‘Alohilani Resort Waikiki Beach โรงแรมแห่งแรกในรัฐ Hawaii ที่เป็นกลางทางคาร์บอน พร้อมตอบโจทย์เทรนด์การท่องเที่ยวสุดฮอตอย่าง การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนแล้ว
หนึ่งในเทรนด์ที่เราเห็นในช่วงสถานการณ์โรคระบาด คือเหล่านักท่องเที่ยวเริ่มตระหนักถึงผลกระทบจากการตัดสินใจของเราต่อกันและกัน รวมถึงต่อโลกใบนี้ และจำนวนผู้ไปเยี่ยมเยือน Hawaii ที่มากขึ้นนี้ ต่างก็เสาะหาประสบการณ์ ณ โรงแรมที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน จนไปถึงจัดหาวัตถุดิบจากท้องถิ่นระดับ hyper และล่าสุด ‘Alohilani Resort Waikiki Beach ณ Oahu ได้ประกาศว่า ทางโรงแรมจะมุ่งทำตามพันธสัญญาในการเป็นโรงแรมแห่งแรกในรัฐ Hawaii ที่เป็นกลางทางคาร์บอน
เอกสารรับรองความเป็นกลางทางคาร์บอนของทางรีสอร์ตจะได้รับการยืนยันจาก DEKRA องค์กรระดับสากลผู้ทดลอง, ตรวจสอบ และออกมาตรฐานตามข้อกำหนด PAS 2060 ซึ่งเป็นข้อกำหนดความเป็นกลางทางคาร์บอนระดับสากลหนึ่งเดียวที่ได้รับการยอมรับ
ในปี 2022 ทางรีสอร์ตจะมีความเป็นกลางทางคาร์บอนทั้งในการปล่อยก๊าซทั้ง Scope 1, Scope 2 และบางส่วนใน Scope 3
จาก GHG Protocol การปล่อยก๊าซคาร์บอนในรูปแบบ Scope 1 คือการปล่อยก๊าซคาร์บอนทางตรงทั้งหมด ไม่ว่าจะมาจากโพรเพน, น้ำมันเบนซิน, น้ำมันดีเซล และ, and สารทำความเย็น ส่วน Scope 2 นั้นจะรวมไปถึงการใช้พลังงานไฟฟ้าด้วย ในตอนนี้ ทางรีสอร์ตกำลังเดินหน้าเก็บข้อมูลที่จำเป็นให้ครบถ้วนเพื่อที่จะสามารถบรรลุเป้าความเป็นกลางทางคาร์บอนในทุกๆ ประเภทตาม Scope 3 ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงการปล่อยก๊าซจากขั้นซัพพลายเชนด้วย
Highgate บริษัทลงทุนและจัดการการโรงแรมดูแล ‘Alohilani Resort หนึ่งในอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 200 แห่งของบริษัทแห่งนี้ โดยรีสอร์ตแห่งนี้ใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนร้อยละ 100 โดยได้รับการรับรองสำหรับปี 2022 จาก Green-e® ฉลากรับรองพลังงานหมุนเวียนอิสระอันดับต้นๆ ของสหรัฐอเมริกา
“การใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นตัวสำคัญในกลยุทธ์ Decarbonization ของไฮเกตต์การจัดหาพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนเป็นแนวทางที่เราต้องเดินไปเพื่อที่อะโลฮิลานิจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ โดยเฉพาะเมื่อปัจจุบันฮาวายพึ่งพาน้ำมันนำเข้าในการผลิตพลังงานไฟฟ้าอยู่อย่างมาก” Marianne Balfe รองประธานด้านความยั่งยืนแห่ง Highgate กล่าว “เราตั้งตารอที่จะได้เห็นฮาวายเปลี่ยนไปใช้เครือข่ายพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนแบบ 100 เปอเซ็นต์ภายใน 2045 ดังคำแถลงการณ์ของทางรัฐ”
‘Alohilani Resort เข้าร่วมโปรแกรม Mālama Hawaii ที่กำลังมีอยู่ ณ ตอนนี้ โดยโปรแกรมดังกล่าวสามารถพบได้ทั่วหมู่เกาะแห่งนี้ และถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมสามารถดูแลชุมชนที่พวกเขามาเยือนได้ในหลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงการปลูกต้นไม้ด้วย แขกทั้งหลายสามารถมีส่วนร่วมในความพยายามในการอนุรักษ์ผ่านการไปเยี่ยมชม ‘Alohilani’s Legacy Forest โดยพวกเขาสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการฟื้นฟูป่า และปลูกต้นไม้ท้องถิ่นด้วยตัวเองได้
จากการปลูกต้นไม้ท้องถิ่น และต้นไม้พื้นเมืองมากกว่า 550,000 ต้นนี้ ทาง Hawaiian Legacy Reforestation Initiative ถือเป็นหนึ่งในผู้ที่สามารถชดเชยคาร์บอนได้อย่างมีคุณภาพสูงที่สุดในโลกอีกด้วย
โปรเจ็กต์นี้เป็นโปรเจ็กต์เดียวที่ได้การรับรองแบบ Gold Standard ในรัฐ Hawaii ด้วยพื้นที่ป่าอุดมไปด้วยต้อนไม้ท้องถิ่นมากกว่า 1,200 เอเคอร์ อีกทั้ง ต้นไม้แต่ละต้นใน Hawaiian Legacy Forest ถูกติดป้าย RFID ทางภูมิศาสตร์ไว้ นอกจากนี้ ผู้ปลูกต้นไม้ยังสามารถติดตามต้นไม้นั้นๆ ได้ตลอดอายุขัยของมัน
ทางรีสอร์ตได้ร่วมมือกับ Hawaiian Legacy Reforestation Initiative (HLRI) และ Legacy Carbon LLC ในการช่วยชดเชยรอยเท้าคาร์บอนของทางรีสอร์ต และสานต่อการริเริ่มด้านความยั่งยืนปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นแผนการปลูกต้นไม้พื้นเมือง 100,000 ต้นใน Legacy Forest ของพวกเขา และแผนที่จะใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนทั่วทั้งโรงแรม
รีสอร์ตระดับลักชัวรีแห่งนี้กำลังสร้างมาตรฐานสำหรับการเดินทางอย่างยั่งยืนในหมู่เกาะ Hawaiian และที่อื่นๆ ใหม่ อีกทั้ง ข่าวการมุ่งเป็นกลางทางคาร์บอนในครั้งนี้ ยังเป็นเสมือนเป็นลางที่ดีสำหรับนักเดินทางทั้งหลายที่อยากจะเป็นส่วนหนึ่งของการเลือกอันบุกเบิกและมองการณ์ไกล
หวังว่าโรงแรมลักชัวรีต่างๆ จะก้าวตามรอยเท้านี้นะ
แปลและเรียบเรียงโดย ทัตชญา บุษยากิตติกร จากบทความ Sustainable Travel: ‘Alohilani Resort To Become Hawaii’s First Carbon-Neutral Hotel เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม: G Train รถไฟส่วนตัวสุดหรูขบวนแรกของโลก
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine