20 อันดับ เศรษฐีอเมริกัน ลำดับที่ 1-10 - Forbes Thailand

20 อันดับ เศรษฐีอเมริกัน ลำดับที่ 1-10

FORBES THAILAND / ADMIN
11 Feb 2017 | 02:36 PM
READ 8072

Bill Gates ขึ้นแท่นบุคคลร่ำรวยที่สุดในอเมริกาอีกครั้ง ขณะที่เพื่อนรักอย่าง Warren Buffett เสียตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับ 2 ที่ครองมานาน 15 ปี ให้กับ Jeff Bezos ส่วน Mark Zuckerberg ไต่สู่อันดับ 1 ใน 5 เป็นครั้งแรก

1. Bill Gates มูลค่าความมั่งคั่ง: 8.1 หมื่นล้านเหรียญ ที่มาของทรัพย์สิน: Microsoft อายุ: 60 ปี รั้งตำแหน่งกรรมการบริหารมูลนิธิเพื่อการกุศลภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของโลก Gates ผลักดันแผนช่วยเหลือชีวิตผู้คนในประเทศกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยโครงการกำจัดโรคโปลิโอ ต้านโรคมาลาเรียและขยายพื้นที่การฉีดวัคซีนแก่เด็กยากจนให้ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ มูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation ยังมุ่งเน้นการสนับสนุนด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน (K-12) สำหรับเด็กในสหรัฐฯ แม้จะออกมายอมรับในปีนี้ว่าต้อง “เผชิญอุปสรรค” ในการพยายามสร้างความเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษาดังกล่าว เขาครองตำแหน่งบุคคลร่ำรวยที่สุดในสหรัฐฯ มานาน 23 ปีติดต่อกันและตัดสินใจลงจากเก้าอี้ประธานกรรมการ Microsoft ในปี 2014 แต่ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและสมาชิกคณะกรรมการของบริษัทที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้นในปี 1975 Gates ทยอยขายหุ้น Microsoft ของเขาออกมาทุกปี จนปัจจุบันเหลือหุ้นในมือเพียง 2.5% หรือคิดเป็นสัดส่วน 13% ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดในมือ 2. Jeff Bezos มูลค่าความมั่งคั่ง: 6.7 หมื่นล้านเหรียญ ที่มาของทรัพย์สิน: Amazon.com อายุ: 52 ปี Amazon มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 2 หมื่นล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา พาให้ Bezos ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นสูงสุดในการจัดอันดับ Forbes 400 ราคาหุ้นของเจ้าตลาดธุรกิจซื้อขายสินค้าออนไลน์พุ่งขึ้น 56% ส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตของ Amazon Web Services ธุรกิจบริการคลาวด์ Bezos กล่าวในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2016 ว่า Amazon คือบริษัทที่สามารถสร้างรายได้ทะลุ 1 แสนล้านเหรียญต่อปีในเวลาสั้นที่สุดจากที่ปรากฏในตัวเลขรายได้ปี 2015 ความสำเร็จก้าวใหญ่ของบริษัทมักเกิดขึ้นจากการเสี่ยงเดิมพัน “เราคือบริษัทที่น่าร่วมหัวจมท้ายเพื่อทำผิดพลาดมากที่สุดในโลก (เรามีแบบฝึกหัดให้ฝึกปรือมากมาย!) และความล้มเหลวกับนวัตกรรมเป็นของคู่กัน” Bezos เขียนกล่าวในรายงานประจำปีฉบับล่าสุด เขาเติบโตขึ้นจากการเลี้ยงดูของแม่และพ่อเลี้ยงชาวอพยพเชื้อสายคิวบาที่เป็นผู้รับอุปการะเขา Bezos ลาออกจากงานประจำรายได้สูงในกองทุนป้องกันความเสี่ยงแห่งหนึ่งของ New York เมื่อปี 1994 ด้วยแนวคิดอยากเปิดธุรกิจง่ายๆ อย่างการขายหนังสือออนไลน์ ความฝันอีกอย่างหนึ่งของเขาคือการท่องอวกาศ Blue Origin บริษัทด้านการขนส่งทางอวกาศของเขากำลังพัฒนาจรวดแบบนำกลับมาใช้ใหม่ได้ซึ่งเขาบอกว่าจรวดนี้จะใช้สำหรับบรรจุผู้โดยสาร 3. Warren Buffett มูลค่าความมั่งคั่ง: 6.55 หมื่นล้านเหรียญ ที่มาของทรัพย์สิน: Berkshire Hathaway อายุ: 86 ปี นักปราชญ์ด้านการลงทุนแห่ง Omaha หล่นจากอันดับ 2 เป็นครั้งแรกในรอบ15 ปีแม้ว่าจะมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 3.5 พันล้านเหรียญ ราคาหุ้นของ Berkshire Hathaway ปรับตัวขึ้นมากกว่า 10% ในช่วงปีที่ผ่านมาและอยู่ในระดับเกือบสูงสุด มีเพียงการลงทุนเดียวที่ทำผลงานได้ไม่ดีนักซึ่งก็คือ Wells Fargo ที่ Berkshire ถือครองหุ้นอยู่ 10%  นอกเหนือจากการลงทุนนี้ Berkshire ยังถือหุ้นใน American xpress และ Coca-Cola และเป็นเจ้าของธุรกิจ Geico, Dairy Queen และ Fruit of Loom เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Buffett บริจาคหุ้น Berkshire อย่างที่เขาทำเป็นประจำทุกปีโดยคิดเป็นมูลค่า 2.9 พันล้านเหรียญ 4. Mark Zuckerberg มูลค่าความมั่งคั่ง: 5.55 หมื่นล้านเหรียญ ที่มาของทรัพย์สิน: Facebook อายุ: 32 ปี Zuckerberg และ Priscilla Chan ภรรยาของเขาประกาศคำมั่นเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่าจะบริจาคเงิน 3 พันล้านเหรียญตลอดหนึ่งทศวรรษในการค้นคว้าวิจัยเพื่อรักษาและป้องกันโรคทุกชนิดให้ได้ภายในศตวรรษนี้ โครงการดังกล่าวต่อเนื่องมาจากการตัดสินใจของสองสามีภรรยาเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาในการบริจาคหุ้น Facebook ในมือของ Zuckerberg จำนวน 99% “เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพของมนุษย์” โดยจะทยอยบริจาคสัดส่วนหุ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงชีวิต มูลค่าเงินสนับสนุนเพื่อพัฒนาโลกเพิ่มสูงขึ้นหลังจากราคาหุ้น Facebook พุ่งถึง 40% ในช่วงปีที่ผ่านมา การเติบโตของราคาหุ้นส่งผลให้ Zuckerberg ร่ำรวยขึ้นอีก 1.52 หมื่นล้านเหรียญและหนุนให้เขาขึ้นแท่นติด 1 ใน 5 ของอันดับ Forbes 400 เป็นครั้งแรก Zuckerberg ซึ่งลาออกจาก Harvard กลางคันเริ่มก่อตั้งบริษัทสื่อสังคมออนไลน์แห่งนี้ในปี 2004 ด้วยวัยเพียง 19 ปี 5. Larry Ellison มูลค่าความมั่งคั่ง: 4.93 หมื่นล้านเหรียญ ที่มาของทรัพย์สิน: Oracle อายุ: 72 ปี Ellison หลุดโผ 3 อันดับแรกของตารางมหาเศรษฐี Forbes 400 เป็นครั้งแรกนับจากปี 2007 มูลค่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้น 1.8 พันล้านเหรียญในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาแต่ถูกแซงหน้าโดยคนรุ่นใหม่จากธุรกิจเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เขายังคงพยายามไล่ให้ทันด้วยการเร่งขยายธุรกิจคลาวด์ของ Oracle บริษัทซอฟต์แวร์ที่เขาก่อตั้งขึ้น แม้หน่วยธุรกิจนี้จะมีขนาดเล็กแต่กำลังอยู่ในช่วงเติบโตซึ่งต้องแข่งขันโดยตรงกับ Amazon Web Services ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในธุรกิจนี้ Oracle ประกาศเข้าซื้อ NetSuite บริษัทผู้ให้บริการซอฟต์แวร์คลาวด์ในราคา 9.3 พันล้านเหรียญเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Ellison ลงจากตำแหน่ง CEO ในปี 2014 แต่ยังคงนั่งเก้าอี้ประธานกรรมการและประธานบริหารฝ่ายเทคโนโลยีของ Oracle เขาเริ่มจากการพัฒนาระบบฐานข้อมูลให้กับ CIA และก่อตั้ง Oracle ขึ้นในปี 1977 พาบริษัทจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 1986 ก่อนหน้า Microsoft เข้าตลาดหนึ่งวันในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา 6. Michael Bloomberg มูลค่าความมั่งคั่ง: 4.5 หมื่นล้านเหรียญ ที่มาของทรัพย์สิน: Bloomberg LP อายุ: 74 ปี นับตั้งแต่กลับไปนั่งเก้าอี้บริหาร Bloomberg LP หลังวางมือจากตำแหน่งทางการเมืองช่วงต้นปี 2015 เขาได้ดำเนินการปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่โดยปรับทิศทางธุรกิจสื่อหันมามุ่งเน้นสิ่งที่ตนถนัด นั่นก็คือการทำข่าวด้านธุรกิจและการเงิน ตัวเลขรายได้เติบโตราว 3% ซึ่ง หนุนให้มูลค่าทรัพย์สินในครอบครองเพิ่มขึ้น 6.4 พันล้านเหรียญ รวมแล้ว Bloomberg ควักกระเป๋าบริจาคไปมากกว่า 4 พันล้านเหรียญเพื่อสนับสนุนด้านการควบคุมอาวุธปืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและโครงการอื่นๆ เมื่อไม่นานมานี้เขาได้รับเลือกเป็นตัวแทนระดับสากลของ World Health Organization 7. Charles Koch มูลค่าความมั่งคั่ง: 4.2 หมื่นล้านเหรียญ ที่มาของทรัพย์สิน: หลากหลายธุรกิจ อายุ: 80 ปี 7. David Koch มูลค่าความมั่งคั่ง: 4.2 หมื่นล้านเหรียญ ที่มาของทรัพย์สิน: หลากหลายธุรกิจ อายุ: 76 ปี Fred Koch พ่อของพวกเขาริเริ่มพัฒนากรรมวิธีกลั่นน้ำมันชนิดหนักให้กลายเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงและเริ่มกิจการครอบครัวในปี 1940 Charles รับไม้ต่อในตำแหน่งประธานกรรมการและ CEO หลังจากพ่อของเขาเสียชีวิตในปี 1967 และปลุกปั้นธุรกิจจนกลายเป็นเครือบริษัทยักษ์ใหญ่ขนาด 1 แสนล้านเหรียญ อันประกอบด้วยธุรกิจผลิตเคมีภัณฑ์ ท่อส่งก๊าซและซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ บริษัทในเครืออย่าง Georgia Pacific (ผู้ผลิตกระดาษชำระอเนกประสงค์ Brawny และแก้วกระดาษ Dixie) เพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับทำความสะอาดพรม Stainmaster เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่วนบริษัทโรงกลั่นและเคมีภัณฑ์ Flint Hills Resources เริ่มเดินเครื่องโรงงานน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพแห่งใหม่ในอีก 1 เดือนให้หลัง Larry Page และ Sergey Brin 9. Larry Page มูลค่าความมั่งคั่ง: 3.85 หมื่นล้านเหรียญ ที่มาของทรัพย์สิน: Google อายุ: 43 ปี ในเดือนตุลาคม 2015 Page ประธานบริหารของ Google ย้ายไปเป็นหัวเรือใหญ่ของ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่เพื่อถือหุ้น Google และธุรกิจในเครือทั้งหมด Alphabet เปิดเผยตัวเลขผลประกอบการเป็นครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาโดยมีข้อมูลรายได้ของบริษัทต่างๆ ในเครือซึ่งรวมถึง Nest ผู้ผลิตอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนอัจฉริยะ, Google Fiber ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและ Verily บริษัทในธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ “ธุรกิจใหม่อื่นๆ” เหล่านี้สร้างรายได้รวมกัน 448 ล้านเหรียญสำหรับตัวเลขผลการดำเนินงานปี 2015 ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรายได้ 7.45 หมื่นล้านเหรียญของ Google และ ธุรกิจยังห่างไกลจากการทำกำไร Page ส่งไม้ต่อให้กับ Sundar Pichai รับหน้าที่บริหาร Google ซึ่งเขาหันมามุ่งเน้นธุรกิจเทคโนโลยี AI นอกจากธุรกิจ Alphabet แล้วยังมีรายงานว่า Page ได้สนับสนุนเงินทุนธุรกิจเกิดใหม่ 2 แห่งที่กำลังพัฒนารถยนต์บินได้ ได้แก่ Kitty Hawk และ Zee.Aero เขาร่วมก่อตั้ง Google ขึ้นในปี 1998 ร่วมกับ Sergey Brin   10. Sergey Brin มูลค่าความมั่งคั่ง: 3.75 หมื่นล้านเหรียญ ที่มาของทรัพย์สิน: Google อายุ: 43 ปี ลูกชายของพ่อแม่นักวิชาการ Brin อพยพจากรัสเซียมายังสหรัฐฯ ตอนเขาอายุ 6 ปีเพื่อหนีจากกระแสต่อต้านชาวยิว ในปี 2009 ซึ่งเป็นเวลาหลังจากนั้น 30 ปี เขาควักกระเป๋า 2 ล้านเหรียญบริจาคให้กับ Hebrew Immigrant Aid Society (HIAS) หน่วยงานที่ได้ช่วยครอบครัว Brin ในการย้ายถิ่นฐานมายังสหรัฐฯ ในฐานะผู้ลี้ภัย ปัจจุบัน Brin คือชาวอพยพที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ เป็นเวลาหลายปีที่เขารับหน้าที่ดูแลบริหารหน่วยธุรกิจลับของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อว่า Google X (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น X) เจ้าของผลิตภัณฑ์แว่นอัจฉริยะ Google Glass ที่ถูกพับโครงการไปแล้ว ขณะนี้ Brin รั้งตำแหน่งประธาน Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google เขายังคงมีบทบาทในหน่วยธุรกิจ X ซึ่งกำลังพัฒนารถยนต์ไร้คนขับรวมถึงเทคโนโลยีผลิตพลังงานทดแทนจากลมและบอลลูนสำหรับกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกลที่ยังไม่พัฒนา
20 อันดับ เศรษฐีอเมริกัน ลำดับที่ 11-20
คลิ๊กเพื่ออ่านฉบับเต็ม "Forbes 400 ชี้ฝันชาวอเมริกัน ยังดีอยู่" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2559