'10 สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก' ประจำปี 2021 - Forbes Thailand

'10 สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก' ประจำปี 2021

FORBES THAILAND / ADMIN
08 Dec 2021 | 06:10 PM
READ 8204

'ทำเนียบ 100 สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก' ประจำปี 2021 จาก Forbes มีทั้ง CEO หญิงถึง 40 คน ผู้นำโลก 19 นัก นักวิทยาภูมิคุ้มกัน และเบอร์ 1 คนใหม่เป็นครั้งแรกในรอบศตวรรษ โดยสตรีที่คว้า 10 อันดับแรกไปได้มีทั้งความสามารถและความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงล้นกระเป๋า

เช่นเดียวกับปี 2021 อิทธิพลของผู้หญิงทั่วโลกก็ดูแตกต่างออกไปจากเมื่อ 1-2 ปีก่อน มีผู้หญิงในระดับ C-Suite มากกว่าเดิม โดยใน 'ทำเนียบ 100 สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก' ประจำปี 2021 ของ Forbes มี CEO หญิงถึง 40 คน เป็นจำนวนที่มากที่สุดตั้งแต่ปี 2015 โดยพวกเธอเหล่านี้คอยดูแลรายได้บริษัทมูลค่าถึง 3.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่สิ่งที่พวกเธอได้มาในห้องประชุม พวกเธอเจอกับความสูญเสียเช่นกัน โดยในปีนี้ มีผู้หญิงนั่งเก้าอี้สภาสหรัฐฯน้อยลงไปถึง 2 คนจากปีก่อน  แต่ไม่มีอะไรเป็นตัวสื่อถึงความหมายของทำเนียบนี้ได้ไปกว่าการเปลี่ยนแปลงในส่วนบนของลิสต์รายชื่อนี้แล้ว โดยนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 18 ปีที่เราได้รวบรวมรายชื่อมาที่ Angela Merkel นายกฯเยอรมันนีหลุดตำแหน่งที่ 1 ไปเมื่อเธอได้วางมือจากการเมือง ส่งผลให้ตำแหน่งสตรีผู้ทรงพลังที่สุดในโลกประจำปีนี้ตกไปอยู่ในมือของ MacKenzie Scott เศรษฐินีพันล้านใจบุญ แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่รวยเป็นอันดับ 3 ของโลก แต่ด้วยเงินที่ไม่ขาดมือและความมุ่งมั่นที่จะทำให้เงินกองนี้ทีค่าและเปลี่ยนโลกได้ด้วยการบริจาคนั้น ทำให้เธออยู่เหนือคู่แข่งคนอื่นในทำเนียบนี้ “เราทุกคนพยายามที่จะให้คืนแก่สังคมและเปลี่ยนแปลงระบบที่ทำให้เราเก็บเงินมาได้” Scott กล่าวไว้เมื่อฤดูร้อน  ตามมาติดๆ ในอันดับที่ 2 คือ Kamala Harris รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ไต่ขึ้นมาหนึ่งอันดับหลังจากที่ได้เดินเข้าทำเนียบขาวไป สลับที่กับ Christine Lagarde ประธาน European Central Bank ที่ตอนนี้ตกไปอยู่อันดับที่ 3 ผู้หญิงทั้งหมดตรงนี้เป็นตัวแทนเหตุผลที่เราสร้างทำเนียบนี้ขึ้นมา มีเงินหรืออำนาจอย่างเดียวมันไม่พอ บุคคลนั้นควรจะทำอะไรสักอย่างกับทรัพย์สิน กระบอกเสียง และพื้นที่สาธารณะที่มีอยู่ด้วย ยกตัวอย่างเช่น Rosalind Brewer อดีต COO แห่ง Starbucks ที่ได้เข้ามาคุมกังหัน Walgreens เมื่อเดือนมีนาคม และปัจจุบันเป็นหญิงผิวดำคนเดียวที่บริหารธุรกิจในบริษัทจดทะเบียนใน S&P 500 บวกกับความเป็นนักสู้เพื่อความหลากหลายในที่ทำงาน Brewer ไต่ขึ้นมาถึง 15 อันดับ และครองอันดับที่ 17 ในปีนี้ สาวอีกคนที่แกร่งไม่แพ้กันคือ Ozlem Tureci นักวิทยาภูมิคุ้มกันและผู้ร่วมก่อตั้ง BioNTech ซึ่งเป็น 1 ใน 20 หน้าใหม่ประจำทำเนียบนี้ โดยเธออยู่ที่อันดัน 48 ไม่ใช่เพียงเพราะเธอเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไบโอเทค แต่เพราะบทบาทของเธอในการพัฒนาวัคซีนโควิดแบบ mRNA ที่จับมือกับบริษัทยายักษ์ใหญ่อย่าง Pfizer ด้วยต่างหาก  หน้าใหม่อีกคนที่ติดโผในปีนี้คือประธานาธิบดีแทนซาเนีย คนล่าสุด Samia Suluhu Hassan ที่ติดเข้าทำเนียบนี้มาในอันดับที่ 94 โดยเธอมีบทบาทสำคัญมากในการออกมาตรการควบคุมโควิดในประเทศบ้านเกิดของเธอ ประธานาธิบดีหญิงคนเก่งอีกคนคือ Tsai Ing-wen ประธานาธิบดีไต้หวันที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญในเรื่องของเสรีภาพและประชาธิปไตยเมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันจากจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้เธอไต่อันดับขึ้นไปถึง 28 อันดับ ขึ้นมาเป็นสตรีผู้ทรงพลังอันดับ 9 เลยทีเดียว โดยเธอได้กล่าวไว้เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนว่า “เราต้องคุ้มกันค่านิยมที่เรามีร่วมกันเพื่อที่เราจะมั่นใจได้ว่าเราจะสามารถใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระและประชาธิปไตยได้”  ขณะเดียวกัน อำนาจของผู้หญิงบางคนก็หลุดมือไปในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเห็นได้ชัดเมื่อเหล่าเศรษฐินีจีนตกอันดับกันรัวๆ เมื่อประธานาธิบดี Xi Jinping เล็งเป้าไปยังกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีมากขึ้น เช่น Dong Mingzhu จาก Gree Electric (ตกไป 11 อันดับ ปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 58) และ Joey Wat ผู้นั่งเก้าอี้ CEO ประจำ Yum China (ตกไป 39 อันดับ ปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 73)  Queen Elizabeth II เองก็หนีไม่พ้นการตกอันดับเช่นกัน และตอนนี้เธอนั่งอยู่อันดับที่ 70 ตกลงมาถึง 24 อันดับเนื่องจากการปรากฏตัวในที่สาธารณะที่น้อยลง และข้อกล่าวหาทำร้ายชื่อเสียงนับไม่ถ้วนที่ทางบัลลังก์ต้องเจอในปีนี้ (รวมถึงข้อกล่าวหาถึงพฤติกรรมเหยียดสีผิวที่ Duchess Meghan Markle ออกมาเปิดเผย) และแม้ว่าผู้หญิงในทำเนียบ 100 ผู้หญิงที่ทรงพลังที่สุดในโลกปีที่ 18 นี้จะมาจากถึง 30 ประเทศ จากหลากหลายภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเงิน เทคโนโลยี การเมือง การกุศล วงการบันเทิง และอีกมากมาย แต่ทุกคนก็มีความรู้สึกถึงหน้าที่ซึ่งต้องทำเหมือนกัน Frances Haugen อดีตพนักงาน Facebook และผู้ครองอันดับที่ 100 ในปีนี้ไม่ได้วางแผนว่าเธอจะนำข้อมูลของบริษัทมาเปิดเผย แต่เธอกล่าวว่าเธอไม่สามารถยืนเฉยๆ เมื่อบริษัทเห็นกำไรอยู่เหนือผู้บริโภค เช่นเดียวกับ Taylor Swift (อันดับที่  78) ที่ไม่คาดคิดว่าเธอจะต้องกลับมาอัดอัลบั้มใหม่เมื่อตอนเธอเข้าห้องอัดเสียงครั้งแรกเพื่อที่จะสามารถเป็นเจ้าของผลงานของตัวเองได้ และเป็นทำให้ศิลปินคนอื่นๆ เห็นถึงคุณค่างานของตัวเอง “สิ่งที่เราสามารถทำหรือได้รับอนุญาตให้ทำไม่สามารถเป็นตัวตัดสินประสบการณ์ของเราได้” Ava Duvernay (อันดับที่ 80) ผู้กับกำภาพยนตร์กล่าว ซึ่งถ้าลิสต์นี้มี thesis statement ได้ล่ะก็ ประโยคนี้คงเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุด ผู้หญิงเหล่านี้คือผู้ที่กำลังเขียนกฎเกณฑ์ใหม่ให้กับโลกธุรกิจ การเงิน และการเมือง และเราก็ต้องการพวกเขาในตอนนี้มากกว่าเคย  พบกับ 10 อันดับจาก '100 สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก' ประจำปี 2021 ณ วันที่ 7 ธันวาคม 2021

10 สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก

อันดับ 1 MacKenzie Scott
  • นักการกุศล นักเขียน และอดีตภรรยา Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon ที่เธอใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยาด้วย 25 ปี พวกเขาหย่าร้างกันช่วงกลางปี 2019 และ Scott ได้หุ้น Amazon ของ Bezos ไปร้อยละ 25
  • ในเดือนพฤษภาคม 2019 หลังจากที่ประกาศว่าจะหย่าได้ไม่นาน เธอก็ได้ลงนามใน Giving Pledge เพื่อสัญญาว่าเธอจะบริจาคทรัพย์สินอย่างด้วยครึ่งหนึ่งของเธอให้กับสาธารณะ
  • ในปี 2020 Scott บริจาคเงินเกือบ 5.8 พันล้านเหรียญ ให้กับองค์กรไม่แสวงกำไรถึง 500 แห่ง และได้มอบเงินอีกกว่า 2.74 พันล้านเหรียญ ให้กับ 286 องค์กรในปี 2021
  • Scott บริจาคให้แบบ “No strings attached” โดยองค์กรที่เธอได้บริจาคให้ไปสามารถนำเงินไปใช้ได้ตามที่พวกเขาต้องการอย่างเต็มที่
อันดับ 2 Kamala Harris
  • เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2021 Harris กลายเป็นผู้หญิงคนแรก ชาวผิวสีคนแรก และชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกที่ได้นั่งเก้าอี้รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
  • ในปี 2016 Harris เป็นชาวอินเดีย-อเมริกันคนแรกที่ได้รับคะแนนโหวตให้เข้าไปนั่งในวุฒิสภาสหรัฐ
  • ในปี 2010 ​Harris เป็นชาวแอฟริกันอเมริกันและผู้หญิงคนแรกที่เข้ารับตำแหน่งอัยการสูงสุดประจำรัฐ California
  • Harris เป็นชาว California โดยเธอเกิดที่เมือง Oakland และมาจากครอบครัวชาวต่างชาติในอเมริกา (แม่ของเธอมาจากอินเดีย ส่วนพ่อของเธอมาจากจาไมกา)
  • Harris เป็นศิษย์เก่า Howard University และเป็นบัณฑิตคนแรกที่จบจากมหาวิทยาลัยที่เดิมทีเปิดให้ชาวผิวดำเรียนเท่านั้นที่ได้นั่งตำแหน่งรองประธานาธิบดี
อันดับ 3 Christine Lagarde
  • เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2019 Lagarde กลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้คุม European Central Bank
  • ตั้งแต่ปี 2011 จนถึงช่วงกลางปี 2019 Lagarde ดูแล International Monetary Fund ที่ก่อตั้งเพื่อทำให้มั่นใจว่าระบบการเงินโลกนั้นจะมั่นคง และ Lagarde ก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่นี้
  • ระหว่างการวิเคราะห์วิกฤติการเงินปี 2018 Lagarde ชี้ให้เห็นถึง “groupthink” ในอุตสาหกรรมที่ชายเป็นใหญ่ และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปทางเพศ
อันดับ 4 Mary Barra
  • CEO แห่ง General Motors ตั้งแต่ปี 2014 Barra นับเป็นผู้หญิงคนแรกที่เป็นผู้กุมบังเหียน 1 ใน 3 บริษัทผลิตยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา
  • Barra ได้ลงทุนในรถไฟฟ้า รถขับเคลื่อนอัตโนมัติ และบริการแชร์รถอย่าง Maven ไปกว่าหลายพันล้าน
  • GM ได้รับคะแนนสูงในรายงาน Gender Equity มาโดยตลอด โดยในปี 2018 บริษัทแห่งนี้เป็น 1 ใน 2 บริษัทจากทั่วโลกที่ไม่มีช่องว่างทางรายได้ระหว่างเพศ
อันดับ 5 Melinda French Gates
  • หนึ่งในผู้หญิงที่ทรงพลังที่สุดในวงการการกุศล โดยปัจจุบันเธอนั่งเก้าอี้ Co-Chair ประจำ Bill and Melinda Gates Foundation
  • ด้วยหนึ่งในเป้าหมายหลักของมูลนิธิที่มุ่งช่วยเหลือคนได้มีชีวิตที่ดีขึ้น Melinda ได้ทุ่มเทเวลาส่วนมากช่วยเหลือด้านสิทธิผู้หญิงและเด็ก
  • ในบทต่อไปของเธอ เธอวางแผนจะปิดช่องว่างในการระดมทุนที่เหล่าผู้ก่อตั้งผู้หญิงต้องเผชิญผ่านการลงทุนจากกระเป๋าเธอเอง และจาก Pivotal Ventures
อันดับ 6 Abigail Johnson
  • Abigail Johnson ปฏิบัติงานในฐานะ CEO แห่ง Fidelity Investments มาตั้งแต่ที่เธอได้รับไม้ต่อมาจากพ่อของเธอในปี 2014 และเป็นประธานบริษัทมาตั้งแต่ปี 2016
  • เธอถือหุ้นของบริษัทอยู่ราวๆ ร้อยละ 24.5 เป็นมูลค่ากว่า 4.2 ล้านล้านเหรียญ
  • เธอทำงานช่วงฤดูร้อนที่ Fidelity ตลอดระยะเวลาที่เรียนมหาลัย และเข้าทำงานแบบเต็มเวลาในตำแหน่งนักวิเคราะห์ในปี 1988 หลังจากได้รับ MBA จาก Harvard 
อันดับ 7 Ana Patricia Botin
  • Botin ก้าวขึ้นเป็นประธานบริษัท Santander Group ในปี 2014 หลังจาก Emilio พ่อของเธอเสียชีวิตกระทันหัน
  • ปี 2017 เมื่อ Banco Santander เข้าซื้อ Banco Popular (BP) ที่กำลังจะล้มไม่เป็นท่าด้วยราคา 1 ยูโร เพื่อคว้าตำแหน่งธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสเปน
  • ช่วงความไม่สงบทางการเมืองของสเปน เธอในฐานะเจ้าแม่ฟินเทค ได้ช่วยเหลือนักธุรกิจเจ้าของบริษัทรายเล็ก รวมถึงธุรกิจของผู้หญิงด้วย
  • เธอเปิดตัว Santander X เพื่อช่วยเหลือนักธุรกิจหน้าใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย และเพื่อช่วยสร้างแพลตฟอร์มบล็อกเชนสำหรับหลากหลายหน่วยงานแพลตฟอร์มแรกของสเปน
อันดับ 8 Ursula von der Leyen
  • Ursula von der Leyen ได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2019
  • เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ โดยหน้าที่หลักของเธอคือการออกกฎหมายที่มีผลต่อชาวยุโรปถึง 700 ล้านคน
  • ตั้งแต่ปี 2005 ถึงปี 2019 von der Leyen รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในคณะรัฐมนตรีของ Angela Merkel
อันดับ 9 Tsai Ing-wen
  • Tsai เป็นผู้นำหญิง (และผู้นำที่ยังไม่แต่งงาน) คนแรกของไต้หวันหลังจากชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2016
  • เธอชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2020 โดยได้รับคะแนนไปกว่าร้อยละ 57 โดยการชนะครั้งนี้เปรียบเสมือนการโต้ตอบกับปักกิ่งที่พยายามเข้าควบคุมไต้หวัน
  • เธอให้คำมั่นว่าเธอจะทำให้ไต้หวันสมาชิกที่เวทีโลกจะขาดไม่ได้ และได้ทำการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้ทั้งไบโอเทค กลาโหม และพลังงานสีเขียว
อันดับ 10 Julie Sweet
  • Sweet ขึ้นนั่งเก้าอี้ CEO ประจำ Accenture เมื่อเดือนกันยายน 2019
  • ก่อนที่จะมาเป็น ​CEO เธอรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทั่วไป และประธานภูมิภาคอเมริกาเหนือ ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท
  • Sweet ยังนั่งบอร์ดผู้บริหารของ Business Roundtable, World Economic Forum’s International Business Council และ Catalyst อีกด้วย
  • ความหลากหลายเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับเธอ โดยเธอได้บอกกับ Forbes ว่า “ความเท่าเทียมช่วยทุกคน ไม่มีใครเสียหายทั้งนั้น​”
ดูรายชื่อ '100 สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก' ประจำปี 2021 ได้ที่นี้ แปลและเรียบเรียงโดย ทัตชญา บุษยากิตติกร จากบทความ The World's 100 Most Powerful Women 2021 เผยแพร่บน ​Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: “30 Under 30” สุดยอดหนุ่มสาวดาวรุ่ง ประจำปี 2022
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine