ชัยชนะของ Donald Trump ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในการเมือง เพราะยังมีเหล่าผู้ประกอบการกลุ่มหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจโดยอิงพรรคพวกยังประสบความสำเร็จในตลาดอื่นๆ ซึ่งนอกเหนือไปจากธุรกิจมีเดีย ธุรกิจนิโคตินใหม่แบรนด์ ALP ของ Tucker Carlson ก็คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด
Tucker Carlson เดินเข้าไปในโรงนาของตนเองที่ Bryant Pond อย่างแจ่มใส ที่แห่งนี้คือหมู่บ้านเล็กๆ ในรัฐ Maine มีชื่อเสียงในฐานะแหล่งตกปลาเทราต์ชั้นดีและยังเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ Carlson อดีตคนดังจากช่อง Fox News เขาเคลื่อนตัวผ่านขนแมวยักษ์และชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และหนังสือเรื่องต่างๆ ที่ต้องหากันตาลาย ไม่ว่าจะเป็น No Secret Is Safe ของ Mark Tennien ไปจนถึง One Flew Over the Cuckoo’s Nest ของ Ken Kesey และ The Goebbels Diaries
Carlson เพิ่งจะจับนกวูดค็อก 2-3 ตัวยัดใส่ถุง และนำกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 28 ออกจากเสื้อล่าสัตว์ เขาลงมือบดหมุนเมล็ดกาแฟ วันนั้นเป็นวันก่อนวันเลือกตั้งพอดีและเขาเพิ่งจะโหวตให้ Donald Trump ในการเลือกตั้งนอกเขต ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า Carlson จะออกไปตัดผมและเดินทางไปยัง Florida เพื่อติดตามผลการเลือกตั้งที่ Mar-a-Lago พร้อมกับบรรดาผู้สนับสนุนแนวคิด Make America Great Again (MAGA) เช่น Elon Musk, Marjorie Taylor Greene และแน่นอนว่าต้องมีชื่อของอดีตและว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump
“ผมหวังว่าเราจะประสบความสำเร็จและทำเงินได้มากมายมหาศาล แต่เกมนี้ไม่ใช่การแข่งขันทางธุรกิจ” Carlson กล่าวพร้อมกับแลบลิ้นแตะนิโคตินซองในตลับพลาสติกขึ้นมา 2 ซอง “นี่มันคือความเดือดดาล”
คำกล่าวของเขาฟังสะดุดหูด้วยเหตุผล 2 ประการด้วยกัน 1. คือ ในวันที่ทุกคนในสหรัฐฯ กำลังจดจ่ออยู่กับการเมือง Carlson กลับเลือกที่จะไม่พูดถึงการเลือกตั้ง เขาอยากคุยเรื่องนิโคตินซองที่คาบอยู่ในปากมากกว่า Carlson เพิ่งเปิดตัวนิโคตินซองแบรนด์ Alp ซึ่งเขากับพันธมิตรธุรกิจร่วมกันเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่ง ประการที่ 2 คือ Carlson กำลังแสดงให้เห็นเบาๆ (ซึ่งผิดนิสัยของตัวเองไม่น้อย) ว่า ในประเทศที่มีการแบ่งขั้วทางการเมืองอย่างชัดเจนนั้น การปลุกระดมพวกพ้องกลายเป็นเกมทางธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ ได้อย่างไร
Fox News อดีตสังกัดของ Carlson คือผู้บุกเบิกการสร้างผลกำไรที่ขับเคลื่อนด้วยการสร้างความเดือลดาล ซึ่งผ่านการพิสูจน์แล้วว่าเป็นสูตรสำเร็จสำหรับธุรกิจสื่อมวลชนมาเกือบตลอดศตวรรษ ท่ามกลางความพยายามลอกเลียนแบบมากมายตั้งแต่ Newsmax และ OAN สื่อฝั่งขวา ไปจนถึง MSNBC และ Young Turks ของฝ่ายซ้าย ในทศวรรษปัจจุบันกระแสการแบ่งฝ่ายที่คล้ายกันนี้ปรากฏให้เห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น Truth Social ของ Trump เอง รวมถึง Rumble ซึ่งเป็นโคลนนิ่งของ Twitter และ YouTube จากฝั่งขวา แม้กระทั่ง Twitter ที่ใช้ชื่อใหม่ว่า X ภายใต้การนำของ Elon Musk นั้นเคลื่อนไหวไปในแนวทางดังกล่าวเช่นกัน สื่อดังกล่าวไม่เพียงแต่จะมีมูลค่าตามราคาตลาดรวมกันเกือบ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ยังเป็นเครื่องมือกระจายข้อมูล และข้อมูลนั้นเองที่อาจจะเป็นมรดกตกทอดที่ยืนยาว (และเป็นอันตรายต่อประชาชน) มากที่สุดอย่างหนึ่งประจำปี 2024 ด้วย
ส่วนที่ยังเห็นไม่ชัดเจนนักคือ ระบบนิเวศใหม่สำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพในยุคของ Trump สร้างฐานลูกค้าผ่านการปลูกฝังการแบ่งพรรคพวกให้กับธุรกิจที่เป็นกลางทางการเมือง ล้ำหน้ายิ่งกว่าสมาคมฝ่ายซ้ายในอดีตที่คลุมเครือและไม่ชัดเจนอย่าง Ben & Jerry’s หรือ Subaru หรือพ่อค้าแม่ค้าที่เสนอขายเหรียญที่ระลึกของ Trump ผ่านรายการโทรทัศน์รอบดึกเสียอีก
บริษัทเหล่านี้คือธุรกิจที่แท้จริง พวกเขาขายสินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน โดยหลักแล้วจะผสมผสานแนวคิดฝ่ายขวา เสนอขายให้กับลูกค้าและผู้รับบริการฝ่ายขวา เช่น ในธุรกิจการเงินลูกค้าสามารถลงทุนใน Strive ETF แนวอนุรักษ์นิยมของ Vivek Ramaswamy หรือฝากเงินไว้กับธนาคาร Old Glory Bank ของ Larry Elder และ Ben Carson ส่วนในธุรกิจค้าปลีกมี Public Square ตลาดออนไลน์ที่จำหน่ายสินค้าที่ผลิตโดยบริษัทที่ “เคารพค่านิยมดั้งเดิมของสหรัฐฯ” ขณะที่ New York Times รายงานว่า Donald Trump Jr. เข้ามาร่วมงานกับ 1789 Capital กิจการที่เข้าไปลงลงทุนในบริษัทต่างๆ ที่มีส่วนในการ “สร้างยุคสมัยใหม่แห่งความรุ่งโรจน์ของสหรัฐฯ” ซึ่งรวมถึง Tucker Carlson Network ด้วย แม้กระทั่ง Rudy Giuliani ผู้ที่ทำลายความน่าเชื่อถือของตัวเองลงได้เร็วกว่าแสงก็ยังเพิ่งเปิดตัว Rudy Coffee ผลิตภัณฑ์กาแฟออร์แกนิกในบรรจุภัณฑ์ที่ให้เลือกระหว่างสมัยที่เขายังเป็นพนักงานอัยการหรือตัวเขาในวัยชราขณะพักผ่อนริมหาด เขากล่าวในโฆษณาว่า “คุณกำลังสนับสนุน Our Cause เพื่อความจริง ความยุติธรรม และประชาธิปไตยสหรัฐฯ”
นอกจากนี้ ยังมี MyPillow ของ Mike Lindell ผู้เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นสำหรับทุกคนให้กลายเป็นถ้อยแถลงของตนเองว่า ทุกคืนคุณจะได้ครุ่นคิดก่อนหลับตาลงนอน ในปี 2019 MyPillow มียอดขาย 300 ล้านเหรียญก่อนจะปรับตัวลดลงจากคำโกหกในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020
เป็นเพราะ Carlson ทีเดียวที่ทำให้เวลานี้แม้กระทั่งถุงทรงหมอนที่เหน็บไว้ในเหงือกก็ยังทำให้เราสามารถแสดงจุดยืนทางการเมืองได้ แม้เขาจะแย้งว่า Alp (ตั้งชื่อตามเทือกเขาในทวีปยุโรป) ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทางการเมือง แต่เขากลับเรียกนิโคตินซองของตนเองว่า “American Lip Pillow” และยังนำเสนอว่าเป็นนิโคตินสำหรับ “เสรีชน”
“เสรีชนจะรู้สึกเบาสบาย” Carlson กล่าว “เสรีชนจะไม่รู้สึกหวาดกลัว และยังยิ้มได้เสมอ ผมตกใจกับความหวาดกลัวในชีวิตของชาวสหรัฐฯ ในเวลานี้ สหรัฐฯ กลายเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัว ฉันจะโดนไล่ออกไหม ฉันจะโดนแขวนประจานผ่านสื่อโซเชียลไหม จะมีคนใน TikTok หาว่าฉันเหยียดเชื้อชาติหรือเปล่า ประเทศแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยหมอกแห่งความหวาดกลัว แต่ผมคิดว่าหมอกนั้นกำลังสลายตัว”
สำหรับ Carlson วัย 55 ปี การผจญภัยบทใหม่ไม่ใช่แค่การยืนหยัดเพื่อค่านิยมของตนเองเท่านั้น แต่เขายังดำเนินธุรกิจเพื่อ “ช่างแม่ง” กับทุกคน “โลกทั้งใบและทุกคนบนโลก โลกอันไร้แก่นสารในความเป็น ‘บริษัทสหรัฐฯ’ ที่ผมเพิ่งเจอมา ผมเบื่อเกินจะทนและจะไม่ยอมอยู่บนโลกใบนั้นอีกต่อไป”

Carlson เปลี่ยนตัวเองใหม่และกลับคืนวงการได้อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเรื่องราวการคัมแบ็กอันยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับการกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวของ Trump ย้อนกลับไปเมื่อ 20 เดือนก่อนความคิดเห็นแบบสุดโต่งของ Carlson (มักแทรกด้วยสิ่งที่เรียกว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิด และอุดมการณ์เหยียดเชื้อชาติ) การเปิดเวทีให้กับการปฏิเสธการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริง (Fox ไกล่เกลี่ยกับ Dominion Voting Systems ด้วยเงิน 787.5 ล้านเหรียญ) และการหยามเหยียดหัวหน้างาน (เขาส่งข้อความถึงผู้บริหารหญิงคนหนึ่งโดยเรียกเธอด้วยคำหยาบคาย) ดูเหมือนว่าจะมาถึงจุดแตกหักเสียแล้ว
ผู้บริหารสูงสุดของ Fox ตัดสินใจไล่ Carlson ออกโดยไม่แจ้งเหตุผล แม้รายการ Tucker Carlson Tonight ที่ออกอากาศทางเคเบิลเวลา 20.00 น. จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก Carlson อธิบายกับ Forbes ว่า เขาไม่ใช่คนเหยียดเพศ และยืนยันที่จะใช้คำด่ากับผู้บริหารนั้น Carlson บอกว่า เขาใช้ “คำอธิบายบุคคลดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง” และหมายความตามนั้น “อย่างแท้จริงสุดหัวใจ”
หลังจากเสียเวทีใหญ่ใน Fox News ไปพร้อมๆ กับสัญญามูลค่า 15 ล้านเหรียญต่อปี Carlson กลับไปอยู่บ้านกลางป่าที่ Maine พร้อมกับวางแผนที่จะคืนวงการ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียที่ไหน “ผมเคยมีรายการโทรทัศน์ที่เรตติ้งสูงสุด แต่ก็เคยทำรายการเกาะกลุ่มเรตติ้งต่ำสุดอยู่หลายครั้ง”
Carlson เกิดและเติบโตที่ California คุณพ่อของเขาเป็นนักข่าวที่ได้รับการยอมรับ และกลายเป็นผู้กำกับรายการ Voice of America และนักการทูตในเวลาต่อมา คุณแม่ของ Carlson ทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่เขาอายุได้เพียง 6 ขวบ ขณะที่แม่เลี้ยงของเขาเป็นถึงทายาทกิจการอาหารแช่แข็ง Swanson ในที่สุด Carlson ก็ถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเขาเริ่มชื่นชอบบุหรี่
Carlson เริ่มต้นการทำงานเป็นนักเขียนนิตยสาร นับเป็นการจับงานใหญ่ครั้งแรกให้กับ Weekly Standard สิ่งพิมพ์สายอนุรักษ์นิยมของ Bill Kristol ซึ่งเขาเขียนบทความอันฉลาดและเฉียบคมมากมาย นอกจากนี้ เขายังมีทักษะการโต้วาทีที่แข็งแกร่ง และมีการแสดงความคิดเห็นที่กระด้างเสียยิ่งกว่า ส่งผลให้เขาได้เข้าทำงานที่ CNN เมื่อปี 2000 นับเป็นทำงานในสถานีโทรทัศน์ครั้งแรก โดยรับหน้าที่พิธีกรร่วมในรายการโต้วาทีการเมืองที่มีชื่อว่า Crossfire
กระทั่งเป็นที่รู้จักจากโบหูกระต่ายและความเห็นทางการเมืองแบบท้าชน ถัดจาก CNN คือ PBS และ MSNBC (2 สถานทีโทรทัศน์ที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชอบใจนัก) ก่อนจะเบนเข็มมาเป็นผู้ประกอบการสายอนุรักษ์นิยมเป็นครั้งแรกด้วยการร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ Daily Caller ขึ้นเมื่อปี 2010 ต่อมาในปี 2016 ก่อนจะเข้าสู่ยุคของ Trump พอดี Fox News เปิดตัวรายการ Tucker Carlson Tonight ซึ่งในที่สุดรายการดังกล่าวก็ได้ครองตำแหน่งรายการข่าวที่ออกอากาศทางเคเบิลในช่วงไพรม์ไทม์ที่มีเรตติ้งสูงสุด จนกระทั่งการอำลาเวทีอันแสนจะวุ่นวายในปี 2023
Carlson รู้ตัวดีว่านักวิจารณ์หลายคนมองว่าเขาเป็น “นาซี” แต่เขาไม่ได้คิดที่จะทบทวนความผิดพลาดของตัวเอง เขาเลือกที่จะวางแผนสำหรับก้าวต่อไป
เดือนธันวาคม ปี 2023 Carlson กลับยิ่งแข็งกร้าว เขาเปิดตัว Tucker Carlson Network แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่เขาบอกว่า เป็นรายงานข่าวอีกทางเลือกหนึ่ง นอกเหนือไปจากรายงานข่าวของสื่อมวลชนที่ “กลายเป็นเครื่องมือสำหรับปราบปรามและควบคุมไปเสียแล้ว” รายการของเขาออกอากาศเดือนละ 12 ตอน ตอนละ 2 ชั่วโมง มีการเข้าชมนับล้านๆ ครั้ง มีการเชิญบรรดาแขกรับเชิญหัวรุนแรงไม่ว่าจะเป็น Rod Blagojevich อดีตผู้ว่าการรัฐที่เคยมีความผิดร้ายแรงในคดีอาญา Aaron Rodgers ควอร์เตอร์แบ็กของทีม New York Jets และ Robert F. Kennedy Jr. เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024 Carlson เดินทางไปสัมภาษณ์ Vladimir Putin ถึง Moscow และได้กล่าวชื่นชมรถไฟใต้ดินของรัสเซียอย่างฉาวโฉ่ราวกับเป็นนักโฆษณาชวนเชื่อของโซเวียตเสียเอง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรพรรคพวกของเขายังคงชนะเลิศ เมื่อถามว่า แพลตฟอร์มของเขาซึ่งทำเงินได้จากการโฆษณาและค่าสมาชิก (เดือนละ 9 เหรียญ) มีรายได้เท่าไร เขาตอบอย่างรวดเร็วตามสไตล์ด้วยมุกตลกเกินพอดี “เมื่อเช้าผมใช้แส้หวดคนรับใช้ไปคนหนึ่งและบอกกับตัวเองว่า ผมรวยขนาดนี้แล้วไม่ต้องทำตามหลักคุณธรรมหรือหลักปฏิบัติตนพื้นฐานของคนคนหนึ่งก็ได้” แพลตฟอร์มของ Carlson ยังรับจัดงานอีเวนต์ต่างๆ ซึ่ง Forbes ประเมินว่า แพลตฟอร์มดังกล่าวทำรายได้ไม่น้อยกว่า 30 ล้านเหรียญในปี 2024 ด้วยต้นทุนที่ย่อมเยาและการทำงานที่น้อยกว่า Carlson บอกว่า เขาทำเงินได้มากกว่าสมัยอยู่ Fox เสียอีก “ทีวีกำลังจะตาย ผมได้กลิ่นตุๆ”
แม้ว่า Carlson จะเลิกสูบบุหรี่แล้ว แต่เขายังคงเสพนิโคตินเป็นนิสัย และต้องยัดนิโคตินซองใหม่ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง เขาบอกว่า มันทำให้รู้สึกสงบแต่ก็ตื่นตัวในเวลาเดียวกัน อันที่จริงแล้ว เราแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นระทึกจากอีกฟากของโต๊ะ พร้อมกับบรรยากาศคุกรุ่นที่กำลังก่อตัว
Carlson เป็นคนลงมือทำอย่างที่พูด เขากับ Turning Point Brands บริษัทจาก Louisville รัฐ Kentucky เปิดตัว Alp เข้าสู่ตลาดนิโคตินซองที่มีมูลค่า 3 พันล้านเหรียญไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังจากที่ Carlson เริ่มใช้นิโคตินซองเมื่อ 5 ปีก่อน เขาเรียกตัวเองว่าเป็น “ซอมเมอลิเยร์แห่งนิโคตินซอง” ซึ่งมาจากการอม สูบ เคี้ยว และดูดหมากฝรั่งและลูกอมนิโคติน Carlson กับ Neil Patel อดีตเพื่อนร่วมหอพักสมัยเรียนวิทยาลัย ซึ่งปัจจุบันเป็นพันธมิตรธุรกิจของเขานั้นได้เข้าไปร่วมลงทุนครึ่งหนึ่งในกิจการร่วมค้ากับ Turning Point บริษัทผลิตภัณฑ์บุหรี่รายย่อย เมื่อปี 2023 Turning Point ทำรายได้ 405 ล้านเหรียญจากการจำหน่ายบุหรี่ไร้ควันแบรนด์ Stoker’s กระดาษมวนบุหรี่ Zig-Zag และนิโคตินซองที่อาจจะมีชื่อเสียงน้อยกว่าอย่าง Fre
ช่วงเวลา “ใช่เลย” เกิดขึ้นจากความโกรธแค้น หลายปีก่อนที่ Carlson จะก่อตั้ง Alp เขาเป็นสาวก Zyn นิโคตินซองชื่อดังที่กลายมาเป็นประเด็นพูดคุยของพรรครีพับลิกันเมื่อช่วงต้นปี 2024 หลังจากที่ Chuck Schumer ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาเรียกร้องให้มีการห้ามใช้นิโคตินซองดังกล่าว รวมถึงขอให้คณะกรรมการอาหารและยาและคณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ (อย.) เข้าไปตรวจสอบ โดยให้เหตุผลว่า เป็นภัยคุกคามใหม่ที่อาจก่อให้เกิดการเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชน Carlson กลายเป็นหน้าเป็นตาให้กับสิ่งที่ ส.ส. Marjorie Taylor Greene เรียกว่า “การคืนชีพของ Zyn”
Carlson เลิกใช้เหล้าและยาเสพติดมาตั้งแต่ปี 2002 แต่ยอมรับว่าเสพติดนิโคติน แม้ครั้งหนึ่งเขาเคยหยุดใช้นิโคตินเป็นเวลา 6 เดือน “ผมน่าจะน้ำหนักขึ้นมาสัก 40 ปอนด์และกลายเป็นคนที่ขาดความมั่นคงทางอารมณ์ สนุกจะแย่” ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาเป็นที่รู้จักทาง “Zynternet” ในชื่อว่า “Tucker Carlzyn” หลังจากที่เคยออกมาชื่นชม Zyn ทางพอดแคสต์ยอดนิยมช่องหนึ่งว่า เป็นสารเสริมสร้างสมรรถภาพในการทำงาน “ถ้าได้ลองแล้วจะรู้สึกเต็มอิ่มมาก” และยัง “เพิ่มความเป็นชาย” ด้วย
Patel พบกับ Carlson ที่ Trinity College และยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Daily Caller เขาติดต่อไปยัง Philip Morris International (PMI) บริษัทแม่ของ Zyn ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังแบรนด์บุหรี่ที่ขายดีที่สุดในโลกอย่าง Marlboro เพื่อสอบถามว่า พวกเขาสนใจจะลงโฆษณาทางแพลตฟอร์มเปิดใหม่อย่าง Tucker Carlson Network หรือไม่ Patel เล่าว่า PMI ส่งข้อความตอบกลับอย่างเป็นทางการด้วยถ้อยคำหยาบคายสุดๆ พวกเขารับไม่ได้กับสิ่งที่ Carlson พูดถึงผลิตภัณฑ์ของ PMI (Forbes ได้เห็นอีเมลจาก PMI ฉบับดังกล่าวแล้วพบว่า เป็นข้อความที่สุภาพแม้จะมีความกระด้างอยู่บ้างก็ตาม)
Carlson รับคำปฏิเสธอย่างไม่ไยดีในครั้งนั้นและหันมาทำธุรกิจด้วยมุมมองที่ว่า หากไม่อยู่ข้างเราก็ถือว่าเป็นคู่แข่งของเรา “ผมว่าผมไม่เคยรู้สึกไม่พอใจอะไรขนาดนั้นมาก่อน” เขากล่าวอย่างสุขุมก่อนจะเริ่มคายพิษ “มันร้ายกาจ ขาดอารมณ์ขัน และมีความเจ้ากี้เจ้าการอย่างไม่น่าเชื่อ มันคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมไม่ชอบเกี่ยวกับสหรัฐฯ และวัฒนธรรมองค์กรสมัยนี้ เหมือนกับโดนคุณครูดุตอนอยู่ชั้น ป.3 แต่ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ควรพูดกับผมแบบนั้น ผมบอกเพื่อนร่วมหอพักสมัยเรียนวิทยาลัยว่า พวกเขาจะต้องเจอดี”

Carlson ประกาศสงครามกับ Zyn กับ ‘บริษัทสหรัฐฯ’ กับผู้ที่โกรธแค้นในความอยุติธรรม และผู้ที่ยึดมั่นในความถูกต้องทางการเมือง จู่ๆ เขาก็บ่นไม่ชอบใจโฆษณาของ Bud Light เมื่อปี 2023 ที่มี Dylan Mulvaney สาวประเภทสองที่โด่งดังทางสื่อสังคมออนไลน์ร่วมแสดง “ผมมองว่าเป็นความคิดประหลาดมากที่บริษัทผลิตไลต์เบียร์จะออกมาชี้ชวนให้เด็กๆ แปลงเพศ จริงๆ แค่โฆษณาขายเบียร์ก็พอ”
นอกจากนี้ Carlson ยังเสพกัญชาตั้งแต่ชั้นประถม 6 จนถึงสมัยเรียนวิทยาลัย โดยมีเทปเถื่อนของ Grateful Dead เป็นหลักฐาน เขาพูดถึงกัญชาว่า “ผมคัดค้านการสูบกัญชาอย่างเด็ดขาด เพราะผมคิดว่ามันทำให้เหยาะแหยะ มันไปลดฮอร์โมนเพศชาย ทำให้รู้สึกเฉื่อย” ในส่วนของหลักศีลธรรมอันยืดหยุ่นของบรรดาองค์กรขนาดใหญ่นั้น Carlson บอกว่า “คุณคิดว่า Tim Cook (ของ Apple) จะสนใจหรือว่าใครมีอำนาจในบริษัท คุณคิดว่าเขามีมุมมองทางอุดมการณ์สักเรื่องหรือเปล่า ไม่มีหรอก เขาแค่อยากได้คนเข้ามาทำหน้าที่โดยไม่บอกให้เขาต้องใช้แรงงานทาสมาผลิต iPhone”
เมื่อให้ Carlson พูดถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจ เขาถือโอกาสบ่นครวญเกี่ยวกับการระบาดของโรคโควิดเสียยกใหญ่ เริ่มจาก “เราวางกลยุทธ์ที่จะยัด Alp เข้าปากคนให้ได้เหมือนกับการยัดเยียดวัคซีนโควิด เมื่อกล่าวจบ Carlson ยอมรับว่าเขาวางกลยุทธ์ไว้อย่างเรียบง่าย ก็แค่พูดถึงผลิตภัณฑ์ในรายการของตนเอง ดังนั้น ในการออกอากาศสดจาก Mar-a-Lago ตอนหนึ่งในค่ำคืนที่มีการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน Carlson จึงเปิดรายการด้วยการหยิบ Alp ใส่ปาก 1 ซอง รายการในวันนั้นมีผู้เข้าชมถึง 3 ล้านครั้ง แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์เสพติดย่อมเป็นของที่ขายง่ายที่สุด
“เมื่อวานตอนเดินทางผมก็ใช้เองเกือบหมด” Carlson กล่าว “ผมโทรศัพท์หาลูกน้องคนหนึ่งประมาณว่า อย. บอกว่าเป็นสารเสพติด ผมพิสูจน์ได้เลยว่าตอนนี้ก็เสพติดอยู่”
อุปสรรคสำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์ยาสูบใหม่ๆ คือ การขอรับอนุญาตจาก อย. เพื่อวางขายอย่างถูกกฎหมาย แต่การขออนุญาตนั้นเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานาน มีค่าใช้จ่ายสูง อีกทั้งยังมีอุปสรรคมากมาย Zyn และนิโคตินซองแบรนด์อื่นๆ ในตลาดยังไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. ด้วยซ้ำ เท่ากับว่าโดยหลักการแล้วพวกเขาวางขายอย่างผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามหน่วยงานกำกับดูแลยังผ่อนผันให้จำหน่ายได้ในเวลานี้หากมีการยื่นคำขออนุญาตสำหรับผลิตภัณฑ์ยาสูบก่อนเข้าสู่ตลาด
Carlson ไม่พอใจนักที่หน่วยงานรัฐบาลมีอำนาจเหนือสิ่งที่ Carlson กล่าวถึง Alp (ซึ่งมี 4 รสชาติด้วยกัน รวมถึงรส Mountain Wintergreen และ Tropical Fruit) เขาจงเกลียดจงชังอย. สหรัฐฯ เป็นพิเศษโดยบอกว่า เป็นหน่วยงานที่เต็มไปด้วย “คนห่วยๆ ที่ทำงานให้กับกรมความห่วย”
เขากล่าวติดตลก (แต่ทุกๆ มุกตลกของ Carlson ไม่ได้มีไว้เพื่อขายขำแต่เพียงอย่างเดียว) ว่านิโคตินเพิ่มปริมาณฮอร์โมนเพศชายได้ รัฐบาลจึงต้องการควบคุมการจำหน่ายและใช้นิโคตินเพื่อไม่ให้ชายชาตรี “เพิ่มความเจ๋ง” เข้าไปอีก เขายกงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า นิโคตินอาจเป็นความหวังในการรักษาโรคโควิด และยังบอกด้วยว่า เขานำตัวอย่าง Alp ให้กับ Robert F. Kennedy Jr. ไปทดลองใช้ ดังนั้น หากฝ่ายบริหารชุดใหม่อนุญาตให้ Kennedy มีอำนาจสูงสุดที่จะจัดการเรื่องสุขภาพ (อย่างที่ Trump กล่าวไว้) วิทยาศาสตร์อาจหาคำอธิบายให้กับเรื่องนี้ได้
“Alp มันดีจริงๆ ผมคิดว่า อย. อาจไม่ยอมให้เราพูดแบบนั้น แต่ความรู้สึกเกลียดชังมันฝังลึกเสียจนผมไม่อยากจะเข้าไปยุ่ง” Carlson กล่าวจนเกือบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ “ผมพยายามจะไม่ขำแล้วนะ แต่คนที่ห่วง ‘ประสิทธิภาพและความปลอดภัย’ ที่กำลังสั่งสอนเรื่องสุขภาพให้ผมฟังอยู่นี่ทำไมไม่ไปจัดการตัวเองเสียเล่า ถ้าแบบนี้ฟังดูเป็นยังไง”
เช่นเดียวกับการเมือง ความโกรธของ Carlson ที่เกิดขึ้นจากฮอร์โมนเพศชายและนิโคตินยังมีข้อดี เพราะมันทำให้เขาสามารถอธิบายคู่แข่งได้ก่อนที่คู่แข่งจะอธิบายตนเองด้วยซ้ำ เขาชี้ให้เห็น (อย่างแม่นยำเสียด้วย!) โดยยกข้อมูลจาก Open Secrets ว่า เงินบริจาคทางเมืองที่มาจากลูกจ้างของ Swedish Match (บริษัทย่อยของ PMI ผู้อยู่เบื้องหลังผลิตภัณฑ์ Zyn) ส่วนใหญ่จะให้กับ Kamala Harris รวมถึง Joe Biden มาก่อนหน้านั้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากคณะกรรมการการเลือกตั้งสหรัฐฯ ระบุว่า ลูกจ้างของ Swedish Match บริจาคให้กับ Harris และ Trump เท่าๆ กัน
โฆษก PMI บอกกับ Forbes ว่า “พวกเราอยู่ฝ่าย ZYN และมีความภาคภูมิใจที่เราผลิตขึ้นในเมือง Owensboro รัฐ Kentucky สหรัฐฯ” (ขณะที่ Alp ผลิตขึ้นในอินเดีย)
Carlson เปิดเกมบุกใส่คู่แข่งโดยจัดตั้ง Alp ขึ้นเป็นนิโคตินซองทางเลือกใหม่สำหรับ “ยอดหญิง” และ “ชายชาตรี” ตัวจริง
“ทุกคนต่างเคยมีแฟนสาวที่ดื่มจัด เวลาออกงานไม่ว่าจะเป็นการแสดงของ Taylor Swift หรือคอนเสิร์ตของ Dixie Chicks หรือกิจกรรมเล่านิทาน Drag Queen Story Hour หากเธอต้องการนิโคตินซอง Zyn น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี” Carlson เอนหลังพิงพนักเก้าอี้และกล่าวต่อ “แต่ไม่ใช่ Alp เพราะ Alp มีไว้สำหรับคนที่ใช้นิโคตินซองทุกวันโดยไม่รู้สึกอายใคร”
สำหรับแฟนคลับของ Carlson แล้ว มันคือกัญชาแมวดีๆ นี่เอง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใดที่ฐานแฟนคลับส่วนใหญ่สนับสนุนแนวคิด MAGA และมักจะเป็นผู้ชายที่มีแนวโน้มสนใจนิโคตินซอง เขาบอกว่า “Trump ไม่ได้รังเกียจนิโคตินซอง แต่ Kamala Harris กับพรรคการเมืองของเธอรังเกียจและพยายามที่จะออกกฎหมายกำจัดนิโคตินซอง” ในแผนภาพอธิบายผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ชมนั้นมีคำอธิบายเหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จของบริษัทสื่อมวลชนที่มีการแบ่งพรรคพวก โดยที่ไม่มีใครควรจะต้องมาเสียเวลารอให้ Rudy Coffee เสนอขายขายหุ้น IPO แผนภาพดังกล่าวยังพูดถึงคุณสมบัติสำคัญของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ นั่นคือตัวตนที่แท้จริง “เรื่องหนึ่งที่ผมไม่เห็นด้วยกับ Trump คือ ผมจะไม่ขายของที่ผมเองยังไม่ใช้” Carlson กล่าว “Trump เคยขาย Trump Vodka แต่เขาเป็นคนไม่ดื่ม คุณจะขายของที่แม้แต่ตัวเองยังไม่ใช้ได้อย่างไร ผมจะไม่ทำอย่างนั้น”
Carlson ยังไม่ยอมพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่าง Alp กับแบรนด์อนุรักษ์นิยมมากมายแห่งยุค MAGA เขาเข้าใจดีว่า เงินของฝ่ายซ้ายก็คือเงินเหมือนกัน และสิ่งที่เขาทำอยู่ก็ไม่ได้มีทางลัดสู่ความร่ำรวย “ผมไม่ชอบใจซองที่ผมใช้อยู่เอามากๆ ก็เลยไปหาซองอื่นที่ดีกว่า มันเป็นเรื่องของความรู้สึกล้วนๆ หากในวันพรุ่งนี้ไม่มีบริษัทแห่งนี้อีกต่อไปผมก็ยังอยากจะผลิตนิโคติน Alp สำหรับให้ตัวเองเอาไว้ใช้โดยเฉพาะ ไม่ว่าคนอื่นจะมาใช้ด้วยหรือไม่”
สำหรับ Carlson แล้ว Alp คือ การปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเกลียดเกี่ยวกับความเป็น ‘บริษัทสหรัฐฯ’ “วัฒนธรรมของผมคืออะไรน่ะหรือ มันคือประเทศที่ผมเติบโตขึ้นมา” เขาโอดครวญอีกครั้ง โดยหวังว่าจะเติมเชื้อไฟความเดือลดาลเข้าไปอีก “คนเราจะมายุ่งวุ่นวายกับคนที่มีข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ เพื่ออะไร ปล่อยเขาไปดีกว่า”
เมื่อกล่าวเช่นนั้นแล้ว Carlson จึงออกจากโรงนาไปทำธุระส่วนตัว แม้จะมีห้องน้ำอยู่ด้านใน แต่เขาบอกว่า เขาชอบอิสรภาพในป่ามากกว่า “ผมคิดว่าผมไม่เคยเข้าห้องน้ำในบ้านเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
เรื่อง: Will Yakowicz เรียบเรียง: รัน-รัน ภาพ: Jamel Toppin
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘กล้าเสี่ยงและลงทุนในสิ่งที่รู้’ วิธีสร้างความมั่งคั่งฉบับ Barbara Corcoran ฉลามแกร่งแห่ง Shark Tank
