เมืองแห่งธุรกิจสตาร์ทอัพมักจะกระจุกตัวบริเวณชายฝั่งของสหรัฐอเมริกา ศูนย์กลางของผู้ประกอบการทางชายฝั่งภาคตะวันตกจะอยู่ที่ Silicon Valley ลากยาวไปจนถึง Seattle กับ Los Angeles ส่วนศูนย์กลางชายฝั่งภาคตะวันออกคือ Boston, New York และ Philadelphia
จึงไม่น่าแปลกใจนักที่โรงเรียนธุรกิจที่เรารวบรวมมาถึงครึ่งหนึ่ง ตั้งอยู่ใน 6 เมืองที่ว่ามานี้ ส่วนที่เหลือกระจายตัวตามรัฐต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนกลางภาคตะวันตก และ Mountain West
สุดยอดสถาบันการศึกษาด้านธุรกิจที่ติดโผการจัดอันดับนี้เกือบทั้งหมดเป็นมหาวิทยาลัยยักษ์ใหญ่ด้านการวิจัย เนื่องจากสถาบันขนาดใหญ่มักจะมีหลักสูตรการเรียนการสอนด้านธุรกิจ วิศวกรรม และศิลปศาสตร์ขนาดใหญ่และมีการพัฒนาไม่หยุดยั้ง เพื่อผลักดันให้มีการเสนอแนวคิดใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
อันดับ 1 University of California, Berkeley
![](http://www.forbesthailand.com/uploads/library/e2d0816e0f3ed9114aaa1064e0cbf71d.png)
The Lester Center for Entrepreneurship ตั้งอยู่ใจกลาง San Francisco Bay มหาวิทยาลัยแห่งนี้อุดมไปด้วยการศึกษาด้านการประกอบกิจการและการวิจัยเชิงวิชาการระดับโลกมากมาย ตลอดระยะเวลาเกือบ 25 ปีที่ผ่านมา ที่แห่งนี้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Berkeley Entrepreneurs Forum ภาคการศึกษาละ 2 ครั้ง เปิดโอกาสให้นักศึกษาและประชาชนในท้องถิ่นที่สนใจได้เข้ามาพบปะกับผู้ประกอบการและผู้ร่วมลงทุน
อันดับ 2 Massachusetts Institute of Technology (MIT)
![](http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f302fb50839ddc2aae651a968032df45.png)
ณ สิ้นปี 2006 มีบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นโดยศิษย์เก่า MIT ที่ยังมีชีวิตอยู่และยังคงดำเนินกิจการอยู่ 25,600 แห่ง คิดเป็นการจ้างงานรวมกันทั้งสิ้น 3.3 ล้านคน ทำรายได้รวมกันเกือบ 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีนั้น The Martin Trust Center for MIT Entrepreneurship เป็นแหล่งความรู้ความเชี่ยวชาญ การสนับสนุน และเครือข่ายทางสังคมให้แก่นักศึกษา MIT
นอกจากนี้ MIT ยังจัดการแข่งขัน Entrepreneurship Competition ชิงรางวัลมูลค่า 1 แสนเหรียญซึ่งเป็นการแข่งขันวางแผนธุรกิจชั้นนำของโลกรายการหนึ่งอีกด้วย
อันดับ 3 Stanford University
![](http://www.forbesthailand.com/uploads/library/89e67dd5586cb3f5a1ff6798cee4218a.png)
ในปี 1996 บัณฑิต 2 คนจากโรงเรียนธุรกิจแห่งนี้จับมือกันก่อตั้ง The Center for Entrepreneurial Studies เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการและชุมชนด้านการประกอบการที่จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจประเด็นปัญหาต่างๆ ที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ให้ดียิ่งขึ้น
Stanford Entrepreneurship Corner ยังเผยแพร่วิดีโอและพ็อดคาสท์ถึง 3,000 รายการให้บุคคลทั่วไปได้รับชมรับฟังกันแบบฟรีๆ
อันดับ 4 University of Southern California
![](http://www.forbesthailand.com/uploads/library/1eec62c10100794e3be4d61ac4ee34f1.png)
The Lloyd Greif Center for Entrepreneurial Studies เป็นศูนย์การศึกษาด้านการประกอบการแห่งแรกที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 2014-2015 โรงเรียนแห่งนี้รับนักศึกษาเข้าเรียนกว่า 3,100 คน ขณะเดียวกัน USC ยังเป็นเจ้าภาพการแข่งขันด้านธุรกิจถึง 5 รายการด้วยกัน แจกเงินรางวัลรวมกว่า 2.5 แสนเหรียญ
อันดับ 5 University of Pennsylvania
![](http://www.forbesthailand.com/uploads/library/18fa534cb6005fa3df8757d9e1e70d85.png)
Wharton School คือโรงเรียนอันทรงเกียรติของ University of Pennsylvania และยังบริหารวิทยาเขต San Francisco ด้วย Wharton-San Francisco อยู่ห่าง Silicon Valley ออกไปเพียง 40 ไมล์ จึงดึงดูดนักศึกษาจากย่านนั้นได้เป็นอย่างดี สำหรับบัณฑิตของ Wharton ก็มีทั้งนักนวัตกรรมอย่าง
Elon Musk นักธุรกิจยักษ์ใหญ่
Warren Buffett และประธานาธิบดี
Donald Trump
อันดับ 6 Cornell University
![](http://www.forbesthailand.com/uploads/library/48175a9a8c34c082e16fd5895ac20c45.png)
สิ่งหนึ่งที่ Cornell มีเหมือนๆ กับโรงเรียนธุรกิจอื่นๆ คือ โรงเรียนแห่งนี้ปลูกฝังความเป็นผู้ประกอบการเข้าไว้ในหลักสูตรการศึกษาทั้งหมด มีสภาที่ปรึกษาที่มีสมาชิกกว่า 90 คนให้การสนับสนุนการเป็นผู้ประกอบการ และคณบดีจากโรงเรียนและวิทยาลัยในโครงการทั้ง 13 แห่งคอยดูแล
ทั้งนี้
Startuptree ได้รวบรวมรายชื่อสตาร์ทอัพที่ศิษย์เก่า Cornell ก่อตั้งขึ้น พบว่าบริษัทเหล่านี้ระดมเงินทุนรวมกันได้กว่า 4 พันล้านเหรียญ
อันดับ 7 University of Michigan
![](http://www.forbesthailand.com/uploads/library/feabe867df3966635ea0399653401916.png)
Michigan’s Center for Entrepreneurship (CFE) ต้องการจะปลุกจิตวิญญาณแห่งการเป็นผู้ประกอบการให้แก่นักศึกษาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ที่นี่ CFE มีกิจกรรมสำคัญคือ The Startup ซึ่งเป็นการแข่งขันประจำปี โดยจะให้นักศึกษาได้นำเสนอไอเดียและชักจูง (พิตช์) เหล่าอาจารย์ที่ปรึกษาให้เข้ามาร่วมทีมของตน การแข่งขันดังกล่าวเป็นไปอย่างเข้มข้น โดยทีมต่างๆ จะได้รับเงินทุนเพิ่มขึ้นในแต่ละรอบที่ผ่านเข้าไป
อันดับ 8 Babson College
![](http://www.forbesthailand.com/uploads/library/4b3ffccfdcf82ff1e29b2435e392cd37.png)
Babson ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1919 เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมทางธุรกิจ โรงเรียนแห่งนี้ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็น “ปราการแห่งการศึกษาด้านการประกอบการ” ในปีการศึกษา 2014-2015 มีผู้สนใจสมัครเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรีที่ Babson กว่า 2,100 คน และระดับปริญญาโทอีก 900 คน นักศึกษาเหล่านี้มาจากกว่า 80 ประเทศ
ขณะเดียวกัน The Arthur M. Blank Center for Entrepreneurship ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาในปี 1998 ยังมีนักศึกษาอีกกว่า 2,000 คน โดย 90% ของนักศึกษาที่ Babson จะลงเรียนวิชาเลือกเกี่ยวกับการประกอบการอย่างน้อยคนละ 1 วิชา
อันดับ 9 University of California Los Angeles
![](http://www.forbesthailand.com/uploads/library/c8cd058c17523b621cb187fd9c30f4bb.png)
The Harold and Pauline Price Center for Entrepreneurship & Innovation เป็นหนึ่งในสถานที่จัดโครงการ Entrepreneurship Bootcamp for Veterans with Disabilities ซึ่งเป็นโครงการนวัตกรรมที่ให้การสนับสนุนทหารผ่านศึกที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างเข้าร่วมปฏิบัติการ Enduring Freedom และ Iraqi Freedom
อันดับ 10 Brigham Young University
![](http://www.forbesthailand.com/uploads/library/02cfcb7e1bff35533891f896b62573c1.png)
The Rollins Center for Entrepreneurship and Technology (CET) สร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมและสนับสนุนนักศึกษา BYU ที่สนใจจะเริ่มต้นทำธุรกิจ ในเดือนกันยายนปี 2015 นักศึกษา BYU คนหนึ่งคว้าเงินรางวัล 1.25 แสนเหรียญในงาน Start Madness ซึ่งเป็นกิจกรรมสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่
Beehive Startups เป็นเจ้าภาพจัดงาน
ผู้ก่อตั้ง CET ล้วนเป็นมืออาชีพในแวดวงธุรกิจซึ่งให้การสนับสนุนหลักสูตรด้านการประกอบการของ BYU ปัจจุบันมีผู้ก่อตั้งกว่า 140 คนที่ไม่เพียงแต่จะให้การสนับสนุนทางการเงินเท่านั้น แต่ยังเข้าร่วมบรรยายในชั้นเรียนเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ด้านการประกอบการด้วย
เรียบเรียง: ปาริชาติ ชื่นชม
ติดตามอันดับที่ 11-25 ของ "สุดยอดสถาบันปั้นสตาร์ทอัพ" ได้ที่ ForbesLife Thailand ฉบับพิเศษประจำเดือน พฤศจิกายน 2560 ในรูปแบบ e-Magazine
![](http://forbesthailand.com/uploads/library/f3ee0a4e88af6a503516f19b34a932df.png)