หลัง Donald Trump เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นสมัยที่ 2 ได้เพียง 8 สัปดาห์ บรรดามหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งในดินแดนแห่งเสรีภาพต่างก็มีมูลค่าทรัพย์สินลดลงมหาศาล กระทั่ง Elon Musk ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในรัฐบาล Trump 2.0 จนได้ฉายาว่าเป็น ‘ประธานาธิบดีเงา’ ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น โดยทรัพย์สินของเขาลดลงมากกว่าใครถึง 104,000 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ
ย้อนกลับไปในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ของ Donald Trump เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา มีมหาเศรษฐีและนักธุรกิจทรงอิทธิพลมากมายเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน แต่นั่นไม่ได้การันตีว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในยุค Trump 2.0 จะดีขึ้นดังที่หลายคนหวัง อย่างน้อยก็ในเร็วๆ นี้
Forbes ได้รวบรวมข้อมูลตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม - 13 มีนาคม 2025 พบว่าดัชนี S&P 500 ตกลง 7.9% ในขณะที่ดัชนี Nasdaq ที่เต็มไปด้วยหุ้นเทคโนโลยีตกลง 11.8% ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้มหาเศรษฐีอเมริกัน 20 คนมีความมั่งคั่งลดลง 415,000 ล้านเหรียญ โดยเฉพาะมือขวาของ Trump อย่าง Elon Musk ที่มีมูลค่าทรัพย์สินลดลงถึง 104,000 แสนล้านเหรียญ
สำหรับ 20 อันดับมหาเศรษฐีอเมริกันที่มีความมั่งคั่งลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ Trump เข้าพิธีสาบานตน มีดังนี้

อันดับ 1
Elon Musk
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 330,000 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 104,000 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Tesla และ SpaceX

อันดับ 2
Jeff Bezos
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 210,000 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 29,000 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Amazon

อันดับ 3
Larry Page
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 136,000 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 26,000 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Alphabet (Google)

อันดับ 4
Sergey Brin
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 130,000 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 24,000 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Alphabet (Google)

อันดับ 5
Larry Ellison
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 183,000 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 22,000 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Oracle

อันดับ 6
Jensen Huang
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 101,000 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 19,000 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Nvidia

อันดับ 7
Michael Dell
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 97,000 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 18,000 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Dell

อันดับ 8
Steve Ballmer
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 115,000 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 11,000 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Microsoft

อันดับ 9
Stephen Schwarzman
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 42,300 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 10,200 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Blackstone Private Equity

อันดับ 10
Thomas Peterffy
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 48,800 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 7,900 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Interactive Brokers

อันดับ 11
Mark Zuckerberg
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 204,000 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 7,600 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Meta (Facebook)

อันดับ 12
Rob Walton และครอบครัว
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 103,000 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 7,000 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Walmart

อันดับ 13
Jim Walton และครอบครัว
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 102,000 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 6,900 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Walmart

อันดับ 14
Alice Walton
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 94,600 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 6,800 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Walmart

อันดับ 15
Abigail Johnson
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 31,300 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 5,600 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Fidelity Investments

อันดับ 16
Brian Armstrong
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 7,600 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 5,200 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Coinbase

อันดับ 17
Robert Pera
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 14,900 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 4,600 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Ubiquiti Networks

อันดับ 18
MacKenzie Scott
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 27,400 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 4,500 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Amazon

อันดับ 19
George Roberts
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 14,200 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 4,200 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Kohlberg Kravis Roberts

อันดับ 20
Lyndal Stephens Greth และครอบครัว
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 26,400 ล้านเหรียญ
มูลค่าทรัพย์สินลดลง: 4,200 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Endeavor Energy Resources
แหล่งที่มา: Here’s How Much American Billionaires Have Lost Since Trump’s Inauguration
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 10 อันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2025
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine