ตั้งแต่การธนาคาร ไปจนการเข้าซื้อกิจการ การซื้อขายไปจนการครอบงำกิจการ นักการเงินทั้ง 40 คนนี้เป็นเจ้าแห่งโลกการเงิน พวกเขามีตั้งแต่ผู้จัดการกองทุนบริหารความเสี่ยง ผู้บริหารกองทุนไพรเวทอิควิตี้ และนายธนาคารที่ควบคุมกระแสเงินหลายล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในระบบเศรษฐกิจโลก ที่ส่งผลกระทบต่อเราแทบทุกคนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ในการรวบรวมรายชื่อ เราพิจารณาผู้ที่ทำธุรกิจทั้งฝั่งซื้อและขายด้วยเงินจำนวนมาก ที่ Wall Street เงินเท่านั้นที่มีความหมาย ดังนั้น เราจึงตัดสินผู้เข้ารอบด้วยเกณฑ์ 4 ประการ ได้แก่ สินทรัพย์สุทธิ ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร ผลงานย้อนหลังสามปี และอิทธิพลที่มีต่อตลาด
กูรูการเงินแห่ง Wall Street ลำดับที่ 11-20
ลำดับที่11: Ray Dalio
หน่วยงาน: Bridgewater Associates
ภูมิลำเนา: Greenwich, Conn.
สินทรัพย์สุทธิ: 1.56 หมื่นล้านเหรียญ
ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 1.5 แสนล้านเหรียญ
ผู้ก่อตั้งบริษัทกองทุนบริหารความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในโลกมองไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมจะต้องเกิดวิกฤตหนี้และเศรษฐกิจแบบปี 2008 อีก “ยังไงก็ตาม เมื่อปริมาณหนี้มาก จึงยากที่นโยบายการเงินจะเอื้อต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ผลตอบแทนที่คาดหมายจากสินทรัพย์ในการลงทุนก็ไม่เพียงพอจะนำมาใช้หนี้ ผมคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะชะงักงันไปอีกพักใหญ่ โดยที่ตลาดจะผันผวนแต่ไม่มากนัก ดังเช่นที่ญี่ปุ่นตลอด 20 ปีที่ผ่านมา” Dalio กล่าว “ผมยังคาดด้วยว่า ผลิตภาพจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากฐาน big data และจักรกลอัจฉริยะ และมันจะนำไปสู่การที่คนถูกแทนที่โดยเครื่องจักร อันจะทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนที่กว้างอยู่แล้วขยายขึ้นอีก”
ลำดับที่12: Abigail Johnson
สังกัด: Fidelity Investments
ภูมิลำเนา: Milton, Mass.
สินทรัพย์สุทธิ: 1.54 หมื่นล้านเหรียญ
ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 2 ล้านล้านเหรียญ
รับตำแหน่งบอสใหญ่ของกองทุนรวมขนาดยักษ์เมื่อปี 2014 Johnson สนับสนุนแนวทางการบริหารกองทุนเชิงรุกอันเป็นกลยุทธ์ของ Fidelity แม้กองทุนที่บริหารเชิงรับจะเป็นที่นิยมอย่างมาก ไม่นานมานี้ เริ่มมีโฆษณาบอกเล่า “พลังของการบริหารเชิงรุก” ในระยะยาว โดยบรรดาผู้จัดการกองทุนชื่อดัง
ลำดับที่13: Jorge Paulo Lemann
สังกัด: 3G Capital
ภูมิลำเนา: Zurich
สินทรัพย์สุทธิ: 3.06 หมื่นล้านเหรียญ
ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 3.23 หมื่นล้านเหรียญ
บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของบราซิลมีความชื่นชอบในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มชื่อดังเป็นพิเศษ และมักจะรีดกำไรจากบริษัทเหล่านั้นด้วยการลดต้นทุนแบบหักดิบ เดิมพันใหญ่ๆ มีทั้ง Restaurant Brands International เจ้าของ Burger King รวมทั้ง Heinz เขายังควบกิจการระหว่าง Anheuser-Busch InBey และ SABMiller ด้วย
ลำดับที่:14 John Stumpf
สังกัด: Wells Fargo
ภูมิลำเนา: San Francisco
สินทรัพย์สุทธิ: 200 ล้านเหรียญ
ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 1.8 ล้านล้านเหรียญ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาด กล่าวในที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีเมื่อเร็วๆ นี้ว่าอัตราดอกเบี้ยอาจอยู่ในระดับต่ำไปนานกว่าที่ใครๆ คาดคิด เพิ่มแรงกดดันในการทำกำไรที่ธนาคารส่วนใหญ่กำลังเผชิญ
ลำดับที่15: John Grayken
สังกัด: Lone Star Funds
ภูมิลำเนา: London
สินทรัพย์สุทธิ: 6.3 พันล้านเหรียญ
ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 6.4 หมื่นล้านเหรียญ
หนึ่งในนักลงทุนทรัพย์สินด้อยคุณภาพ (Distressed assets) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ Greyken เชื่อในการซื้อสินทรัพย์ราคาถูกและขายอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทุกวันนี้เขาใช้เวลาส่วนใหญ่มองหาดีลดีๆ ในยุโรป
ลำดับที่16: Steven Cohen
สังกัด: Point72 Asset Management
ภูมิลำเนา: Greenwich รัฐ Conn.
สินทรัพย์สุทธิ: 1.27 หมื่นล้านเหรียญ
ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 1.1 หมื่นล้านเหรียญ
บริษัทของ Cohen บริหารเฉพาะทรัพย์สินส่วนตัวของเขา เขาเชื่อในการกระจายความเสี่ยงของสินทรัพย์ผ่านผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน 350 คน ที่ Point72 พนักงานของเขาแบ่งการทำงานเป็นทีมตามหมวดอุตสาหกรรม
ลำดับที่17: James Simons
สังกัด: Renaissance Technlogies
ภูมิลำเนา: East Setauket, N.Y.
สินทรัพย์สุทธิ: 1.55 หมื่นล้านเหรียญ
ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 2.9 หมื่นล้านเหรียญ
แม้จะเกษียณจากบริษัทกองทุนบริหารความเสี่ยงที่ใช้คอมพิวเตอร์ตัดสินใจแทนคน หรือ Quantitative Hedge Fund ที่สร้างมากับมือSimons ยังมีอิทธิพลต่อเทรดเดอร์ที่ใช้คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์และข้อมูลในการจับทิศทางตลาด “วันหนึ่งๆ เรารับข้อมูลมหาศาล” Simons กล่าวในการให้สัมภาษณ์ที่งาน TED เมื่อปีกลาย “คุณมองหาความผิดปกติ ความผิดปกติหนึ่งอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ถ้าคุณมีข้อมูลเพียงพอ คุณจะบอกได้ว่ามันไม่บังเอิญ”
ลำดับที่18: Leon Black
สังกัด: Apollo Global Management
ภูมิลำเนา: New York City
สินทรัพย์สุทธิ: 4.8 พันล้านเหรียญ
ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 1.7 แสนล้านเหรียญ
Apollo ขึ้นชื่อในเรื่องความสามารถในการกดราคาสินทรัพย์กับผู้ขาย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ บริษัทซื้อหุ้นตัวเองกลับคิดเป็นมูลค่า 250 ล้านเหรียญ ในราคาที่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาถึง 50% “เราไม่คิดว่าราคาหุ้นบริษัทในปัจจุบันสะท้อนความแข็งแกร่งของโมเดลธุรกิจ ตลอดจนโอกาสในการเติบโตของเรา” Black กล่าว ตั้งแต่นั้นราคาหุ้นของ Apolla ขยับขึ้น 25% เท่ากับว่าการเดิมพันกับตัวเองครั้งนี้ส่งผลดีกับบริษัท และมีกองทุนไพรเวทอิควิตี้หลายแห่งทำตาม
ลำดับที่: 19 James Gorman
สังกัด: Morgan Stanley
ภูมิลำเนา: New York City
สินทรัพย์สุทธิ: 50 ล้านเหรียญ
ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 8.07 แสนล้านเหรียญ
Gorman ปรับขบวนทัพให้ Morgan Stanley หลังเกือบล้มละลายในช่วงวิกฤต “เราผ่านมาตั้งแต่ช่วงอ่อนแอ ได้รับการเยียวยา จนกลับมายืนได้อย่างมั่นคง ตอนนี้เรากำลังเข้าสู่ยุคของการเติบโต” Gorman กล่าว ธุรกิจด้านบริหารความมั่งคั่งที่มั่นคงช่วยปกป้องบริษัทจากเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงต้นปี 2016 “ในสภาวะแวดล้อมที่ยากลำบาก เรายังยืนหยัดอยู่ได้ ถือว่าเป็นเรื่องดีมาก” Gorman ชี้ เขาวางแผนจะนำเงิน 1.5 แสนล้านเหรียญ ที่ลูกค้านำมาลงทุน ไปปล่อยกู้ให้กับลูกค้าสินทรัพย์สูง
ลำดับที่: 20 Jonathan Gray
สังกัด: Blackstone Group
ภูมิลำเนา: New York City
สินทรัพย์สุทธิ: 1.5 พันล้านเหรียญ
ทรัพย์สินภายใต้การบริหาร: 1.01 แสนล้านเหรียญ
ชายผู้นี้บริหารการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เขากล่าวว่าวัฏจักรค่อนข้างสุกงอมแล้ว แต่ก็ยังเร็วไปที่จะบอกว่ามันยุติแล้ว “อุปทานและอุปสงค์ยังเอื้อต่อสหรัฐฯ ขณะที่เศรษฐกิจเติบโตร้อยละ 2 อุปทานใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นว่าอะไรๆ เริ่มปรับตัวขึ้นทั้งค่าเช่า อัตราการจับจอง และกระแสเงินสด” Gray กล่าว เขามักมองหาส่วนที่อุปทานเป็นลบมากๆ อย่างเช่นบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยว ซึ่งการปริมาณการก่อสร้างใหม่ยังต่ำกว่าอุปสงค์ด้านประชากร
กูรูการเงินแห่ง Wall Street ลำดับที่ 1-10
กูรูการเงินแห่ง Wall Street ลำดับที่ 21-30
คลิ๊กอ่านการจัดอันดับ "กูรูการเงินแห่ง Wall Street ลำดับที่ 11-20" ฉบับเต็ม ได้ที่ Fobes Thailand Magazine ฉบับ AUGUST 2016