อภิมหาเศรษฐีอย่าง Bill Ackman วางเดิมพันกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากถอดถอนหลักประกันการลงทุนช่วงโควิด-19
การระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีการกลายพันธุ์อย่างรวดเร็วนี้บีบบังคับให้บรรดาผู้ประกอบการที่ช่ำชองที่สุดของ Wall Street ต้องปรับตัวอย่างฉับพลันทันทีในวันที่ 18 มีนาคม อภิมหาเศรษฐีอย่าง Bill Ackman ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC ทางโทรศัพท์ท่ามกลางหน้าจอแสดงราคาหุ้นที่เป็นสีแดงทั้งกระดาน เนื่องจากราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบของไวรัสโคโรนาที่ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ แทบเป็นอัมพาต บทสัมภาษณ์ของ Ackman นั้นไม่ได้สร้างกำาลังใจให้ผู้ชมเลยแม้แต่น้อย หากรัฐบาลยังไม่ใช้มาตรการยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอย่างเข้มข้นจะทำให้ภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ Ackman วาดภาพของธุรกิจจำนวนมากที่จะต้องล้มหายตายจาก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงการเข้าซื้อกิจการในบริษัทที่มีหนี้สินจำนวนมาก ในการสัมภาษณ์สดทางโทรทัศน์ 28 นาทีนั้น Ackman พูดย้ำๆ ถึงรายชื่อของบรรดาบริษัทชั้นนำอยู่ในความสุ่มเสี่ยง ในช่วงหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ Ackman กล่าวว่า “นรกกำลังใกล้เข้ามาแล้ว” ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทเหล่านั้นเหวี่ยงตัวไปมาอย่างรุนแรงในระหว่างที่เขาให้สัมภาษณ์ “มหาพิบัติภัยอย่างสึนามิกำลังจะเกิดขึ้น ระบบทุนนิยมอยู่ไม่ได้ถ้าหากมีการปิดเมืองนาน 18 เดือน หากแต่ทุนนิยมยังสามารถขับเคลื่อนได้ถ้าหากมีการปิดเมือง 30 วัน” Ackman เสนอให้มีการปิดพรมแดน 30 วัน และ “วันหยุดยาว” สำหรับภาคธุรกิจ โดยรัฐบาลจะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายของคนอเมริกันเพื่อให้ประชาชนสามารถ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ได้บางคนมองว่า การให้สัมภาษณ์ของ Ackman กับ CNBC นั้นเป็นการเรียกร้องให้ภาครัฐนำมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่มีความเข้มข้นมาใช้โดยด่วน ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งมองต่างมุมว่า นี่เป็นการสร้างความแตกตื่นในสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่งนี้ หลังการให้สัมภาษณ์ของ Ackman มีเพียงการยกระดับมาตรการจำกัดการเดินทางต่างประเทศเท่านั้น New York และรัฐอื่นๆ อีกหลายรัฐได้นำแนวนโยบายห้ามออกนอกเคหสถานมาบังคับใช้เพื่อควบคุมให้ประชาชนอยู่แต่ในที่พักอาศัยของตน รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ให้ไฟเขียวมาตรการพยุงเศรษฐกิจมูลค่ารวม 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และธนาคารกลางสหรัฐก็จะให้การสนับสนุนด้านการเงินแบบไม่จำกัดกับภาคธุรกิจต่างๆ มีเสียงท้วงติงเพิ่มขึ้นทุกวันในสหรัฐฯ ว่า การปิดเมืองซึ่งกินเวลานานเกิน 30 วันจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี ในช่วงเดียวกันนั้นเอง Ackman ได้ประเมินสภาพการณ์ของตลาดที่ย่ำแย่และเศรษฐกิจที่ตกต่ำ (ประกอบกับการตอบสนองของบรรดาผู้ได้รับเลือกตั้ง) และถอยกลับมาพร้อมกับความมั่นอกมั่นใจเขาถอดถอนหลักประกันการลงทุนอันชาญฉลาดที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ หลักประกันการลงทุนซึ่งเป็นสุดยอดเครื่องมือทางการเงินสำหรับนักลงทุนผู้มั่งคั่ง ได้ปกป้องพอร์ตการลงทุนของ Ackman ที่เน้นการลงทุนในหุ้นต่างๆ อย่าง Berkshire Hathaway, Hilton, Lowe’s, Chipotle Mexican Grill, Howard Hughes Corporation และ Agilent จากภาวะตลาดหุ้นที่ตกต่ำอย่างหนักและกะทันหันในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในเทปบันทึกการให้สัมภาษณ์กับนักข่าวของ Bloomberg News อย่าง Vonnie Quinn นั้น Ackman เผยถึงมุมมองที่เปี่ยมไปด้วยความหวังของเขาและการทุ่มซื้อหุ้น โดยกล่าวว่า เขาได้สร้างอาณาจักรใหม่ที่ใหญ่ขึ้นใน Starbucks ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวลดลงกว่า 1 ใน 3 นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน และยังได้เพิ่มการถือครองกรรมสิทธิ์ใน Lowe’s, Hilton และ Berkshire “เรากำลังจะฟื้นตัวครั้งใหญ่ เราทุกคนต่างก็รอคอย และวางเดิมพันกับประเทศนี้” Ackman กล่าว เขาให้สัมภาษณ์กับ Quinn ว่า กองทุน Pershing Square ของเขายังคงมีสินทรัพย์ที่เป็นเงินสดอยู่ราว 15% และพร้อมที่จะบุกตลาดตามมุมมองของตัวเขาที่มีต่อการระบาดของโรคร้าย รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ได้สร้างความเสียหายให้กับภาคธุรกิจ หากแต่กำลังเริ่มกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง Ackman กล่าวว่า “เราคิดว่าราคาหุ้นจะพุ่งสูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ถ้าหากเราบริหารจัดการได้ถูกต้อง ธุรกิจต่างๆ กำลังปรับตัวแล้ว” เขาชี้ให้เห็นว่า ร้านอาหารอย่าง Chipotle ก็หันมาเน้นบริการจัดส่งและยกให้ Lowe’s เป็นราวกับองค์ประกอบสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ “ทุกธุรกิจจะมีผลประกอบการที่ดีกว่า ถ้าหากว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกินเวลาไม่นานนัก” Ackman กล่าว ในฐานะนักลงทุนคนหนึ่งซึ่งก่อนหน้านี้เคยพยายามที่จะส่งสัญญาณเตือนภัย ครั้งนี้ Ackman มีสุ้มเสียงที่ระแวดระวังมากขึ้นกว่าเดิม ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ CNBC เขากลั้นสะอื้นไม่อยู่ เมื่อกล่าวถึงความเสี่ยงของโรคร้ายนี้ต่อบิดาสูงอายุของเขา จากการเปลี่ยนความคิดประกอบกับการเดิมพันครั้งใหญ่ๆ Ackman และ Pershing Square น่าจะสร้างความได้เปรียบ และเป็นอีกปีหนึ่งที่มีโอกาสจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่มากกว่าที่เคยทำได้ อ่านเพิ่มเติม: ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ต่ำสุดรอบ 5 เดือนคลิกอ่านฉบับเต็มได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนสิงหาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine