Champagne Telmont ผู้ผลิตแชมเปญอายุกว่าร้อยปี กำลังจะเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาในเดือนนี้ โดยมาพร้อมกับความเป็นกลางทางคาร์บอนและดาราดังอย่าง Leonardo DiCaprio ที่เฉิดฉายในฐานะผู้ลงทุน และผู้สนับสนุนตัวยง
Leonardo DiCaprio ตกหลุมรักในวิสัยทัศน์ของ Champagne Telmont เรื่องความยั่งยืนมากจนเขาตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นในแบรนด์ดังกล่าว และในตอนนี้ ด้วยแสงอันเจิดจรัสและเงินสนับสนุนของของ DiCaprio ทาง Telmont ก็ได้ตั้งเป้าที่จะเจาะตลาดสหรัฐฯ ด้วยแผนการที่ยั่งยืนเหนือใครๆ ซึ่งนั่นก็คือแชมเปญที่ทั้งออร์แกนิกและยั่งยืน รวมถึงให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พื้นดินและความหลากหลายทางชีวภาพไปพร้อมๆ กัน
เป้าหมายของ Telmont ดูมักใหญ่ใฝ่สูง และผู้นำทีมพิชิตเป้าหมายในครั้งนี้คือ Ludovic du Plessis ซีอีโอแห่ง Telmont และ Bertrand Lhôpital หัวหน้าฝ่ายการเพาะเลี้ยงองุ่นและผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์รุ่นที่ 4 ประจำเมซง
Du Plessis รู้จักกับ DiCaprio มาเป็นเวลามากกว่า 15 ปีแล้ว “เมื่อผมแชร์แผนการของโปรเจ็กต์นี้กับ Leo เขาก็ชอบมันเอาซะมากๆ จนเขาตัดสินใจเข้าร่วมในฐานะนักลงทุน การที่เขาสนับสนุนเรานั้นมีความหมายมากและ การที่เขามามีส่วนเกี่ยวข้องก็เป็นคันเร่งให้เรา ยังมีการตัดสินแบบพื้นๆ อยู่เบื้องหลังโปรเจ็กต์นี้อีกเยอะด้วย” ใช่แล้ว แน่นอนว่ายังมีเรื่องเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่เป็นเรื่องที่หัวใจอันเต็มไปด้วยความยั่งยืนของ DiCaprio ให้ความสนใจ
Du Plessis ค้นพบ Telmont ระหว่างที่เขาทำกำลังเสาะหาแนวทางที่จะสร้างหรือไม่ก็ลงทุนในแบรนด์แชมเปญของตัวเขาเอง “ผมชิมไวน์จากกว่า 30 แบรนด์ และเมื่อผมได้ลองชิมไวน์ของ Bertrand ผมก็รู้ทันทีว่านี่แหละคือสิ่งที่ผมตามหา” ส่วน Bertrand ในตอนนั้นก็ได้ไล่ล่าตามหาความยั่งยืนแล้ว โดยเขาได้เปลี่ยนไร่องุ่นของเขาให้เป็นแบบไบโอไดนามิก ดังนั้น เขากับ du Plessis จึงเป็นคู่หูที่เขากันได้ดีสุดๆ
และในวันนี้ du Plessis กับทีมงาน Telmont ก็ได้พัฒนาแผนที่เขาเรียกว่า “Au Nom de la Terre” หรือที่แปลว่า ในนามของธรรมชาติ องค์ประกอบต่างๆ ในแผนนี้มีทั้งการหยุดใช้ขนส่งทางอากาศจนไปถึงการเกษตรแบบออร์แกนิกอย่างเต็มรูปแบบ (ซึ่งด้วยอัตราการผลิตถึง 400,00 ขวดของพวกเขาแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย)
Telmont มุ่งที่จะแปรไร่องุ่นของพวกเขาให้เป็นไร่ที่ทำการเกษตรแบบออร์แกนิกร้อยละ 100 ให้ได้ภายในปี 2025 และช่วยเหลือผู้เพาะปลูกที่เป็นพาร์ตเนอร์ให้แปรเป็นเกษตรแบบออร์แกนิกแบบเต็มรูปแบบภายในปี 2031
เพื่อเป็นบริบท ปัจจุบันไร่องุ่นแชมเปญน้อยกว่าร้อยละ 4 ได้รับการรับรองว่าเป็นไร่แบบออร์แกนิก การที่จะได้รับตำแหน่งนี้มานั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากภูมิอากาศที่ชื้นทำให้การหยุดใช้ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง หรือปุ๋ยเคมีเป็นเรื่องท่ีทำได้ยาก การเปลี่ยนให้ไร่องุ่นในภูมิภาค Champagne นี้เป็นไร่องุ่นแบบออร์แกนิกจึงยังเป็นการต่อสู้ที่ไม่จบง่ายๆ
