกับกองทุน ETFs กองทุนปิดไม่มีการซื้อคืนหน่วยลงทุน และราคาหน่วยลงทุนก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกที่คาดเดาไม่ได้ของนักลงทุน Herzfeld กล่าวว่า “ราคาถูกแสนถูกและแพงแสนแพงล้วนเป็นเรื่องเชิงพฤติกรรม ไม่มีใครสักคนที่อ่านหนังสือชี้ขวน” หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือ Herzfeld อ่านหนังสือชี้ชวน แต่นักลงทุนรายย่อยไม่อ่านเอกสารนี้

    ผู้ซื้อซึ่งเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นได้ดันให้ราคาของ Gabelli Utility Trust พุ่งสูงกว่ามูลค่าหุ้นที่กองทุนถืออยู่ถึง 120% เห็นได้ชัดว่านักลงทุนเหล่านั้นต่างหลงเสน่ห์เงินปันผลรายเดือน 5 เซ็นต์ต่อหุ้น หรือคิดเป็น 20% ต่อปีจากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยไม่เข้าใจว่าการจ่ายปันผลดังกล่าวนั้นไม่ยั่งยืน รวมถึงไม่รู้ลึกซึ้งว่าเงินปันผลแต่ละเหรียญที่พวกเขารับเข้ากระเป๋าด้วยความยินดีอย่างยิ่งนั้นมีต้นทุน 2.20 เหรียญ และนั่นทำให้พวกเขาขาดทุน 1.20 เหรียญในทันที

    ลูกค้าของ Herzfeld ซึ่งมอบเงิน 750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้บริษัทใน Miami Beach ของเขาดูแลไม่ได้ถือครองกองทุน Gabelli หากแต่ถือหน่วยลงทุนของ Central Securities Corporation การลงทุนซึ่งนักลงทุนน้อยคนให้ความสนใจ ซึ่งมีการซื้อขายกันอยู่ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 19% ความน่าสนใจของกองทุนนี้ค่อยๆ ลดน้อยถอยลงในเวลาไม่นานหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 1929 หรือเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้าเหตุการณ์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตกครั้งใหญ่ (Great Crash)

    หากนักลงทุนคิดว่า Central Securities เป็นแค่ของดีในอดีต พวกเขากำลังทำพลาดมหันต์ ในปี 1982 ผู้บริหารกองทุนชุดเก่าเก็งกำไรกับ Playmouth Rock ธุรกิจสตาร์ทอัพซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยที่อยู่อาศัยและยานยนต์ไว้ที่ 25 เหรียญต่อหุ้น ปัจจุบัน Playmouth อยู่ในงบดุลของ Central ที่ราคา 9,500 เหรียญต่อหุ้น หากแต่จากการประเมินบริษัทเอกชนแห่งนี้มีการคาดการณ์มูลค่าหุ้นไว้มากกว่านี้อีกเท่าตัว ก่อนหน้าที่ราคาจะลดลงเนื่องจากขาดความสามารถในการทำตลาด

    เมื่อรวมมูลค่าที่มากกว่าของ Playmouth คุณจะเห็นว่า Central มีการซื้อขายกันในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 36% กองทุนนี้จ่ายปันผลอย่างงามด้วยเช่นเดียวกัน หากแต่เป็นภาพมุมกลับของสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Gabelli การจ่ายเงินปันผลเป็นลาภลอยก้อนโตของผู้ถือกองทุน

    กองทุนที่มีราคาถูกอย่าง Central จะอยู่ร่วมกับกองทุนที่มีราคาสูงเกินจริงอย่างไร้เหตุผลอย่าง Gabelli Utility Trust ได้อย่างไร? คุณอาจคิดว่านักค้าหลักทรัพย์จะทำกำไรจากส่วนต่างของราคาในสองตลาด หากแต่ Herzfeld อธิบายว่า บรรดาขาใหญ่ในตลาดหุ้น Wall Street พบว่า อาณาจักรกองทุนปิดซึ่งมีสินทรัพย์ 2.24 แสนล้านเหรียญนั้นยังเล็กเกินไปที่จะรองรับการวางเดิมพันของพวกเขา

    Herzfeld กล่าวว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่คุณเคยได้ยินมาจัดเป็นการพนันที่มีเงินเดิมพันสูงในบ่อน เขากล่าวต่อในขณะที่หวนระลึกถึงความบันเทิงจากการพนันขันต่อในระหว่างศึกษาต่อในสาขาวิศวกรรมการเงินที่ MIT ว่า “ผมรู้สึกเหมือนว่าผมกำลังเล่นไพ่โป๊กเกอร์อยู่ที่โต๊ะเล็กขนาด 10 ที่นั่ง ผู้เล่น 7 คนเป็นนักลงทุนรายย่อย ส่วนผู้เล่นอีก 3 คนเป็นนักลงทุนมืออาชีพ เราทำเงินได้จากนักลงทุนรายย่อยเพราะพวกเขาไม่ใช่ผู้เล่นฝีมือดี"

    Herzfeld วัย 50 ปี ได้ลิ้มลองรสชาติของเกมโป๊กเกอร์ในตลาดหุ้น Wall Street ตั้งแต่อายุยังน้อย Thomas J. Herzfeld ซึ่งเป็นพ่อของเขาเริ่มติดตามกองทุนปิดตั้งแต่ 50 ปีที่แล้ว และก่อตั้ง Herzfeld Advisors ขึ้นในปี 1984 ในวัย 78 ปี Herzfeld คนพ่อยังคงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ หากแต่ให้ความสนใจกับการเล่นเรือใบมากกว่าราคาหุ้นซึ่งครั้งหนึ่งตัวเขาลงมือพล็อตกราฟราคาหุ้นในกระดาษด้วยดินสออย่างพิถีพิถัน Herzfeld ผู้เป็นบุตรชายนั่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่และผู้จัดการพอร์ตการลงทุน

    ในปี 1990 Thaler และนักวิชาการอีก 2 คนมาเยือนบริษัทของ Herzfeld เพื่อค้นคว้าข้อมูลหลายพันประเด็น ความจริงแล้วพวกเขาพยายามค้นหาคำตอบของคำถามที่ว่า นักลงทุนในกองทุนปิดเป็นคนบ้าบอหรือคนสติดี ผลการศึกษาซึ่งเป็นเอกสารต้นแบบที่มีอิทธิพลต่อการศึกษาเรื่องเศรษฐศาสตร์เชิงพฤติกรรมนี้ให้เครดิต Erik ซึ่งยังเป็นวัยรุ่นอยู่ในตอนนั้นในฐานะผู้ช่วยวิจัย

    เมื่อ Erik Herzfeld เข้ามาช่วยงานธุรกิจครอบครัวในปี 2007 หลังจากทำหน้าที่ซื้อขายอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนที่ Lehman Brothers และ JPMorgan เขาประกาศก้องว่า เขาจะทำเงินจากการซื้อกองทุนที่ราคาต่ำกว่าราคาตลาดและขายชอร์ตกองทุนที่ราคาสูงเกินจริง Herzfeld ผู้เป็นพ่อซึ่งถือคติว่าตลาดจะดำเนินไปอย่างไร้เหตุผลได้ยาวนานกว่าที่คุณจะเอาตัวรอดจากการมีหนี้สิน ออกกฎเหล็กให้ Erik ใช้บัญชีส่วนตัวของเขาสำหรับการขายชอร์ต “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผมขาดทุนจริงๆ" Herzfeld กล่าว

    ลูกค้าของ Herzfeld มีผลประกอบการที่ดีกว่าโดยใช้กลยุทธ์การลงทุนระยะยาวเพียงอย่างเดียว บริษัทของเขาอ้างว่า ได้ผลตอบแทนต่อปีเฉลี่ยอยู่ที่ 6.2% นับจากปี 2000 เป็นต้นมาสำหรับบัญชีผสมระหว่างหุ้นกับพันธบัตร หลังหักค่าธรรมเนียมสุทธิ (1% สำหรับบัญชีใหญ่) โดยสามารถเฉือนชนะผลตอบแทนที่เป็นเกณฑ์มาตรฐาน (benchmark) ซึ่งอยู่ที่ 6% 

    หนึ่งในผู้เล่นกล้าได้กล้าเสียของ Herzfeld ก็คือ Cornerstone Strategic Value Fund การจ่ายเงินปันผลมากถึง 22% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิทำให้กองทุนมีการซื้อขายกันที่ราคาสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิ บางครั้งคิดเป็นส่วนต่างที่ค่อนข้างมากทีเดียว นั่นทำให้กองทุนนี้สามารถมอบส่วนลดบางอย่างให้กับผู้ถือกองทุนได้ เช่น สิทธิในการซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มเติมโดยคิดค่าธรรมเนียมในอัตราพิเศษ ในรอบสุดท้ายของการเสนอขายกองทุนสามารถทำยอดขายได้ 670 ล้านเหรียญจากผู้ซื้อซึ่งมีความตื่นตัว และการระดมเงินทุนครั้งใหม่นี้ส่งผลให้ทรัพย์สินสุทธิต่อหุ้นของกองทุนเพิ่มขึ้น ในทางกลับกันการเพิ่มขึ้นของทรัพย์สินสุทธิก็ส่งผลให้ตัวเลขผลการดำเนินงานของกองทุนเป็นบวกมากขึ้น ซึ่งนั่นทำให้ราคาตลาดของกองทุนปรับเพิ่มขึ้นด้วย Herzfeld กำลังลงสนามโดยใช้กลยุทธ์ ‘คนโง่กว่า’ โดยตั้งใจจะเข้าซื้อเมื่อกองทุน Cornerstone มีส่วนต่างระหว่างราคากับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ และขายออกเมื่อส่วนต่างมากอย่างสุดโต่ง

    สำหรับนักลงทุนหัวอนุรักษ์นิยม พวกเขาใช้กลยุทธ์การลงทุนที่เรียบง่ายกว่านั้น นั่นก็คือการซื้อกองทุนปิดที่มีการซื้อขายกันในราคาต่ำกว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน 10% ขึ้นไป และมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในสัดส่วนที่ต่ำหรือมีการจ่ายเงินปันผลในอัตราสูง กองทุนปิด 2 กองทุนซึ่งปรากฏในแบบฟอร์ม 13F ที่ Herzfeld นำส่งคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์คือ Adams Natural Resources และ Neuberger Berman Next Generation Connectivity “ในตลาดมีทั้งการตื่นตัวอย่างอย่างไม่สมเหตุสมผล และการมองโลกในแง่ร้ายอย่างไร้เหตุผล และนั่นเองเป็นวิธีที่ผมใช้หาเลี้ยงครอบครัว” Herzfeld กล่าว



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Wang Laichun สายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับ Apple ดันทรัพย์สินทะยาน

คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมกราคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine