Bruno Mars 'ร่ำรวยแบบอิสระ' ไร้สังกัด - Forbes Thailand

Bruno Mars 'ร่ำรวยแบบอิสระ' ไร้สังกัด

เมื่อยุคสมัยของอุตสาหกรรมเพลงเปลี่ยนแปลง เหล่าศิลปินนักร้องจึงต้องปรับตัวก้าวให้ทันเทคโนโลยี รวมถึงรูปแบบการทำงานและการเข้าถึงแฟนเพลงก็ยังทำให้ต้องปรับตัวแตกต่างไปจากเดิม การหันมาสร้างสรรค์ผลงานแบบศิลปินอิสระจึงน่าจะตอบโจทย์ศิลปินนักร้องคนดัง อย่าง Bruno Mars มากกว่า เห็นได้จากความร่ำรวยของเขาที่พุ่งเกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังไร้สังกัด


    ย้อนกลับไปดูจากกำหนดการตารางทัวร์คอนเสิร์ต 24K Magic Tour ของ Bruno Mars ที่เกิดขึ้นในปี 2017 ระหว่างการแสดงคอนเสิร์ตอยู่ที่ Madison Square Garden เขากลับไม่รู้สึกกระตือรือร้นที่จะแต่งตัวในการขึ้นโชว์คอนเสิร์ตเลย แต่เลือกที่จะสวมใส่เพียงรองเท้าผ้าใบ sneakers กางเกงขาสั้น และเสื้อเบสบอลสีพาสเทลที่มีคำว่า “HOOLIGANS” โชว์อยู่ด้านหน้า โดยมีพลุดอกไม้ไฟเสียงดังกระหึ่มขนาดใหญ่ท่ามกลางเหล่าฝูงชนแฟนเพลงที่มารอชมเขาแบบแน่นขนัด ซึ่งถ้าใครได้ยืนอยู่ใกล้เวทีในระยะประชิดแบบ 200 ฟุต ก็น่าจะรู้สึกและสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุของเปลวไฟ และแม้แต่ตัวของ Mars เองยังบอกกับทีมงาน Forbes ในการสัมภาษณ์ครั้งล่าสุดที่ผ่านมาด้วยว่า “เราต้องกล้าเข้าไว้ อย่าไปกลัว”


ตัวเลขสวย รายได้งาม หลังไร้สังกัด

    นักร้องดังเจ้าของเพลง “Uptown Funk" ที่ร้องฟีเจอร์ริ่งกับ Mark Ronson ปิดฉากเพลงนี้ลงได้อย่างสวยงามด้วยกระแสเพลงฮิตในนิวยอร์กและยังมียอดวิวใน YouTube สูงถึง 4.7 พันล้านครั้ง ส่งผลให้เพลงนี้ฮอตฮิตติดอันดับท็อปเท็นตลอดกาล นอกเหนือจากการเป็นหนึ่งในศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแวดวงดนตรีแล้ว Mars ยังเป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีชื่อเสียงซึ่งไม่ตอบสนองต่อผู้จัดการศิลปินแบบดั้งเดิมอีกต่อไป เขาเลือกที่จะดูแลรับงานในอาชีพของตัวเองได้อย่างอิสระนับตั้งแต่ปี 2016

   การเลือกที่จะไม่พึ่งพาผู้จัดการศิลปินในรูปแบบเดิมของนักร้องดังวัย 37 ปี สร้างผลตอบแทนแก่เขาชัดเจนมากยิ่งขึ้น Mars มียอดการสตรีมมิ่งรวมแล้วมากกว่า 1 พันล้านครั้งในปี 2017 และยังคว้าถึง 6 รางวัลจากเวทีแกรมมี่ การแสดงทัวร์คอนเสิร์ต Magic Tour 24k ของเขานับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2017-ธันวาคม 2018 สามารถทำเงินรายได้สูงถึง 367 ล้านเหรียญ และยังทำให้เขามีรายได้ก่อนหักภาษีมากกว่า 100 ล้านเหรียญ ส่งผลให้เขาติดอยู่ในอันดับที่ 11 ของลิสต์รายชื่อจาก Celebrity 100 List Of The World is Highest-Paid Entertainers list ซึ่งจัดอันดับโดย Forbes ในปี 2018

    ด้าน Billboard Boxscore ได้รายงานตัวเลขรายได้ของ Mars ณ เดือนสิงหาคม 2021 ที่ผ่านมาว่า การแสดงคอนเสิร์ตที่ลาสเวกัสสร้างรายได้ให้เขามากกว่า 53 ล้านเหรียญ และจากข้อมูลรายได้ความมั่งคั่งของคนดังฮอลลีวูด Bruno Mars มีรายได้สุทธิในปี 2022 อยู่ที่ 175 ล้านเหรียญ และยังคว้ารางวัล Grammy Awards 2022 มาได้ถึง 4 รางวัล ซึ่งหากนับรวมรางวัลจากเวทีทั้งหมดนั้น Mars กวาดรางวัลมาแล้วนับตั้งแต่ปี 2016 รวมทั้งสิ้นถึง 15 รางวัล

    ปัจจุบัน Mars ได้ร่วมโปรเจกต์เป็นคู่หูดูโอ้กับศิลปินมากความสามารถอย่าง Anderson. Paak ในนามว่า Silk Sonic นับตั้งแต่ปี 2021 ด้วยการปล่อยผลงานเพลงดังอย่าง Leave the door open ออกมาชิมลางเป็นเพลงแรก หลังจากนั้นจึงได้ปล่อยเพลงอื่นๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง



รายได้ถูกหัก ศิลปินต้องการเป็นอิสระ

    ข้อมูลรายได้หลังจากบริหารจัดการงานเองอย่างอิสระ เห็นได้ชัดเจนว่า Mars ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินส่วนแบ่งรายได้มากถึงร้อยละ 20 ให้กับการมีผู้จัดการดูแลศิลปิน แต่ทั้งนี้เขายังจำเป็นต้องพึ่งพาพนักงานที่ได้รับเงินเดือนแทน โดยมีค่าใช้จ่ายโดยประมาณไม่เกิน 6 หลัก ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวน่าจะช่วยเขาประหยัดเงินค่าผู้จัดการได้ไม่น้อยกว่า 10 ล้านเหรียญซึ่งนับเป็นตัวเลขเฉพาะปี 2018 แค่ปีเดียว

    การเป็นศิลปินอิสระที่เลือกบริหารจัดการเองโดยไม่ถูกหักเปอร์เซ็นต์จากรายได้ค่าตัวอาจไม่เหมาะกับนักดนตรีทุกคน ศิลปินที่มีรายได้สูงสุดในอุตสาหกรรมดนตรีหลายคนยังคงเลือกพึ่งพาผู้จัดการที่มีประสบการณ์ในการทำงานสูง เห็นได้จาก ในปี 2017 ศิลปินวง U2 ซึ่งบริหารงานโดย Guy Oseary มีรายได้ 118 ล้านเหรียญ, Katy Perry มี Martin Kirkup, Bradford Cobb และ Steve Jensen เข้ามาช่วยดูแล มีรายได้ 83 ล้านเหรียญ และ Calvin Harris ได้ Mark Gillespie มาช่วยบริหารงาน มีรายได้ 48 ล้านเหรียญ


Mark Gillespie ผู้จัดการของดีเจ โปรดิวเซอร์เพลง นักร้อง "Calvin Harris"


    ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงตัวเลขดังกล่าว Mark Gillespie ผู้จัดการของ Calvin Harris ยังได้โต้แย้งถึงการมีผู้จัดการศิลปินและต้องถูกหักรายได้ว่า “มันขึ้นอยู่กับมุมมองว่าคุณจะคิดเห็นอย่างไร คุณอาจจะรู้สึกท้อแท้เมื่อต้องถูกหักเงินถึงร้อยละ 10-20 แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง คุณจะเห็นว่าการมีคนมาช่วยดูแลจะทำให้สังกัดค่ายเพลงเพิ่มมูลค่าได้มากกว่าร้อยละ 20 ซึ่งหากคุณทำธุรกิจขนาดใหญ่ก็ย่อมต้องการให้ผู้คนมีแรงจูงใจในการเติบโตและสร้างธุรกิจนั้นในรูปแบบที่สอดคล้องกัน”


นักร้องคนดัง ต่างเลี่ยง “ผู้จัดการศิลปิน”

    ศิลปินนักดนตรีคนอื่นๆ จากรายชื่อ Forbes Top 100 Celebrities List ต่างหลีกเลี่ยงการมีผู้จัดการด้วยเหตุผลหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น นักร้องสาว Beyonce ต้องการความเป็นอิสระจากพ่อของเธอที่ชอบบงการ, Taylor Swift มีการตั้งเครือข่ายบริษัทที่ดูแลเรื่องการประชาสัมพันธ์ การตลาดและการเข้าถึงฐานแฟนคลับได้อย่างเหนียวแน่นนับตั้งแต่เริ่มเส้นทางการเป็นนักร้อง การมีผู้จัดการเข้ามาดูแลและหักส่วนแบ่งรายได้จึงไม่ใช่เหตุผลสำคัญหรือเรื่องจำเป็นสำหรับเธอ

    ขณะที่ Jay-Z, Diddy และ Dr.Dre ถือเป็นศิลปินนักดนตรีในระดับ Top 3 ของสหรัฐอเมริกาทั้งในแง่ของรายได้สุทธิและยังบุกเบิกฟันฝ่าเติบโตมาในเส้นทางดนตรีด้วยตัวเองดังนั้นการดูแลบริหารจัดการอาชีพของตัวพวกเขาเองคือแนวทางที่แสดงตัวตนอย่างชัดเจนมาตั้งแต่ต้น

    Bruno Mars ที่ไม่เคยพยายามแสดงตนว่าเป็นนักธุรกิจ ดูจะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง และนี่คือทั้งหมดของเรื่องราวความลับที่รู้กันเฉพาะในแวดวงฮอลลีวูดจากแหล่งข่าวที่ไม่ขอประสงค์ออกนาม ซึ่งเราจะขอนำเสนอรายงานฉบับสมบูรณ์เป็นครั้งแรกไว้ ณ ที่นี่


ความลับของ Mars ที่หลายคนไม่รู้

    แหล่งข่าวผู้ไม่ประสงค์ออกนามเปิดเผยว่า ในปี 2011 ระหว่างที่ได้พบกับ Brandon Creed อดีตผู้จัดการที่เคยดูแลการก้าวขึ้นมาเป็นซุปเปอร์สตาร์ของ Mars เขาบอกฉันว่าเขาและ Mars วางแผนที่จะใช้เวลาสร้างสิ่งต่อไปนี้โดยการเลือกที่จะร้องเพลงในสถานที่เล็กๆ ในทัวร์ร่วมกับนักร้อง Janelle Monae แทนที่จะก้าวกระโดดไปเล่นคอนเสิร์ตเองคนเดียวในเวทีที่ใหญ่กว่าหรือเลือกเปิดคอนเสิร์ตในสถานที่ใหญ่ๆ ที่มีชื่อเสียง ในขณะเดียวกัน Mars ก็ยังมุ่งมั่นทำเพลงอย่าง "Billionaire" และหวังว่าอนาคตสักวันเขาจะต้องขึ้นปกนิตยสาร Forbes ให้ได้

    แหล่งข่าวยังเล่าถึงประโยคเด็ดของ Mars ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนฟังจากช่วงเวลาที่ยากลำบากของเขาก่อนที่ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงจนประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ “ผมเคยกังวลว่าจะมีเงินไม่พอซื้ออาหารเช้า เลยต้องอดทนรอจนกว่าจะถึงมื้อกลางวันแทน ซึ่งถ้าวันหนึ่งผมเป็นมหาเศรษฐี ผมก็คงไม่ต้องมานั่งกังวลใจอะไรแล้ว เพราะผมจะกินไดมอนด์ซีเรียล”


Brandon Creed อดีตผู้จัดการของ Bruno Mars


    Brandon Creed ช่วยให้ Mars เข้าใกล้เป้าหมายความสำเร็จได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยกลยุทธ์การมองการณ์ไกลของทั้งคู่ทำให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมตามไปด้วย การแสดงทัวร์คอนเสิร์ต Moonshine Jungle Tour ของ Mars ที่เริ่มขึ้นในปี 2013 ทำรายได้มากกว่า 150 ล้านเหรียญ หลังจากมีรายได้ประมาณ 8 ล้านเหรียญในปี 2011 นี่จึงเป็นผลให้ Mars ติดอันดับ Celebrity 100 List Of The World is Highest-Paid Entertainers ในลิสต์รายชื่อที่จัดทำขึ้นโดย Forbes เป็นครั้งแรกในปี 2014 โดยมีรายได้ 60 ล้านเหรียญ และติดอันดับต่อเนื่องอีกครั้งในปี 2015 ที่ 40 ล้านเหรียญ

    การมีชื่อเสียงและรายได้ที่มากขึ้นของ Mars เกิดขึ้นท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของการวงการเพลงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การแสดงทัวร์อย่างต่อเนื่องทำให้เขาต้องสูญเสียรายได้ระหว่างการทัวร์โปรโมตอัลบั้มหลังจากกระบวนการหาเงินจากการจำหน่ายเพลงที่บันทึกไว้เป็นจำนวนมากที่ต้องเจอกับการละเมิดลิขสิทธิ์และการสตรีมที่ทำให้รายได้ลดลง

    ปัจจุบัน ออสเตรเลีย อเมริกาใต้ และยุโรปตะวันออก ได้ลงทุนสร้างสนามกีฬาขนาดมหึมาในความจุขนาด 15,000-20,000 ที่นั่งในรูปแบบทันสมัยสไตล์อเมริกัน สมการด้านการหารายได้ของวงการเพลงจึงเริ่มเปลี่ยนไป เหล่าบรรดาศิลปินนักร้องชั้นนำต่างเต็มใจที่จะเดินสายออกทัวร์ตามเวทีคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ที่จุคนได้เป็นจำนวนมากเพื่อสร้างรายได้นับล้าน


ศิลปินดังอีกมาก ยังต้องการคนดูแล

    สำหรับเหล่าผู้จัดการศิลปิน การทำงานในรูปแบบใหม่นับว่าเป็นการยกระดับให้ดีขึ้น ในอดีตยอดขายอัลบั้มเปรียบเสมือนเงินรายปี ที่พวกเขายังได้รับส่วนแบ่งจากยอดขายแม้ว่าจะไม่ได้ทำงานให้กับศิลปินแล้วก็ตาม ซึ่งแตกต่างจากกรณีของการเปิดทัวร์คอนเสิร์ตที่จะได้รับเงินทันทีเมื่อทัวร์จบ

    ปัจจุบันเหล่าศิลปินมีช่องทางการจัดจำหน่ายมากขึ้นทั้งบริการสตรีมมิ่งและช่องสัญญาณวิดีโอนอกเหนือจากวิทยุและอื่นๆ ที่จะทำให้เหล่าผู้จัดการได้เงินส่วนแบ่งจากรายได้ทางนี้เช่นกัน“มีสถานที่มากมายที่สามารถแสดงดนตรีของศิลปินได้ ซึ่งตำแหน่งของคำว่า “ผู้จัดการ” ยังคงเหมือนเดิม แต่ทว่าบทบาทได้เปลี่ยนไปมากด้วยเช่นกัน” Mark Gillespie ผู้จัดการที่ดูแล Calvin Harris กล่าวเสริม

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ศิลปินหลายคนได้ตัดสินใจที่จะเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยให้กับอาชีพของตัวเองด้วยการเข้าร่วมการเปิดตัวครั้งสำคัญอย่าง Artist Nation ซึ่งเป็นบริษัทที่มีผู้จัดการมากกว่า 60 คน รวมถึง Guy Oseary ผู้จัดการที่ดูแลศิลปินดังอย่าง มาดอนน่า และกลุ่ม Maverick ภายใต้เครือข่ายของของเขา โดย Artist Nation ถือเป็นการดูแลบริหารจัดการเหล่าศิลปินระดับมืออาชีพ ภายใต้ Live Nation บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจบันเทิงที่มีชื่อเสียงเรื่องการจัดการแสดงคอนเสิร์ตระดับโลก


Scooter Braun ผู้จัดการที่ดูแลศิลปินดังอย่าง Justin Bieber และ Ariana Grande


    ในปี 2013 Scooter Braun ผู้อยู่เบื้องหลังการแสดงของ Justin Bieber ไปจนถึง Ariana Grande ระดมทุนได้ประมาณ 100 ล้านเหรียญโดยส่วนใหญ่มาจาก Waddell & Reed ซึ่งเป็นผู้ให้บริการทางการเงินในแคนซัส เพื่อซื้อหุ้นขนาดใหญ่ในบริษัทต่างๆ รวมถึงบริษัทที่ดำเนินการโดยผู้จัดการของ Drake, Lady Gaga, Jason Aldean และศิลปินคนอื่นๆ

    Creed ผู้จัดการของ Mars ณ เวลานั้น ได้ขายบริษัทครึ่งหนึ่งของเขาให้กับกองทุนที่บริษัท Waddell & Reed หนุนหลังด้วยจำนวนเงินเพียง 8 หลัก โดยที่ Mars ไม่ทราบถึงการตัดสินใจครั้งนี้ของผู้จัดการเขามาก่อน

    “มันคงไม่มีความสุขเกิดขึ้น หากผู้จัดการจะขายบริษัททิ้ง ซึ่งมันมีผลกระทบต่อตัวศิลปิน สิ่งที่พวกเขาควรทำคือ สร้างรายได้จากสัญญาของศิลปินและความสัมพันธ์ระหว่างศิลปิน” Robb McDaniels ผู้บริหารด้านดนตรีที่สั่งสมมานานกล่าว

    แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า Mars ได้ตัดสินใจแยกตัวจาก Creed ในปี 2016 และเข้าบริหารจัดการภายในองค์กรเอง แม้ว่าจะมีเพียง Mars เท่านั้นที่สามารถพูดได้ว่าการตัดสินใจของเขาได้รับอิทธิพลจากเหตุการณ์นี้มากน้อยเพียงใด ซึ่งตัวเขาเองยังคงนิ่งเงียบไม่เคยปริปากเอ่ยถึงในหัวข้อนี้ อีกทั้งโฆษกของ Mars เองก็ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเช่นเดียวกันกับ Creed

    “ในขณะที่บางคนอาจคาดเดาว่าทำไม Bruno Mars และ Brandon Creed ถึงตกลงแยกทางกัน แต่ความจริงมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้” แหล่งข่าวใกล้ชิดกับ Creed กล่าว “เขาภูมิใจในการทำงานอันยาวนานร่วมกัน และยังขออวยพรให้ Mars ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง”


ไม่มีผู้จัดการ แต่มีญาติคอยดูแล

    ภารกิจหลักประจำวันขณะนี้ของ Mars ดูเหมือนจะอยู่ภายใต้การดูแลของ Aaron Elharar ญาติของเขาที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงการบันเทิง จะมีเพียงแค่โปรไฟล์ LinkedIn ที่แสดงอาชีพของเขาในฐานะผู้จัดการศิลปินและประสบการณ์ก่อนหน้านี้คือการพัฒนาธุรกิจองค์กรโดยไม่ได้มีการกล่าวเพิ่มเติมถึง Mars แต่อย่างใด 

    ทั้งนี้ แนวทางการบริหารจัดการของ Mars ก็ดูเหมือนจะชัดเจนเพียงพอ โดยเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเขามีการใช้คำที่เป็นชื่อเว็บรวมถึงชื่ออีเมล “inquiries@gorillamgmt.com” เว็บไซต์ดังกล่าวไม่มีการแสดงรายชื่อลูกค้ารายอื่นและไม่ตอบกลับคำขอความคิดเห็นใดๆ

    การค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมยังพบด้วยว่าบริษัทจดทะเบียนทั้งในแคลิฟอร์เนียและเดลาแวร์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2002 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ Mars ย้ายจากฮาวายบ้านเกิดไปยังลอสแองเจลิสเพื่อไล่ตามความฝันทางดนตรี ซึ่งเว็บไซต์ของ Gorilla ไม่ได้ลงทะเบียนจนถึงปี 2016 ซึ่งเป็นปีที่ Mars แยกทางกับ Creed

    นอกจากนี้ ที่อยู่อีเมลของ Elharar ญาติของ Mars ยังมีระบุไว้ด้วยว่า: เพลงแรกที่เขียนสำหรับ Unorthodox Jukebox ของ Mars ซึ่งเป็นอัลบั้มสุดท้ายของเขากับ Creed เรียกว่า "Gorilla"


บทบาทที่เปลี่ยนไปของ “ผู้จัดการศิลปิน”

    หลังจากแยกทางจาก Mars ไปเมื่อสองปีก่อน ปัจจุบัน Creed ยังคงเฟื่องฟูในเส้นทางของเขาเช่นกัน โดยหลังจากขายบริษัทครึ่งหนึ่งให้กับ Braun ได้ไม่นาน เขาได้ควบรวมบริษัทของเขาเข้ากับ Jeffrey Azoff ผู้บริหารที่ทรงอิทธิพลอีกรายหนึ่ง เพื่อสร้าง Full Stop Management (Irving พ่อของ Jeffrey ซึ่งเป็นประธานก็เป็นหุ้นส่วนด้วย) โดยบัญชีรายชื่อศิลปินที่พวกเขาดูแลอยู่ตอนนี้มีทั้ง Harry Styles, Sara Bareilles, Bon Jovi และ The Eagles


ซ้าย: Jeffrey Azoff ผู้บริหาร Full Stop Management


    ทั้งบริษัท Waddell & Reed และ Braun ไม่ยินยอมให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะพูดให้ชัดเจนว่าข้อตกลงนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรสำหรับยักษ์ใหญ่ทางการเงิน ซึ่งจากการสังเกตรายงานประจำปีล่าสุดของ Waddell อย่างรวดเร็วไม่พบสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเพลง สำหรับบริษัทที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมูลค่า 8 หมื่นล้านเหรียญ

    ขณะเดียวกัน Scooter Braun ได้กลายเป็นหนึ่งในนายหน้าศิลปินที่สำคัญที่สุดของฮอลลีวูด นอกเหนือจากบัญชีรายชื่อผู้บริหารซึ่งเขาดำเนินการด้วยความช่วยเหลือจากกองทัพศิลปินรุ่นใหม่ๆ แล้ว เขายังมีส่วนร่วมในกิจการอื่นๆ มากมาย เช่น Silent Labs ซึ่งเขาได้ลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพอย่าง Uber, Spotify, Casper และ Pinterest

    รูปแบบการบริหารการจัดการเพลงยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว McDaniels ได้ร่วมก่อตั้งบริษัทชื่อ Faction เพื่อให้บริการเครื่องมือที่จำเป็นแก่เหล่าศิลปินในการบริหารจัดการตนเองผ่านแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับบัญชีโซเชียล รวมทั้งแพลตฟอร์มการสตรีม และข้อมูลธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ครบถ้วนในขั้นตอนเดียว ซึ่งหากศิลปินไม่สามารถดูแลบริหารจัดการได้

    ทาง Faction ก็สามารถนำเสนอพนักงานที่มีประสบการณ์ด้านการจัดการดังกล่าวโดยคิดค่าธรรมเนียมคงที่อยู่ที่ร้อยละ 5-10 ทั้งนี้ การบริหารจัดการดังกล่าวยังดึงดูดนักดนตรีที่มีชื่อเสียงรวมถึง Paul Oakenfold โปรดิวเซอร์และดีเจเพลงแนวแทรนซ์ชื่อดังจากอังกฤษ “เรากำลังพยายามทดลองกับรูปแบบการจัดการใหม่นี้” McDaniels ซึ่งตอนนี้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าของ Beatport ในขณะที่เป็นประธาน Faction กล่าว “และมันก็แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จบางอย่าง”


Justin Lubliner ผู้จัดการที่ดูแลศิลปินมากมาย เช่น นักร้องสาว Bille Eilish


    ในขณะที่การสตรีมมิ่งยังคงพุ่งทะยานในอุตสาหกรรมเพลงการบริการจัดการในรูปแบบดั้งเดิมกำลังจะกลายเป็นเส้นทางอาชีพที่น่าดึงดูดน้อยลง อาทิ Justin Lubliner วัย 28 ปี ผู้จัดการซึ่งดูแลศิลปินต่างๆ รวมถึงดีเจนักแต่งเพลง Gryffin และศิลปินจาก Darkroom Records และ Interscope ที่มีนักร้องดังอย่าง Bille Eilish, Lady Gaga และ Selena Gomez เป็นต้น โดย Lubliner บอกว่า “ผู้จัดการศิลปินที่มีอายุน้อยจำนวนมากสามารถสร้างรายได้มหาศาลจากการบริหารจัดการและเปลี่ยนแนวคิดไปสู่การสร้างค่ายเพลงโดยพวกเขาเองมีส่วนร่วมเป็นหลัก” 


    แปลและเรียบเรียงจากบทความ $100M Magic: Why Bruno Mars And Other Stars Are Ditching Their Managers เผยแพร่บน Forbes.com



อ่านเพิ่มเติม: 15 อันดับ คนบันเทิงรายได้สูงสุดแห่งปี 2022


​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

TAGGED ON