ในเดือนมิถุนายน 2021 ทาง Telmont ได้แบนการห่อของขวัญ (แชมเปญนี้ไม่มีบรรจุภัณฑ์โออ่าใดๆ ทั้งนั้น) และได้หยุดซื้อขวดใส ซึ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ ขวดเหล่านี้นั้นทำมาจากแก้วรีไซเคิลร้อยละ 0 ในขณะเดียวกัน ขวดแชมเปญสีเขียวคลาสสิกกลับทำมาจากแก้วรีไซเคิลถึงร้อยละ 85 โดย du Plessis กล่าวว่า “โรเซ่และ Blanc de Blancs ของผมจะมาในขวดสีเขียว และตั้งแต่นี้เป็นต้นไป Vintage 2021 ก็จะไม่ใช้ขวดใสอีก” แล้วกล่องล่ะ? ยังไงซะ ผู้บริโภคก็ชอบกล่องแชมเปญอันหรูหรา แต่ du Plessis ยืนกรานว่า “เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งบรรจุภัณฑ์ แล้วคนอื่นๆ ก็จะทำตาม หวังว่านะ”
ขวดแต่ละขวดถูกลงเลขเฉพาะไว้ และฉลากด้านหน้าก็มีรายละเอียดขององค์ประกอบและวิธีการผลิตของไวน์ในขวดดังกล่าวไว้อย่างละเอียดยิบ “เราใส่ทุกอย่างลงไปในฉลากเลย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล ปี ปีวินเทจ กระบวนการผลิต และขวดทุกขวดก็ถูกลงเลขไว้ นี่เป็นอะไรที่ยังใหม่มากในโลกแชมเปญ คุณมีสูตรของ Telmont เรามีข้อเสนอแนะจากซอมเมอลิเยร์และลูกค้าที่ถูกใจ”
ความเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้น แต่ระยะสุดท้ายต่างหาก ที่ต้องใช้เวลามากที่สุด ณ ตอนนี้ Telmont ร่วมงานกับผู้เพาะปลูก 55 รายด้วยกัน โดย 25 รายนั้นทำการเกษตรแบบออร์แกนิกอยู่ นอกจากนี้การที่พวกเขาขนส่งโดยใช้เรือเท่านั้นยังมีความเสี่ยงไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ซัพพลายเชนติดขัดเช่นนี้ แต่ du Plessis ก็ยังสามารถคงไว้ซึ่งความมองโลกในแง่ดีที่มีฐานอยู่ในโลกความเป็นจริงแต่เต็มไปด้วยความฝัน “ใช่ เราอาจจะพลาดยอดขายไปบ้าง เราอาจะไม่ได้ของภายใน 2 วัน ดังนั้นเราต้องจัดการคลังของเราให้ได้ดีกว่านี้ เราจะไม่มีวันส่งไวน์ของเราทางอากาศ ไม่มีทาง แม้ว่าลูกค้าจะยอมควักเงินก้อนโตจ่ายก็ตาม”
Rémy Cointreau บริษัทซึ่ง du Plessis เคยทำงานมาก่อนเป็นเวลาหลายต่อหลายปีแห่งนี้ ก็ถูกชักจูงด้วยวิสัยทัศน์ของเขาเช่นกัน และก็ได้เข้าซื้อหุ้นก้อนโตใน Telmont เมื่อเดือนตุลาคม 2020 พร้อมทั้งแต่งตั้งให้ du Plessis เป็นซีอีโอ และด้วยการมียักษ์ใหญ่อย่าง DiCaprio และ Rémy Cointreau อยู่ในมือ du Plessis ก็มั่นใจเลยทีเดียว “นี้เป็นโปรเจ็กต์ในชีวิตทั้งชีวิตของผม ขาข้างหนึ่งของเราอยู่ในโลกแบบดั้งเดิม และอีกข้างอยู่ในโลกอันทันสมัย และขาทั้งสองข้างก็ยืนอยู่ในไร่องุ่นนี้”
หากมองหา Telmont Reserve Brut ไวน์ที่มีโน้ตเลม่อนครีมและมาร์ซิพานอันผสมผสานกันอย่างลงตัว โดย du Plessis ได้บรรยายไว้อย่างถูกเผงว่าเป็นแชมเปญที่ล้ำโลก โดยเขาแนะนำให้ดื่มคู่กับคาเวียร์ หรือป๊อปคอร์นรสทรัฟเฟิลก็เป็นอีกอย่างที่ดูดีเหมือนกัน ผู้ผลิตรายนี้ผลิตไวน์ทั้งหมด 9 แบบด้วยกัน และ 1 ในนั้นก็ผลิตโดยปราศจากกัมมะถันด้วย
สำหรับ ณ ตอนนี้ ตลาดสหรัฐฯ จะมีเพียงแค่ Reserve Brut และ Blanc de Blancs (100% Chardonnay) ให้ได้ดื่มด่ำเท่านั้น แต่ทั้งสองขวดนี้ก็เป็นผู้ชนะระดับ Gold Medal เลยทีเดียว
แปลและเรียบเรียงจากบทความ Why Leonardo DiCaprio Is Getting Into Sustainable Champagne เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม: ‘Linda Alvarado’ เจ้าแม่อสังหาฯ ผู้คิดต่าง
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine