14 Sheldon Adelson
มูลค่าความมั่งคั่ง: 3.18 หมื่นล้านเหรียญ
ระดับการสร้างฐานะด้วยตนเอง:K
ที่มาของทรัพย์สิน: ธุรกิจคาสิโน
อายุ: 83 ปี ย่านพักอาศัย: Las Vegas
ผู้สนับสนุนเงินรายใหญ่ในแวดวงการเมืองตกปากรับคำที่จะอยู่ฝั่ง Donald Trump เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่เขามอบเงินให้ตัวแทนพรรครีพับลิกันเพียง 5 ล้านเหรียญ นับเป็นมูลค่าเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับมาตรฐานของ Adelson
Adelson ทุ่มเงินลงทุนก้อนใหญ่กว่าในธุรกิจของเขา Las Vegas Sands เป็นบริษัทคาสิโนรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ในเดือนกันยายน Sands เปิดรีสอร์ทแห่งใหม่ใน Macau การเดิมพันทางธุรกิจมูลค่า 2.9 พันล้านเหรียญ ณ ศูนย์กลางแหล่งการพนันที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งประสบปัญหาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันของทางการจีน Las Vegas Sands เองก็ตกอยู่ภายใต้การตรวจสอบเนื่องด้วยความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐใน Macau และในเดือนเมษายนบริษัทยินยอมจ่ายค่าปรับ 9 ล้านเหรียญให้กับ SEC สำหรับการละเมิดกฎ Foreign Corrupt Practices Act
15. Steve Ballmer
มูลค่าความมั่งคั่ง: 2.75 หมื่นล้านเหรียญ
ที่มาของทรัพย์สิน: Microsoft
อายุ: 60 ปี
อดีต CEO แห่ง Microsoft ผู้เปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้นหันไปมุ่งหน้าผลักดันสโมสรบาสเกตบอล Los Angeles Clippers ที่เขาซื้อมาในราคาสูงทุบสถิติที่ 2 พันล้านเหรียญเมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้ ที่มาของทรัพย์สินส่วนใหญ่ยังคงมาจากหุ้นบริษัทซอฟต์แวร์ที่เขาขึ้นกุมบังเหียนมาตั้งแต่ปี 2000 จนถึงปี 2014 การรักษาสัดส่วนหุ้นนับว่าให้ดอกผลที่คุ้มค่า เมื่อราคาหุ้น Microsoft พุ่งขึ้น 32% ในปีที่ผ่านมาจากการรุกสู่ธุรกิจคลาวด์ส่งแรงหนุนให้ Ballmer มั่งคั่งมากขึ้น 5.9 พันล้านเหรียญและกลับมาติดอันดับ 20 มหาเศรษฐีอีกครั้ง เขาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนอีก 4% ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ Twitter เมื่อปลายปี 2015 เขาเป็นลูกชายของผู้อพยพชาวสวิตเซอร์แลนด์และได้เข้าทำงานกับ Microsoft เมื่อปี 1980 จากการชักชวนของ Bill Gates เพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียน Harvard หลังลาออกจากการศึกษาปริญญาโทสาขา MBA ของ Stanford
16 Jacqueline Mars
มูลค่าความมั่งคั่ง: 2.7 หมื่นล้านเหรียญ
ที่มาของทรัพย์สิน: อุตสาหกรรมขนมและช็อคโกแลต
อายุ: 77 ปี
16 John Mars
มูลค่าความมั่งคั่ง: 2.7 หมื่นล้านเหรียญ
ที่มาของทรัพย์สิน: อุตสาหกรรมขนมและช็อคโกแลต
อายุ: 81 ปี
Mars Inc. ผู้ผลิตขนมรายใหญ่ที่สุดของโลกทำสิ่งที่ไม่คาดคิดสำหรับบริษัทในวงการอุตสาหกรรมขนมหวานและช็อคโกแลตเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากประกาศที่จะดำเนินตามนโยบายจำกัดปริมาณน้ำตาลในสินค้า 3 พี่น้องซึ่งได้แก่ Jacqueline, John และ Forrest Jr. (เสียชีวิตในเดือนกรกฎาคมด้วยวัย 84 ปี) สืบทอดกิจการตั้งแต่ปี 1999 หลังจาก Forrest Sr. พ่อของพวกเขาเสียชีวิตลง Victoria Mars ลูกสาวของ Forrest Jr. นั่งตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท ขณะที่โฆษกบริษัทเผยว่าสมาชิกตระกูล Mars รายอื่นๆ เป็นสมาชิกคณะกรรมการแต่ไม่ได้เปิดเผยรายชื่อ บริษัทที่มียอดขายปีละ 3.5 หมื่นล้านเหรียญเป็นเจ้าของช็อคโกแลตยอดฮิตที่ช่วยเติมความหวานให้ชีวิตชาวอเมริกันหลากหลายแบรนด์ซึ่งรวมถึง Snickers, Dove Bars และ M&Ms นอกจากช็อคโกแลตและขนมหวานแล้วบริษัทยังเป็นผู้ผลิตข้าวภายใต้แบรนด์ Uncle Bens และอาหารสัตว์อย่าง Pedigree และ Whiskas
18. Phil Knight & family
มูลค่าความมั่งคั่ง: 2.55 หมื่นล้านเหรียญ
ที่มาของทรัพย์สิน: Nike
อายุ: 78 ปี
หลังจากก่อตั้ง Nike มานานถึง 52 ปี Knight วางมืออย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาโดยลงจากเก้าอี้ประธานกรรมการของบริษัทผู้ผลิตรองเท้ายักษ์ใหญ่ Knight และครอบครัวยังคงถือครองหุ้นในสัดส่วนราว 26% ในเดือนมิถุนายนกองทรัสต์ของครอบครัวที่บริหารโดย Travis ลูกชายของเขาซึ่งเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์และสมาชิกกรรมการบริหาร Nike ได้ซื้ออำนาจออกเสียงส่วนใหญ่จากการถือหุ้นของ Nike ด้วยมูลค่า 1.2 พันล้านเหรียญโดยใช้เงินทุนจากกองทรัสต์ดังกล่าว Knight ร่วมก่อตั้ง Nike โดยจับมือกับ Bill Bowerman โค้ชกีฬาวิ่งสมัยเรียนอยู่ที่ University of Oregon ด้วยเงินทุนคนละ 500 เหรียญซึ่งชื่อบริษัทในตอนแรกคือ Blue Ribbon Sports ต่อมาในปี 1978 Knight เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Nike ซึ่งในภาษากรีกหมายถึงเทพีแห่งชัยชนะ
19. George Soros
มูลค่าความมั่งคั่ง: 2.49 หมื่นล้านเหรียญ
ที่มาของทรัพย์สิน: กองทุนเฮดจ์ฟันด์
อายุ: 86 ปี
Soros ผู้เดินหน้าสนับสนุนชาวลี้ภัยมาอย่างต่อเนื่องประกาศในเดือนกันยายนว่ามูลนิธิของเขาจะให้ทุน 500 ล้านเหรียญเพื่อสนับสนุนโครงการจัดหางานให้กับผู้ลี้ภัยและผู้อพยพโดยเฉพาะคนที่ย้ายถิ่นฐานมายังยุโรป ตลอดเวลาหลายปีเขาบริจาคเงินให้กับองค์กรหลายแห่งที่มุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือชาวอพยพ
การที่เขาสนับสนุนกลุ่มชาวลี้ภัยมีที่มาจากเหตุผลส่วนตัว Soros เกิดในฮังการียุคที่ประเทศถูกยึดครองโดยกองทัพนาซี เขาอพยพหนีออกจากประเทศและดิ้นรนจนสามารถเข้าเรียนที่ London School of Economics ด้วยการหารายได้จากงานยกกระเป๋าตามสถานีรถไฟและพนักงานเสิร์ฟก่อนจะก้าวเข้าสู่เส้นทางอาชีพสายการเงินในบริษัทวาณิชธนกิจแห่งหนึ่ง
หลังจากนั้นเขาย้ายไปยัง New York เพื่อทำงานในบริษัทด้านการเงินใน Wall Street และก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ขึ้นในปี 1969 ด้วยเงินทุน 12 ล้านเหรียญซึ่งภายหลังกองทุนดังกล่าวเปลี่ยนชื่อมาเป็น Quantum Fund หนึ่งทศวรรษหลังจากนั้น Soros ยังคงนั่งแท่นเป็นนักลงทุนรายใหญ่ของโลกผ่านกองทุนของครอบครัวที่ชื่อ Soros Fund Management ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารราว 3 หมื่นล้านเหรียญ อย่างไรก็ตาม Soros ต้องลงมือเฟ้นหาประธานบริหารด้านการลงทุนคนใหม่เป็นครั้งที่สองในรอบ 2 ปี โดยเมื่อเดือนสิงหาคมมีรายงานว่า Ted Burdick ซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่ถึงปีจะออกจากตำแหน่งเมื่อมีประธานคนใหม่มารับหน้าที่ต่อ
20. Michael Dell
มูลค่าความมั่งคั่ง: 2 หมื่นล้านเหรียญ
ที่มาของทรัพย์สิน: Dell
อายุ: 51 ปี
ในเดือนกรกฎาคมผู้ถือหุ้นอนุมัติการควบรวมกิจการมูลค่าราว 6 หมื่นล้านเหรียญระหว่าง Dell และ EMC ยักษ์ใหญ่ด้านระบบจัดเก็บฐานข้อมูลแผนควบรวมกิจการครั้งนี้ประกาศครั้งแรกในเดือนตุลาคมปี 2015 และดำเนินการเสร็จสิ้นในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ดีลนี้มีจุดเริ่มต้นจากแผนดำเนินการที่ Dell รอจังหวะมานานเพื่อเร่งผลักดันธุรกิจบริการระบบคลาวด์ที่ครองตลาดโดย Amazon, Google และ Microsoft ทั้งนี้ Dell เริ่มธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของเขาด้วยเงิน 1 พันเหรียญจากห้องพักในหอพักนักศึกษามหาวิทยาลัย University of Texas เมื่อปี 1984 ขณะที่เขาอายุได้ 19 ปี ปัจจุบันเขาถือหุ้น 70% ของบริษัท ทว่าทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเขามาจากกองทุนรวมเพื่อลงทุนในธุรกิจเอกชน MSD Capital ซึ่งได้ลงทุนใน Grand Central Terminal ใน New York City รวมทั้งถือหุ้นใน Ultimate Fighting Championship ผู้จัดรายการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานที่ซื้อมาจากพี่น้องตระกูล Fertitta (อันดับที่ 361) ในมูลค่า 4 พันล้านเหรียญ
20 อันดับ เศรษฐีอเมริกัน ลำดับที่ 1-10
คลิ๊กเพื่ออ่านฉบับเต็ม "Forbes 400 ชี้ฝันชาวอเมริกัน ยังดีอยู่" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2559
