เครือธุรกิจแฟรนไชส์รายใหญ่ที่สุดของอเมริกา - Forbes Thailand

เครือธุรกิจแฟรนไชส์รายใหญ่ที่สุดของอเมริกา

FORBES THAILAND / ADMIN
06 Dec 2016 | 10:48 AM
READ 2287
อันดับที่1: Flynn Restaurant Group รัฐ San Francisco Applebee’sTaco Bell และ Panera Bread รายได้: 1,900 ล้านเหรียญ Greg Flynn เริ่มธุรกิจจากการซื้อกิจการร้าน Applebee’s แห่งแรกเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วหลังจากนั้นเขาได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก Goldman Sachs ปัจจุบันผู้ถือหุ้นใหญ่คือกองทุน Ontario Teachers’ Pension Plan   อันดับที่2: NPC International Overland Park รัฐ Kansas Pizza Hut และ Wendy’s รายได้: 1,223 ล้านเหรียญ เริ่มธุรกิจในปี 1962 โดย Gene Bicknell พนักงานขายประกันที่ผันตัวมาจับธุรกิจร้านพิซซ่า ปัจจุบัน NPC เป็นผู้ถือสิทธิ์แฟรนไชส์ Pizza Hut รายใหญ่ที่สุดของโลกและปัจจุบันถือครองโดย Olympus Partners   อันดับที่3: Dhanani Group Sugar Land รัฐ Texas Burger King และ Popeyes รายได้: 871 ล้านเหรียญ Shoukat Dhanani ผู้เคยผ่านประสบการณ์บริหารร้านสะดวกซื้อ สามารถพลิกเครือธุรกิจร้านอาหารที่กำลังประสบปัญหาและขยายกิจการจนเติบโตอย่างก้าวกระโดดนับจากปี 2010 อันดับที่4: Carrols Restaurant Group Syracuse รัฐ New York Burger King รายได้: 859 ล้านเหรียญ Herbert Slotnick เริ่มธุรกิจในปี 1960 โดยถือสิทธิ์แฟรนไชส์ Carrols ร้านอาหารแบบ drive-in ในเขต New York ปัจจุบันบริษัทมีกิจการร้าน Burger King มากกว่า 700 สาขา อันดับที่5: Manna Louisville รัฐ Kentucky Wendy’s และ Chili’s รายได้: 814 ล้านเหรียญ Ulysses “Junior” Bridgeman อดีตนักบาสเกตบอลสร้างความมั่งคั่งจากธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดและขึ้นแท่นติดอันดับนักกีฬาเกษียณที่ทำเงินสูงสุดของ FORBES ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Coca-Cola ประกาศว่าเพิ่งเซ็นสัญญาตกลงให้ Bridgeman เป็นผู้บรรจุขวดเครื่องดื่ม อันดับที่6: Summit Restaurant Group Richardson รัฐ Texas IHOP และ Applebee’s รายได้: 756 ล้านเหรียญ ผู้ถือสิทธิ์แฟรนไชส์รายใหญ่สุดของ IHOP ทั้งนี้ Summit Restaurant Group ถือครองโดย Argonne Capital อันดับที่7: MUY! Cos. San Antonio รัฐ Texas Pizza Hut และ Wendy’s รายได้: 631 ล้านเหรียญ MUY! COS. เป็นเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ที่บริหารร้านเองรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และยังเป็นผู้ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารภายใต้เครือ Yum Brands รายใหญ่ อันดับที่8: Covelli Enterprises Warren รัฐ Ohio Panera Bread และ Dairy Queen รายได้: 624 ล้านเหรียญ Albert Covelli ซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์ร้าน McDonald’s ในปี 1959 ปัจจุบัน Sam ลูกชายของเขานั่งแท่นบริหารกิจการครอบครัวซึ่งตัดสินใจเปลี่ยนธุรกิจจาก McDonald’s มาเป็น Panera Bread และ DQ อันดับที่9: Yadav EnTerprises Fremont รัฐ California Jack in the Box และ T.G.I. Friday’s รายได้: 602 ล้านเหรียญ ผู้ก่อตั้ง Anil Yadav เคยเป็นพนักงานทอดอาหารที่ Jack in The Box ในช่วงวัยรุ่น ปัจจุบัน Yadav Enterprises กลายเป็นผู้ถือแฟรนไชส์รายสำคัญของเครือร้านอาหารแห่งนี้ อันดับที่10: Sun Holdings รัฐ Dallas Burger King และ Popeyes รายได้: 559 ล้านเหรียญ Guillermo Perales ผู้ก่อตั้งและ CEO เป็นผู้อพยพชาวเม็กซิกันซึ่งเริ่มต้นด้วยการเป็นเจ้าของกิจการร้าน Golden Corral เพียงหนึ่งสาขาในปี 1997 เขานำพา Sun Holdings ขึ้นแท่นกลายเป็นเครือธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีเจ้าของเชื้อสายละตินรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ
คลิ๊กอ่านธุรกิจแฟรนส์ไชส์สหรัฐฯ ฉบับเต็ม "กำไรไซส์ใหญ่" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ November 2016 ในรูปแบบ e-Magazine