มีเศรษฐีมากมายทุ่มเงินเพื่อเข้าสู่เส้นทางสายการเมือง แต่ไม่เคยมีชาวสหรัฐฯ คนไหนใช้การเมืองสร้างทรัพย์สินส่วนตัวได้มากเท่ากับ Donald J. Trump เหตุเพราะฝูงชนที่พร้อมจะควักกระเป๋าซื้ออะไรก็ได้ที่เป็นของ Trump อย่างเช่นหุ้นโดยไม่สนใจเรื่องราคา ทำให้ชื่อเสียงทางการเมืองของเขาเปลี่ยนเป็นเงินได้เป็นพันๆ ล้านเหรียญ
Donald Trump สร้างแบรนด์จากชัยชนะเสมอมา จนกระทั่งวันที่ 20 มกราคม ปี 2021 สถานการณ์ของเขากลับตรงข้ามไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่จะพ่ายแพ้ให้กับคะแนนเสียงของประชาชนเท่านั้น แต่ Trump ยังโดนตัดสินว่ามีความผิดเป็นครั้งที่ 2 จากการยุยงให้เกิดความวุ่นวายที่อาคารรัฐสภา
Trump เดินทางกลับไปยัง Palm Beach ใน Florida เพียงเพื่อที่จะพบว่า อาณาจักรของเขาตกอยู่ในภาวะวิกฤต อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ของเขาว่างเปล่าเสียมาก ขณะที่ธุรกิจโรงแรมสูญเงินนับสิบๆ ล้าน ส่วนธุรกิจการอนุญาตให้ใช้สิทธิก็ยังไม่มีความคืบหน้า
1 สัปดาห์ต่อมา Trump เปิดคลับส่วนตัวต้อนรับ Wes Moss และ Andy Litinsky อดีตผู้เข้าแข่งขันรายการ Apprentice ให้เข้ามานำเสนอไอเดียธุรกิจ ซึ่งนอกจากแฮมเบอร์เกอร์และไอศกรีมแล้วก็เป็นแนวคิดของ 2 ดาวรุ่งนี้เองที่ถูกใจบอสเอามากๆ นั่นคือบริษัทสื่อและเทคโนโลยีครบวงจรภายใต้แบรนด์ Trump ประกอบไปด้วยแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียอย่าง Twitter, บริการสตรีมมิ่งอย่าง Disney+ และแพลตฟอร์มเว็บโฮสติ้งอย่าง Amazon ที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือ Trump จะได้เป็นเจ้าของหุ้นถึง 90% ซึ่งคนวงในบอกว่า เขาไม่ต้องลงทุนอะไรก่อนเลยแม้แต่น้อย
เส้นทาง 4 ปีแห่งการพลิกโฉมเศรษฐีพันล้านแวดวงอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในสหรัฐฯ ให้กลายเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่สามารถสร้างรายได้นับพันๆ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้จากการเมือง แม้จะมีเศรษฐีมากมายสมัครเข้าชิงตำแหน่งทางการเมือง และมีนักการเมืองมากมายรวมถึงอดีตประธานาธิบดีทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในวันนี้ที่อาศัยประโยชน์จากชื่อเสียงและสายสัมพันธ์สร้างความมั่งคั่งหลังพ้นวาระได้สำเร็จ แต่ไม่มีใครที่สามารถทำเงินได้มากเท่ากับ Trump
ช่วงต้นปี 2021 Forbes ประเมินว่า Trump มีมูลค่าทรัพย์สิน 2.4 พันล้านเหรียญ โดย 1.4 พันล้านเหรียญยังอยู่ในธุรกิจอสังหาฯ เพื่อการพาณิชย์รูปแบบเก่า ในจำนวนนี้ 1 พันล้านเหรียญกระจุกตัวอยู่ใน New York City ในวันนี้เขากลับมาติดทำเนียบ Forbes 400 อีกครั้งด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 4.3 พันล้านเหรียญ โดยมากแล้ว 2.2 พันล้านเหรียญมาจากธุรกิจโซเชียลมีเดียที่เพิ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่วนอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ใน New York มีมูลค่าเหลือเพียง 600 ล้านเหรียญ
เท่ากับว่า Trump ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 4 ปีเพิ่มมูลค่าและแปลงโฉมทรัพย์สินที่เขาสร้างขึ้นเมื่อ 40 ปีที่แล้วไปอย่างสิ้นเชิง ตำแหน่งประธานาธิบดีผลักดันกำไรธุรกิจหลักของ Trump ได้อย่างไม่ต้องสงสัย จากการวิเคราะห์ข้อมูลการยื่นภาษี การเปิดเผยข้อมูลทางการเงิน หนังสือชี้ชวนลงทุนหุ้นกู้ รายงานข้อมูลเครดิต และบันทึกข้อมูลภายในบริษัทพบว่า เมื่อปี 2023 Trump มีรายได้จากการดำเนินงานราว 218 ล้านเหรียญ หรือสูงกว่ารายได้เฉลี่ยสมัยอยู่ทำเนียบขาวถึง 58%
ธุรกิจกอล์ฟและสโมสรของเขาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นธุรกิจธรรมดาๆ ของอาณาจักรเวลานี้กลายเป็นเครื่องจักรผลิตเงินจากการขายสิทธิกระทบไหล่ชายที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกด้วยค่าสมาชิกสูงลิบลิ่ว Forbes ประเมินว่า ส่วนที่ Trump เป็นเจ้าของมีมูลค่าปัจจุบันสูงถึง 1.1 พันล้านเหรียญ (จาก 570 ล้านเหรียญตอนที่เขาลงจากตำแหน่ง) ขณะที่กำไรเติบโตราว 3 เท่าตัว
นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือประดับโต๊ะกาแฟ NFT ไบเบิ้ล หรือแม้กระทั่งเสื้อสูทที่เขาสวมขึ้นโต้วาทีกับ Joe Biden เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
จริงๆ แล้ว Trump กำลังขายอะไรล่ะ?
คำตอบคือ เขาขายตัวเขาเอง ซึ่งเขาทำมานับสิบๆ ปี ไม่ว่าจะเป็นชีวิตหรูหราบนอาคาร Trump Tower ในช่วงวัย 30 สายเปย์ไม่อั้นที่ Atlantic City ในช่วงวัย 40 การครองอำนาจในที่ประชุมคณะกรรมการสถานีโทรทัศน์ในวัย 50 โลดแล่นบนเวทีการเมืองในช่วงวัย 60 หรือในเวลาชำระแค้นในวัย 70 ปีกว่าๆ ในชีวิตที่มีทั้งขึ้นและลงของเขามีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือ เขาสามารถสร้างความไว้วางใจให้กับคนที่ไม่ได้รู้จักเขาดีพอ จากนั้นก็หาโอกาสทำเงิน
ลองถามบรรดาเจ้าหนี้ที่ไม่เคยได้เงินคืนหรือผู้ถือหุ้นกาสิโนที่ได้แต่มองตาปริบๆ เมื่อ Trump ไปคว้าเอาบริษัทมหาชนมาหาเงินก่อนบริหารจนล้มละลาย (ถึง 2 ครั้ง!) หรือลูกบ้านคอนโดมิเนียมที่ Chicago ซึ่งยอมควักกระเป๋าจ่ายค่ายูนิตหรูๆ ขณะที่ Trump ยักยอกค่าบริหารจัดการไปนับล้านๆ เหรียญ
ในช่วงเวลาล้มเหลว Trump คือคนที่ไม่ยอมแพ้เสียด้วย เขาจะหาสนามแข่งขันใหม่และผู้ชมหน้าใหม่ ในโลกการเมือง Trump สร้างเครือข่ายผู้ติดตามกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งรวมถึงบรรดาผู้ติดตามแบบสุดโต่งที่ภักดีต่อเขามากกว่าลูกค้าใดๆ ที่เขาเคยมีมา ผู้ติดตามกลุ่มนี้พร้อมที่จะซื้อทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเสนอขายไม่ว่าจะมีราคาเท่าไร
เรื่อง: Dan Alexander, เรียบเรียง: รัน-รัน
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Sukhinder Singh Cassidy ซีอีโอผู้ฟื้นยักษ์ซอฟต์แวร์แดนกีวี