กูรูการเงินแห่ง Wall Street ลำดับที่ 31-40 - Forbes Thailand

กูรูการเงินแห่ง Wall Street ลำดับที่ 31-40

FORBES THAILAND / ADMIN
08 Oct 2016 | 11:31 AM
READ 2239
ตั้งแต่การธนาคาร ไปจนการเข้าซื้อกิจการ การซื้อขายไปจนการครอบงำกิจการ นักการเงินทั้ง 40 คนนี้เป็นเจ้าแห่งโลกการเงิน พวกเขามีตั้งแต่ผู้จัดการกองทุนบริหารความเสี่ยง ผู้บริหารกองทุนไพรเวทอิควิตี้ และนายธนาคารที่ควบคุมกระแสเงินหลายล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในระบบเศรษฐกิจโลก ที่ส่งผลกระทบต่อเราแทบทุกคนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ในการรวบรวมรายชื่อ เราพิจารณาผู้ที่ทำธุรกิจทั้งฝั่งซื้อและขายด้วยเงินจำนวนมาก ที่ Wall Street เงินเท่านั้นที่มีความหมาย ดังนั้น เราจึงตัดสินผู้เข้ารอบด้วยเกณฑ์ 4 ประการ ได้แก่ สินทรัพย์สุทธิ ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร ผลงานย้อนหลังสามปี และอิทธิพลที่มีต่อตลาด กูรูการเงินแห่ง Wall Street ลำดับที่ 31-40 ลำดับที่ 31: Paul Singer หน่วยงาน: Elliott Management ภูมิลำเนา: New York City สินทรัพย์สุทธิ: 2.2 พันล้านเหรียญ ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 2.7 หมื่นล้านเหรียญ ข้อตกลงหนี้ก้อนมหาศาลกับ Argentina ผู้จัดการกองทุนบริหารความเสี่ยงมีคำแนะนำไม่ให้เชื่อคำแนะนำ “จุดหักเหสำคัญในตลาดไม่เคยได้รับการทำนายล่วงหน้าอย่างแม่นยำโดย ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ และผู้กำหนดนโยบาย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะตลาดและทิศทางเศรษฐกิจไม่ใช่ปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่กำหนดรูปแบบได้ แต่เป็นตัวอย่างพฤติกรรมหมู่ของมนุษย์ ซึ่งไม่มีวันทำนายได้อย่างเที่ยงตรง” Singer ชี้ “แต่ที่น่าแปลกใจก็คือแม้แต่นักลงทุน นายหน้า หรือนักวิเคราะห์ที่เจนจัด กลับยังพึ่งพาการทำนายจากผู้ที่ไม่เคยมีประวัติว่าคาดการณ์ได้ถูกต้อง” ลำดับที่ 32: Brian Moynihan หน่วยงาน: Bank Of America ภูมิลำเนา: Charlotte, N.C. สินทรัพย์สุทธิ: 35 ล้านเหรียญ ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 2.2 ล้านล้านเหรียญ ทนายความประจำ Wall Street ผู้นี้รับมือกับปัญหาในยุควิกฤตของ Bank of America ด้วยการแจกเงินหลายหมื่นล้านเหรียญในรูปแบบการชำระค่าปรับและหนี้ “เราทำตามกลยุทธ์ในการลดขั้นตอน สร้างความแข็งแกร่งให้เงินทุนและสภาพคล่องของเรา ลงทุนในบริษัทและศักยภาพของเรา” เขากล่าว ตอนนี้ Moynihan กำลังตื่นเต้นกับอนาคตของธนาคาร “ผู้บริโภคชาวอเมริกันกำลังจับจ่ายและเราเห็นกิจกรรมทางธุรกิจที่สำคัญ เพราะฉะนั้นเราจึงวางตัวเองในจุดที่เหมาะสมเพื่อช่วยกระตุ้นภาคเศรษฐกิจจริง” ลำดับที่ 33: Uday Kotak หน่วยงาน: Kotak Mahindra Bank ภูมิลำเนา: Mumbai สินทรัพย์สุทธิ: 7.1  พันล้านเหรียญ ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 3.46 หมื่นล้านเหรียญ มหาเศรษฐีขาวอินเดียทำเงินจากการปล่อยกู้ให้กับประชากรจำนวนมหาศาลใน Mumbai และ Delhi เขาเชื่อว่าการลงทุนในอินเดียก็เหมือนภาพยนตร์ Bollywood ยาวแต่จบแบบมีความสุขชั่วนิรันดร ลำดับที่ 34: Pollyanna Chu หน่วยงาน: Kingston Securities ภูมิลำเนา: Hong Kong สินทรัพย์สุทธิ: 3.8 พันล้านเหรียญ ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 2 พันล้านเหรียญ ประสบความสำเร็จอย่างดีกับเดิมพันที่บ้านเกิดของเธอคือ ฮ่องกง Kingston Securities ได้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงทางการค้าใหม่กับจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งสามารถดึงดูดนักลงทุนชาวจีนที่กำลังเสียขวัญมายังตลาดฮ่องกง ลำดับที่35: Yngve Slyngstad หน่วยงาน: Norwegian Sovereign Wealth Fund ภูมิลำเนา: Oslo สินทรัพย์สุทธิ: 3 ล้านเหรียญ ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 8.689 แสนล้านเหรียญ แม้ว่ากองทุนบำนาญที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะให้ผลตอบแทนแค่ 2.7% ในปี 2015 Slyngstad ยังไม่ถอยทัพไปไหน “เราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมการขาย และผมไม่คิดว่าเราจะทำ” เขากล่าวระหว่างการนำเสนอครั้งหนึ่งเมื่อหุ้นตกในช่วงฤดูหนาว ลำดับที่36: Andrew Beal หน่วยงาน: Beal Bank ภูมิลำเนา: Dallas สินทรัพย์สุทธิ: 1.05 หมื่นล้านเหรียญ ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 7 พันล้านเหรียญ เช่นเดียวกับในช่วงก่อนเกิดวิกฤตการเงิน Beal พยายามควบคุมการปล่อยกู้ของธนาคารเพราะเป็นกังวล “ตลาดทุนตลาดเงินของโลกกลายมาเป็นสนามเด็กเล่นสำหรับนักวิชาการธนาคารกลางหลายๆ แห่งในโลก พวกเรารู้ดีว่าตลาดที่รัฐบาลควบคุมจะเป็นยังไงในท้ายที่สุด” Beal กล่าว “มันเป็นอุบายลวงโลกที่เล่นกับความไว้เนื้อเชื่อใจของเรา ซึ่งมักจะลงเอยแบบเดียวกัน ก็คือการสูญเสียความไว้ใจ” ลำดับที่37: Robert Smith หน่วยงาน: Vista Equity Partners ภูมิลำเนา: Austin, Tex. สินทรัพย์สุทธิ: 2.5 พันล้านเหรียญ ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 2 หมื่นล้านเหรียญ นักลงทุนกองทุนไพรเวทอิควิตี้ผู้นี้ยังจดจ่อกับการลงทุนในซอฟต์แวร์ “การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 กำลังเกิดขึ้นแล้ว และเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก” Smith บอก “มันขึ้นอยู่กับความสามารถของบริษัทในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลซึ่งถูกดักได้จากการปฏิสัมพันธ์แบบ Real-time ที่กำลังเกิดขึ้นในเครือข่ายของลูกค้าของบริษัทเหล่านั้น” สำหรับ Smith กุญแจสำคัญสำหรับนักลงทุนก็คือเลือกสรรผู้บริหารที่เข้าใจในพลวัตของข้อมูลขนาดใหญ่ และสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และแนวทางธุรกิจแบบรู้คิด (Cognitive solution) ที่มีพื้นฐานจากการวิเคราะห์ ลำดับที่38: Joseph Safra หน่วยงาน: Safra Group ภูมิลำเนา:  Sao Paulo สินทรัพย์สุทธิ: 1.72 หมื่นล้านเหรียญ ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 1.5 แสนล้านเหรียญ บริษัทบริหารสินทรัพย์ของนายธนาคารที่รวยที่สุดในโลกกำลังเรียกร้อง “กฎเกณฑ์การลงทุนที่ยืดหยุ่นกว่านี้” สำหรับปี 2016 โดยกล่าวว่า “ตลาดหุ้นจะถูกบดบังด้วยความเสี่ยงและความไม่แน่นอนทางการเมือง” Safra เองก็กำลังเจอกับความไม่แน่นอนและกำลังเจอข้อกล่าวหาคอร์รัปชันในบราซิล Safra Group ระบุว่าข้อกล่าวหานี้ไม่มีมูล ลำดับที่39: David Booth หน่วยงาน: Dimensional Fund Advisors ภูมิลำเนา: Austin, Tex. สินทรัพย์สุทธิ: 1.4 พันล้านเหรียญ ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 4.09 แสนล้านเหรียญ หลายสิบปีแล้วที่ Booth สนใจในงานของ Eugene Fama นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัล Nobel และ Kenneth French คู่หูของเขา ทั้งคู่เป็นผู้บริหารที่ Dimensional Fund Advisors ผลงานวิจัยสรุปว่า ตลาดมีประสิทธิภาพ หุ้นที่เน้นคุณค่า โดยมากจะมีผลการดำเนินงานโดดเด่นกว่าหุ้นที่เน้นการเติบโตและบริษัทเล็กจะมีผลประกอบการดีกว่าบริษัทใหญ่ ลำดับที่40: James Coulter หน่วยงาน: TPG Capital ภูมิลำเนา: San Francisco สินทรัพย์สุทธิ:  2.1 พันล้านเหรียญ ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 7 หมื่นล้านเหรียญ ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งและผู้นำดาวรุ่งของหนึ่งในบริษัทกองทุนไพรเวทอิควิตี้ที่ใหญ่ที่สุด Coulter ต้องการทดสอบแนวคิดใหม่ๆ “การเป็นผู้นำหมายถึงความสามารถในการปรับตัวได้ ตลอดจนมีทักษะและความเชื่อมั่นที่จะประสบความสำเร็จในตลาดใหม่ๆ” เขาบอก “ทุกวันนี้ เราขยายเป้าหมายไปยังเหล่าบริษัทที่เรียกว่า Disruptor (บริษัทน้องใหม่ที่สร้างความท้าทายแก่อุตสาหกรรมโลก – ผู้เรียบเรียง) อย่าง Airbnb และ Uber รวมถึงสินเชื่อขนาดย่อมในอินเดียและศรีลังกา หนี้มีปัญหาใน Puerto Rico และอิตาลี ตลอดจนธุรกิจบริการเนื้อหาอย่าง Cirque de Soleil, Creative Artists Agency และ STX กูรูการเงินแห่ง Wall Street ลำดับที่ 1-10 กูรูการเงินแห่ง Wall Street ลำดับที่ 11-20 กูรูการเงินแห่ง Wall Street ลำดับที่ 21-30
คลิ๊กอ่านการจัดอันดับ "กูรูการเงินแห่ง Wall Street" ฉบับเต็ม ได้ที่ Fobes Thailand Magazine ฉบับ AUGUST 2016