ทางรอดใหญ่ของ DONALD TRUMP - Forbes Thailand

ทางรอดใหญ่ของ DONALD TRUMP

FORBES THAILAND / ADMIN
31 Dec 2022 | 09:00 AM
READ 4123

เมื่อตอนประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ ต้องก้าวลงจากตำแหน่ง และยังต้องเผชิญกับการขาดทุนจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับหนี้สินท่วมท้น แต่ในเวลานี้เขากลับมีกระแสเงินสดล้นหลาม และสามารถเจรจากับใครต่อใครได้อย่างเสรี คงต้องขอบคุณความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จากผองเพื่อนผู้ทรงอิทธิพลของเขานั่นเอง


    ณ วันที่ Donald Trump อำลาทำเนียบขาว กิจการของเขามีหนี้สิน 900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่กำลังจะครบกำหนดชำระในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า การเอาตัวรอดจากภาระเงินกู้ขนาดนั้นคงเป็นเรื่องยากเอาการ รายงานระบุว่า Deutsche Bank แหล่งเงินกู้ยืมของ Trump มายาวนานเตรียมปิดฉากความสัมพันธ์กับเจ้าพ่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 

    ขณะที่สถาบันการเงินอีก 2 แห่ง คือ Signature Bank และ Professional Bank ประกาศหยุดให้บริการแก่ Trump ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม ปี 2021 เป็นต้นไป อัยการเขต Manhattan กำลังจะมีคำสั่งให้ตั้งข้อกล่าวหา Trump Organization เกี่ยวกับอาชญากรรมทางการเงินหลายคดีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการปลอมข้อมูลธุรกิจ การสมรู้ร่วมคิด และการฉ้อโกง

    ผู้คนก็เริ่มป่าวประกาศว่ายุคของ Trump กำลังจะถึงจุดจบ ทว่าคำทำนายเหล่านี้กลับผิดมหันต์ ตลอดระยะเวลา 15 เดือนที่ผ่านนมา Trump Organization สามารถพลิกสถานการณ์หนี้สิน 900 ล้านเหรียญที่กำลังจะครบกำหนดชำระได้สำเร็จ พวกเขาจัดการเงินกู้เจ้าปัญหา 2 ก้อน รวมมูลค่า 295 ล้านเหรียญที่มีอยู่กับ Deutsche Bank จนหมดภาระ 

    ด้วยอานิสงส์จากความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับเศรษฐีพันล้านแห่งอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์อย่าง Michael Dell ทำให้อดีตประธานาธิบดีสามารถขายโรงแรมใน Washington, D.C. ที่มีผลประกอบการขาดทุนไปให้กับบริษัทลงทุนที่มีความเกี่ยวข้องกับ Alex Rodriguez อดีตดาวดังแห่งศึก Major League Baseball และ Floyd Mayweather แชมป์มวยโลกที่แขวนนวมแล้ว นอกจากนี้ Trump ยังรีไฟแนนซ์เงินกู้จำนวน 125 ล้านเหรียญที่ค้างชำระอยู่กับรีสอร์ตกอล์ฟแห่งหนึ่งใน Miami รวมทั้งโปะสินเชื่อจากการจำนอง Trump Tower มูลค่า 100 ล้านเหรียญได้สำเร็จ

    แม้ว่าธุรกิจของ Trump จะยังคงมีหนี้สินอีกเป็นจำนวนมาก รวมแล้วคิดเป็นเงินราว 1.1 พันล้านเหรียญ แต่ส่วนใหญ่กว่าจะครบกำหนดชำระก็ปี 2028 เป็นต้นไป พวกเขาเหลือเงินกู้ที่ยังไม่ได้รีไฟแนนซ์อีก 2 รายการคือ เงินกู้ 13 ล้านเหรียญจากการจำนองอสังหาริมทรัพย์บนถนน Third Avenue ใน Manhattan และอีก 45 ล้านเหรียญจากการจำนองอาคารแห่งหนึ่งใน Chicago ซึ่งจะครบกำหนดชำระในปี 2024 แต่ทั้งนี้ก็คงไม่น่าจะเกินกำลังของ Trump เพราะเขามีเงินสดอยู่ในมือประมาณ 375 ล้านเหรียญจากการเข้าทำสัญญาต่างๆ สูงกว่าสมัยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีกว่า 3 เท่าตัว

    Trump ทำได้อย่างไร? อันดับแรกเขาได้รับความช่วยเหลือจาก Steven Roth หุ้นส่วนธุรกิจที่เป็นเศรษฐีที่มีทรัพย์สินเกือบจะแตะหลักพันล้านผู้โด่งดังในโลกอสังหาริมทรัพย์ และต่อมาเขาได้เข้าทำสัญญาฉบับมหัศจรรย์กับบริษัทลงทุนที่ดูคลุมเครืออย่าง CGI Merchant Group 

    “เขาไม่เคยขาดแหล่งเงินกู้ แม้ว่าค่าใช้จ่ายต่างๆ อาจจะแพง แต่ก็ยังงมีหลายธุรกิจที่อยากจะให้เขากู้ยืมเงินอยู่ตลอด” Mike Offit ผู้สร้างความสัมพันธ์ระหว่าง Deutsche Bank กับ Trump ในยุค 1990 กล่าว

   หลังจาก Roth ซึ่งเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับ Trump มานานกว่า 12 ปี ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ในเดือนเดียวกันนั้นเอง Vornado Realty Trust ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของ Roth ยังประกาศขายหรือรีไฟแนนซ์อาคาร 2 หลังคือ 555 California Street ใน San Francisco และ 1290 Avenue of the Americas ที่ New York 


Steven Roth คือเจ้าของ Vornado Realty และอาคารสำนักงานสุดหรู
ขนาดเกือบ 20 ล้านตารางฟุต โดย 3.8 ล้านตารางฟุต เป็นของ Donal Trump ซึ่งเป็นหุ้นส่วนกันมานาน


    JPMorgan Chase ธนาคารรายใหญ่ที่สุดในประเทศคว้าโอกาสไว้ในทันที Vornado และ Trump สามารถรีไฟแนนซ์สินเชื่อ 950 ล้านเหรียญจากการจำนอง 1290 Avenue of the Americas ด้วยสินเชื่อจำนวนเงินเดียวกัน ส่วน 555 California Street นั้น JPMorgan Chase ช่วยระดมทุนได้ 1.2 พันล้านเหรียญเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2021 เพื่อนำมาชำระสินเชื่อจำนองเดิมจำนวน 533 ล้านเหรียญ และยังเหลือเงินให้หุ้นส่วนทั้งสองอีกกว่า 600 ล้านเหรียญ พร้อมกับกำหนดชำระเงินที่เลื่อนออกไปเป็นปี 2028 ส่งผลให้ Trump มีเงินสดเพิ่มขึ้นอีกราว 162 ล้านเหรียญ

    ช่วงเวลาเดียวกัน Trump ต้องการโละโรงแรมที่ Washington, D.C. เพราะการนำเงินมาแบกรับทรัพย์สินเพียงรายการเดียวดูไม่สมเหตุผลเลยสักนิด Trump Organization ตกลงทุ่มเงินลงทุน 200 ล้านเหรียญเพื่อปรับปรุงโรงแรมแห่งนี้เสียใหม่ จากนั้นยังต้องจ่ายค่าเช่าอีกปีละ 3 ล้านเหรียญ

    Trump ตัดริบบิ้นงานเปิดตัวโรงแรมเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมปี 2016 หรือเพียง 13 วันก่อนที่เขาจะชนะการเลือกตั้งขึ้นเป็นประธานาธิบดี บรรดาผู้สนับสนุนเข้าร่วมพิธีเข้ารับตำแหน่งกันคับคั่งแต่ Trump ถูกกล่าวหาว่าเรียกเก็บเงินจากคณะกรรมการฝ่ายจัดงานของตนเองกว่า 1 ล้านเหรียญ จนอัยการสูงสุดแห่ง D.C. ฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งจบลงด้วยการประนีประนอมมูลค่า 750,000 เหรียญ 

    แม้ธุรกิจของเขาจะกระเตื้องขึ้นมาบ้างในช่วงเวลาเข้ารับตำแหน่ง แต่สุดท้ายก็ทรุดหนักกลายเป็นขาดทุน 2.1 ล้านเหรียญ ขณะเดียวกันธนาคารกลางปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในส่วนของดอกเบี้ยพุ่งทะยานเป็น 7.5 ล้านเหรียญ ธุรกิจของ Trump ต้องอัดฉีดเงินเข้าไปอีก 9 ล้านเหรียญ

    สถานการณ์นี้ทำให้ Trump Organization ต้องวางแผนที่กล้าหาญเอามากๆ นั่นคือ ขายโรงแรมในราคาแพงระยับ ตระกูล Trump เสนอขายต่อตลาดด้วยวิธีการที่ไม่เหมือนใคร โดยเลือกที่จะเผยแพร่เรื่องราวผ่านทางหน้าหนึ่งของ Wall Street Journal ฉบับวันที่ 26 ตุลาคม ปี 2019 

    การประกาศขายย่อมง่ายกว่าปิดการขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคาขายสูงขนาดนั้น ผู้เสนอราคาคนหนึ่ง เป็นนักลงทุนท้องถิ่นชื่อ Brian Friedman เขาเสนอซื้อที่ราคา 175 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเพียง 35% ของราคาเสนอขาย สอดคล้องกับการประเมินราคาของแหล่งข้อมูลในอุตสาหกรรมแต่ตระกูลของ Trump ปฏิเสธข้อเสนอ หลังจากนั้นไม่นานโลกก็ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 

    วันที่ 3 เมษายน ปี 2020 โรงแรมของ Trump ต้องปลดพนักงาน 237 คน การซื้อขายเงียบกริบเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง จนกระทั่งถึงเดือนตุลาคม ปี 2021 เริ่มมีข่าวลือออกมาให้ได้ยินว่า Trump ได้ผู้ซื้อที่ยินดีจ่าย 375 ล้านเหรียญ แม้จะน้อยกว่าราคาเสนอขาย 500 ล้านเหรียญ แต่ก็ยังสูงกว่าราคาประเมินอิสระอยู่มาก

The Trump International Hotel ใน Washington 

คือธุรกิจที่ทำเงินรั่วไหลจนต้องขอรับความช่วยเหลืออยู่เป็นประจำ


    ใครกันหรือที่ยอมจ่ายเงินราคาแพงเพื่อซื้อสมบัติของประธานาธิบดี? พวกเขาคือ CGI Merchant Group บริษัทเล็กๆ จาก Miami ผู้อ่อนประสบการณ์ในแวดวงธุรกิจบริการ รายงานระบุว่า ในบรรดาผู้ร่วมลงทุนมี Rodriguez และ Mayweather รวมทั้ง Hilton (ซึ่ง CGI ซื้อมาเพื่อดำเนินกิจการโรงแรมภายใต้แบรนด์ Waldorf Astoria) ก็ร่วมลงทุนบางส่วนเช่นกัน แต่กระนั้นรายชื่อผู้ร่วมลงทุนทั้งหมดของ CGI ยังคงปิดเป็นความลับ 

    เพื่อหาเงินมาซื้อ CGI จึงได้ขอยืมเงิน 285 ล้านเหรียญจากธุรกิจ 2 แห่งที่มีความเกี่ยวข้องกับ MSD Partners ซึ่ง MSD Partners คือ ผู้ลงทุนในทรัพย์สินของ Michael Dell เศรษฐีพันล้านแห่งอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ เจ้าของตำแหน่งคนที่รวยที่สุดเป็นอันดับ 16 ของประเทศด้วยทรัพย์สินมูลค่า 5.2 หมื่นล้านเหรียญ 

    ขณะที่ Axos ธนาคารออนไลน์ขนาดเล็กแห่งหนึ่งซึ่ง MSD เคยร่วมงานด้วยในสัญญาอื่นๆ ก็เข้ามามีส่วนได้เสียในสินเชื่อนี้ ธุรกรรมดำเนินการลุล่วงไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ทำให้อดีตประธานาธิบดีและครอบครัวมีเงินเพียงพอชำระหนี้คืนให้กับ Deutsche Bank ที่กำลังจะครบกำหนดในปี 2024 นอกจากนี้ Don Jr., Ivanka และ Eric ลูกๆ ของ Trump ซึ่งมีหุ้นในโรงแรมแห่งนี้คนละเล็กคนละน้อยต่างได้รับส่วนแบ่งไปคนละประมาณ 13 ล้านเหรียญ และเมื่อรวมกับเงินเดือนของ Trump ผู้เป็นพ่อแล้วคิดเป็นจำนวนเงินราว 135 ล้านเหรียญ

    Greg Garrabrants ซีอีโอของ Axos พร้อมด้วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อ Thomas Constantine ต่างชื่นชอบ Trump มากถึงขนาดเคยบริจาคเงินช่วยในการหาเสียงเลือกตั้ง เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 Constantine ลงนามในเอกสารด้วยตัวเอง และ Axos ก็ปล่อยเงินกู้ให้แก่อดีตประธานาธิบดีจำนวน 100 ล้านเหรียญ 

   ต่อมาในเดือนพฤษภาคม Axos ให้ Trump กู้ยืมเงินอีก 125 ล้านเหรียญ เพื่อนำมาชำระหนี้ Deutsche Bank สัญญาฉบับใหม่ทำให้จำนวนเงินกู้ยืมจาก Axos เพิ่มเป็น 225 ล้านเหรียญ ยังไม่รวมรายการใดๆ เกี่ยวกับโรงแรมที่ D.C. ถ้าเป็นปีที่แล้ว Axos จะถูกจำกัดวงเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้แต่ละรายได้ไม่ถึง 225 ล้านเหรียญ แต่ไม่เกินฤดูใบไม้ผลิก็ดูเหมือนว่าธนาคารจะมีทุนเพิ่มขึ้นพอดีจนสามารถปล่อยเงินกู้ยืมดังกล่าว Donald Trump จึงได้ธนาคารใหม่มาแทน Deutsche Bank ด้วยประการนี้

    Trump ยังคงมีสินเชื่อระยะยาวอีกส่วนหนึ่ง โดยมี 2 รายการที่จะครบกำหนดชำระในปี 2024 คิดเป็นจำนวนเงินรวมกัน 58 ล้านเหรียญบวกกับอีก 130 ล้านเหรียญที่จะครบกำหนดชำระในปี 2025 เมื่อพิจารณาจากเงินสดในมือ 375 ล้านเหรียญในเวลานี้ ในทางทฤษฎีแล้วเขาน่าจะชำระหนี้สินทั้งหมดได้ด้วยเงินสดของตัวเอง ซึ่งเขาเพิ่งจะมีความเคลื่อนไหวเมื่อไม่นานมานี้ด้วยการชำระเงินกู้ก้อนเล็กๆ สำหรับอาคาร Park Avenue รวมทั้งหนี้สินอื่นๆ จากสนามกอล์ฟที่ New Jersey และ Virginia 

    อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า Trump จะพยายามกู้ยืมเงินเพิ่มขึ้นเสียมากกว่า เพียงเพราะว่าเขาสามารถทำได้ ต่อให้ Axos จะปล่อยสินเชื่อเกือบเต็มวงเงินแล้วก็ตาม อีกทั้งอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ก็ยังไม่เคยจนมุมเพราะมีธุรกิจอีกหลายแห่งที่ยังสนใจให้เงินแก่เขากู้ยืม


อ่านเพิ่มเติม:

>> Aviator Nation แบรนด์อเมริกันสุดเก๋สไตล์นักเซิร์ฟ

>> "Technoprobe" ไอเดียธุรกิจจากผู้ก่อตั้งวัยเก๋า 


คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2565 ในรูปแบบ e-magazine