เมื่อ Shein แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นยักษ์ใหญ่จีนบุกสหรัฐฯ - Forbes Thailand

เมื่อ Shein แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นยักษ์ใหญ่จีนบุกสหรัฐฯ

ยามยักษ์ใหญ่แห่งวงการแฟชั่นต้องเผชิญการตรวจสอบครั้งใหม่จากผู้ดูแลกฎระเบียบ เจ้าหน้าที่จาก Kelley School of Business แห่ง Indiana University (IU) ปฏิเสธที่จะชี้แจงถึงสาเหตุที่ตัดสัมพันธ์กับทางแบรนด์ที่เคยเรียกว่า “เกิดมาเพื่อกันและกัน” อย่างกะทันหัน


    เมื่อเดือนมีนาคม 2022 โรงเรียนธุรกิจ Kelley School of Business แห่งมหาวิทยาลัย Indiana University ในสหรัฐอเมริกาประกาศจับมือกับ Shein แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นยักษ์ใหญ่จากจีน

    นักศึกษาจะได้เรียนรู้การทำงานของบริษัทและเข้าถึงผู้บริหาร ขณะทำงานวิจัยให้กับบริษัทไปด้วย นอกจากนี้ Shein ก็จะถือโอกาสจ้างคนมีความสามารถไปทำงานด้วยได้ เช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ ที่ทางโรงเรียนเป็นพันธมิตรด้วย เช่น Macys และ The Home Depot

    การจับมือเป็นพันธมิตรกับมหาวิทยาลัยสัญชาติอเมริกันครั้งแรกของ Shein มาในจังหวะเวลาอันเหมาะสม รัฐอินเดียน่าถูกวางไว้เป็นที่ตั้งโกดังแห่งแรกในสหรัฐฯ ของ Shein ซึ่งมีกำหนดเปิดช่วงปลายปี 2022 พร้อมความคาดหวังที่จะสร้างงานใหม่ 850 ตำแหน่ง

    มีข่าวประชาสัมพันธ์เผยว่าพันธมิตรในครั้งนี้เป็นเพราะพวกเขา “เกิดมาเพื่อกันและกัน” ทั้งยังมีการเน้นเรื่อง “การเติบโตของเศรษฐกิจที่ Shein นำมาสู่อินเดียน่า” ทว่าหลังจากนั้นไม่กี่เดือน ทางมหาวิทยาลัยกลับยกเลิกข้อตกลงอย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครทราบเหตุผล ข่าวประชาสัมพันธ์บนเว็บไซต์ของ Kelley ถูกลบออกไป และทางโรงเรียนก็ไม่เคยออกมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น

    “ฉันไม่คิดว่าจะมีใครรู้เรื่องข้อตกลงนั่น” Mary Embry อาจารย์อาวุโสด้านการบริหารผลิตภัณฑ์จากโรงเรียนศิลปะ สถาปัตยกรรม และการออกแบบ Eskenazi School พี่น้องในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกับ Kelley บอกกับ Forbes แต่เธอชี้ว่าเสื้อผ้าของ Shein นั้น “ผิดหลักจริยธรรม” และ “ฉันคิดว่า Kelley เฉียบมากที่เลือกจะปล่อยพวกเขาไปตามยถากรรม”

    ประเด็นถกเถียงอยู่คู่ Shein มาหลายปีตั้งแต่ทางบริษัทก้าวขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่มูลค่า 6.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ แข่งขันกับแบรนด์ฟาสต์แฟชั่น H&M และ Zara ด้วยราคาถูกเหลือเชื่อ Shein ยังถูกโจมตีจากข้อกล่าวหาเรื่องความไม่ยั่งยืนและการใช้แรงงานไม่เป็นธรรม

    องค์กรด้านสิ่งแวดล้อม Greenpeace ออกมาทุบโมเดลธุรกิจของ Shein โดยบอกว่าทางบริษัท “ขับเคลื่อนด้วยการผลาญทรัพยากรอันมีค่าของโลก ทั้งยังกอบโกยผลประโยชน์จากสิ่งแวดล้อมและมนุษย์”

 บรรจุภัณฑ์เสื้อผ้า Shein จากโรงงานในจีน


    ในปี 2022 ทางบริษัทถูกกล่าวหาว่าใช้ฝ้ายจากเขตซินเจียง สถานที่ซึ่งทางการสหรัฐฯ กล่าวว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์โดยรัฐบาลจีน

    Shein ยังถูกฟ้องอีกหลายต่อหลายครั้งเรื่องการขโมยผลงานออกแบบเสื้อผ้า เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รายงานจากคณะกรรมการสภาคองเกรสชี้ว่าทางบริษัทใช้วิธีการที่หลบเลี่ยงภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ “อย่างหนัก” และจงใจตั้งราคาต่ำ

    George Vlahakis โฆษกโรงเรียนธุรกิจ Kelley เผยกับ Forbes ผ่านถ้อยแถลงทางอีเมลว่าทางสถาบัน “มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบริษัท” แล้วจึง “ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์”

    Vlahakis เสริมว่าทั้งเขาและ John Talbott ผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาและวิจัยด้านค้าปลีกทั้งยังเป็นอดีตผู้มีบทบาทสำคัญในข้อตกลง “ไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับประเด็นนี้นอกเหนือจากที่กล่าวมาในถ้อยแถลงการณ์”

    Shein ไม่ได้ตอบคำถามทางอีเมลที่ Forbes ส่งไป ในถ้อยแถลงที่ได้รับจาก Angela Tucciarone โฆษกของบริษัท ทาง Shein ปฏิเสธจะอธิบายเหตุผลการยกเลิกข้อตกลงกับทางมหาวิทยาลัย

    “Shein หมั่นทบทวนพิจารณาพันธมิตรที่ยังคงร่วมมือกันอย่างสม่ำเสมอ และสัญญาที่มีกับ Indiana University เมื่อปีที่แล้วก็มอบบทเรียนล้ำค่าให้กับเรา ขณะที่เรายังคงขยับขยายความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่างๆ” ทางบริษัทเขียนไว้ในถ้อยแถลง

    อย่างไรก็ตาม Shein ได้ “บริจาคเงินแก่มูลนิธิ Indiana University Foundation และให้ทุนสนับสนุนโรงเรียนธุรกิจ Kelley ในการศึกษาวิจัย” ทางบริษัทปฏิเสธที่จะระบุจำนวนเงิน

    Shein ยังยืนยันกับ Forbes แบบเดียวกับที่เคยบอกกับ CNN ว่า พวกเขาไม่มีการจัดหาวัสดุจากเขตซินเจียง และจะยกระดับมาตรฐานโรงงานวัสดุต่างๆ ให้ดีขึ้น นอกจากนี้เพื่อตอบรับคำวิจารณ์ว่าด้วยความยั่งยืน เมื่อปี 2022 ทางบริษัทรับปากจะลดการปล่อยคาร์บอนจากกระบวนการดำเนินงานลงให้ได้ 25% ภายในปี 2030

    หลังความเป็นพันธมิตรกับ Kelley จบลงในเดือนมิถุนายน 2022 ศาสตราจารย์ Kyle Anderson จากโรงเรียนธุรกิจดังกล่าวก็เผยแพร่รายงาน 16 หน้าบนเว็บไซต์ Shein ซึ่งเปิดเผยผลประโยชน์ที่ทางบริษัทจะนำมาสู่เมือง Whitestown ในพื้นที่ Boone County อันเป็นที่ตั้งของโกดัง ทั้งสร้างงาน 1,000 ตำแหน่งในปีแรก และสร้าง “มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของรัฐ” ถึง 175 ล้านเหรียญต่อปี โดย Chuck Cornwell ผู้จัดการทั่วไปด้านทรัพยากรของ Shein เป็นผู้เขียนคำนำ แสดงออกถึงความซาบซึ้งใจต่อ “บรรดาพันธมิตรแห่งอินเดียน่า”

    Anderson บอก Forbes ว่าเขา “ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้านอื่นในความสัมพันธ์ระหว่าง Shein และ IU” และ “ไม่มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการตัดสินใจยุติความสัมพันธ์”

    อีกด้านหนึ่ง Chapin Faye โฆษกจากกลุ่มต่อต้านนาม Shut Down Shein เผยกับ Forbes ว่ากลุ่มของเราได้ให้ข้อมูลกับสมาชิกรัฐสภาคองเกรสเมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับการดำเนินงานของ Shein แต่เขาไม่รู้ว่าโรงเรียนธุรกิจ Kelley ได้ร่วมมือและบอกเลิกกับ Shein ไปเมื่อปีที่ผ่านมา

    “ผมพนันว่าเจ้าหน้าที่บริหารของมหาวิทยาลัยบางคนคงไม่รู้ว่า Shein กำลังทำอะไรอยู่” Faye กล่าว

    บริษัทสัญชาติจีนรายนี้รุกเข้าสู่ตลาดอเมริกันมากขึ้น พวกเขาจึงถือโอกาสสร้างเสน่ห์ (Charm Offensive) เร็วๆ นี้ Shein ได้พาอินฟลูเอนเซอร์ที่เกี่ยวข้องกับแฟชั่นจำนวนมากมาดูโรงงานในประเทศจีน ซึ่งตามมาด้วยผลสะท้อนกลับในมุมมองที่ว่า อินฟลูเอนเซอร์และนายแบบนางแบบบนโลกโซเชียลของอเมริกาถูก Shein ใช้เป็นหน้าม้า

    ในการตอบโต้ประเด็นพาคนเดินทางไปจีนเมื่อไม่นานมานี้ ทางบริษัทเขียนคำแถลงส่งไปยังสำนักข่าว NBC News โดยมีเนื้อหาว่า “เรากำลังพยายามนำเสนอความโปร่งใสเกี่ยวกับโมเดลธุรกิจเน้นตอบสนองความต้องการ (On-Demand) และการดำเนินงานต่างๆ ของเราอย่างต่อเนื่อง”

    อย่างไรก็ตาม Shein ยังคงพุ่งเป้าไปยังมหาวิทยาลัย เมื่อฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา ทางบริษัทประกาศโครงการมอบทุนการศึกษา ณ Fashion Institute of Design & Manufacturing ที่ตั้งอยู่ในเมืองลอสแองเจลีสแก่นักศึกษา 12 คน คนละ 40,000 เหรียญ

    “กลุ่มเป้าหมายหลักในตลาดของ Shein คือ Gen Z” Sheng Lu ศาสตราจารย์ด้านการศึกษาแฟชั่นและเครื่องแต่งกายแห่ง University of Delaware ซึ่งเคยศึกษาการทำงานของ Shein บอก Forbes “พวกเขาอาจรู้สึกว่าการมีพันธมิตรเป็นมหาวิทยาลัยอาจช่วยให้ดูดีในสายตาลูกค้ามากขึ้น”

    อย่างไรก็ตาม นักศึกษาที่ Kelley รู้สึกต่างออกไป Layne Beason ผู้จบการศึกษาจากโรงเรียนธุรกิจแห่งนี้ในปี 2020 เผยกับ Forbes ว่าเธอผิดหวังที่ทางสถาบันพิจารณาการเข้าร่วมข้อตกลงกับ Shein ด้วยทางแบรนด์มีประเด็นโต้แย้งต่างๆ มากมาย

    “ตลอดชีวิตของฉันถูกพร่ำพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าคุณค่าของปริญญาขึ้นอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นในสถาบันการศึกษา” Beason กล่าว “ปริญญาของฉันก็หนักแน่นแค่เท่ากับสิ่งที่ Kelley กำลังทำอยู่ตอนนี้”

เวิร์คชอปของ Kelley School of Business


    เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนข่าวคราวความร่วมมือจะแพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียนธุรกิจ Kelley และชุมชนศิษย์เก่า Beason เป็นสมาชิกกลุ่มที่เริ่มออกมาพูดเกี่ยวกับข้อมูลทั้งหมดว่าด้วยการที่บริษัท “ฟาสต์แฟชั่น” ทำงานอย่างใกล้ชิดกับทางโรงเรียน

    “เราถูกสอนกันที่ IU ว่า #fastfashion ไม่มีวันยั่งยืน” Beason เขียนลงบน LinkedIn “บริษัทฟาสต์แฟชั่นทั้งหลายต่างเลือกทางลัดตัดคุณภาพ ทำให้เสื้อผ้ามากมายต้องจบลงในถังขยะ หรือไม่พวกเขาก็จ่ายค่าแรงคนงานน้อย เอาเปรียบคนงาน ซึ่ง Shein เป็นที่รู้จักกันว่าทำทั้งหมดที่กล่าวมา”

    

สภานักศึกษา Kelley เองก็ไม่ค่อยยินดีกับการจับมือครั้งนี้

    

    “Shein ขาดความโปร่งใส และการปฏิเสธจะพูดคุยกับประชากรนักศึกษาของ Kelley เป็นเรื่องน่ากังวลอย่างยิ่ง” Chase Wampler ประธานสภานักศึกษาพร้อมด้วย Ajith Amba รองประธานนักศึกษาของโรงเรียนธุรกิจ Kelley ณ ขณะนั้นเผยแพร่แถลงการณ์บน Instagram “หาก Shein ยังยืนกรานจะยกระดับความสัมพันธ์กับ Kelley ก็ต้องพัฒนาสู่ความยั่งยืนและมีความโปร่งใสในการดำเนินงาน”

    Wampler บอกกับ Forbes ว่า แม้เขาจะดีใจที่มีการยุติความร่วมมือในครั้งนี้ เขากลับไม่สบายใจที่ไม่รู้จุดจบของเรื่องนี้เลยกระทั่งกลับมายังวิทยาเขตเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปี 2022

    “มันเป็นปัญหาชัดเจน และผมก็ผิดหวังที่พวกเขาไม่ให้นักศึกษาและผู้ถือหุ้นมีส่วนร่วมในกระบวนการ” เขากล่าว



    แปลและเรียบเรียงจากบทความ Indiana s Top Business School Proudly Partnered With Shein, Then Quietly Cut Ties ซึ่งเผยแพร่บน Forbes.com


    อ่านเพิ่มเติม : สวีเดนสร้างเมืองจากไม้ ใหญ่ที่สุดในโลก

    ​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine