วางขายเกาะส่วนตัวอดีตมืดมัวของ Jeffrey Epstein - Forbes Thailand

วางขายเกาะส่วนตัวอดีตมืดมัวของ Jeffrey Epstein

เกาะส่วนตัวของนักการเงินชาวอเมริกันผู้มีชื่อเสียโด่งดัง Jeffrey Epstein ทั้ง 2 เกาะที่ผู้คนเรียกขานว่า ‘Pedophile Island’ ในบริเวณหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกาเปิดให้ซื้อได้แล้ววันนี้

The Wall Street Journal รายงานถึงการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสองแห่งอย่าง Great St. James และ Little St. James ของ Jeffrey Epstein ชายโรคจิตในคราบนักการเงิน โดยเกาะ Great St. James เป็นเกาะที่ใหญ่กว่า มีพื้นที่ราวๆ 165 เอเคอร์ และตั้งอยู่ใกล้ๆ กับ St. Thomas และยังไม่ได้มีการพัฒนาอะไรมากนัก ส่วนเกาะ Little St. James ซึ่งมีพื้นที่ราวๆ 72 เอเคอร์นั้น มีทั้งบ้านพักอาศัยหลัก บ้านรองรับแขก 4 หลัง ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ท่าจอดเรือส่วนบุคคล ปั๊มน้ำมัน หาดส่วนตัว 3 แห่ง สระว่ายน้ำ 2 สระ และยิม

ณ เกาะที่มีรายงานว่ามีการบังคับให้หญิงสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตั้งหลายเป็นทาสด้านกามอารมณ์แห่งนี้ ยังมีทะเลสาบเต็มไปด้วยนกฟลามิงโก ห้องสมุด โรงภาพยนตร์ และคาบาน่าอีกด้วย นอกเหนือจากนั้น บนเกาะแห่งนี้ยังมีสถานที่ที่ดูเหมือนกับจะเป็นวัดพนังลายทางที่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ามีไว้เพื่อการใดอีกด้วย

Epstein ซื้อเกาะ Little St. James เมื่อปี 1998 และซื้อเกาะ Great St. James ในปี 2016 และต่อมาในปี 2019 ทาง New York Post ได้รายงานว่าเขากำลังก่อสร้างอาคารอย่างผิดกฎหมายบนเกาะ Great St. James ส่วนทาง The Wall Street Journal ก็ได้รายงานไว้ว่ามีข้อกล่าวหาจากอัยการบนเกาะเวอร์จินว่า Epstein พาเด็กผู้หญิงจำนวนมาก โดยบางคนอายุเพียง 11 เท่านั้นมายังเกาะแห่งนี้ซึ่งเขาและคนรู้จักของเขาก็ร่วมกันล่วงละเมิดทางเพศเด็กๆ เหล่านี้

ในเดือนสิงหาคมปี 2019 Epstein ก็เสียชีวิตลงโดยสาเหตุที่ดูเหมือนว่าจะเป็นการฆ่าตัวตายในศูนย์กักตัวผู้ต้องหาที่นิวยอร์กระหว่างรอนำตัวขึ้นศาลข้อหาการค้าประเวณี

The Wall Street Journal ยังได้รายงานอีกว่า Daniel Weiner ทนายความประจำกองมรดกของ Epstein กล่าวว่าเงินที่ได้จากการขายเกาะทั้งสองจะถูกนำไปชำระค่าคดีความที่ท่วมท้น และค่าดูแลอสังริมทรัพย์ต่างๆ โดยนี่ไม่ใช่บ้านหลังแรกในกองมรดกของเขาที่ถูกขายออกไป

บ้านที่ Palm Beach ของเขาถูก Todd Michael Glaser นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากรัฐฟลอริดาซื้อไปในราคา 18.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเดือนมีนาคมปี 2021 โดยหลังจากซื้อไปแล้ว Glaser ก็ทุบบ้านหลังดังกล่าวทิ้งโดยทันที ส่วนคฤหาสน์ของ Epstein ที่แมนฮัตตันในย่าน Upper East Side ก็ถูกขายไปในเดือนมีนาคมปี 2021 เช่นกัน โดยถูกขายไปในราคา 51 ล้านเหรียญ ส่วนอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐนิวเม็กซิโก และปารีสก็ถูกขายเช่นกัน

แม้ว่าการซื้อบ้านสักหลัง หรืออสังหาริมทรัพย์สักแห่งที่เคยเป็นสถานที่เกิดเหตุโหดเหี้ยมจะเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็นึกไม่ออกว่าจะเป็นเช่นไร แต่ก็มีอสังหาริมทรัพย์ต้องคำสาปชื่อดังมากมายที่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เจ้าของหรือตัวแทนสถานที่นั้นๆ พยายามอย่างเต็มที่ที่จะชุบชีวิตใหม่ให้กับพวกมัน

ตัวอย่างที่ทุกคนรู้จักคงหนีไม่พ้น Versace Mansion คฤหาสน์ในเมืองไมอามี่แห่งนี้คือสถานที่ที่ซึ่ง Gianni Versace แฟชั่นดีไซเนอร์ชื่อดังถูกฆาตกรรมเมื่อปี 1997 และในปี 2013 คฤหาสน์แห่งนี้ก็ถูกซื้อไปในราคา 41.5 ล้านเหรียญ ราคาต่ำกว่าเรียกไว้กว่า 80 ล้านเหรียญ ในปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้กลายเป็นโรงแรมและภัตตาคารระดับลักชัวรีที่แขกผู้เข้าพักสามารถเลือกนอนในห้องของ Gianni Versace ได้

สถานที่อีกแห่งคือ Neverland Ranch ของ Michael Jackson ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักร้องชื่อดังปล่อยให้รกร้างหลังจากข้อหาที่กล่าวว่าเขาลวนลามเด็กผู้ชายในบ้านกลายเป็นเรื่องไม่จริง โดยสถานที่แห่งนี้ถูกขายให้กับเศรษฐีพันล้าน Ron Burkle เมื่อปี 2020 ในราคา 22 ล้านเหรียญ ราคาต่ำกว่าราคาขายแรกเริ่มถึง 78 ล้านเหรียญ หลังจากการซื้อ-ขายครั้งนั้น สถานที่แห่งนี้ก็ถูกแปลงโฉมพร้อมกับได้รับชื่อใหม่กลายเป็น Sycamore Valley Ranch แทน

บ้านหลากหลายหลังถูกอดีตอันมืดมัวของพวกมันหลอกหลอน หลายต่อหลายหลังต้องถูกเปลี่ยนที่อยู่เพื่อให้ไม่ส่งผลกระทบต่อการขายในอนาคต โดยนั่นก็รวมไปถึงบ้านในเมือง Brentwood รัฐแคลิฟอร์เนียที่ Nicole Brown Simpson และ Ron Goldman ถูกฆาตกรรม จนกลายเป็นการพิจารณาและตัดสินคดีฆาตกรรมที่มี O.J. Simpson เป็นจำเลย และรอดพ้นจากคดีในที่สุด

อสังหาริมทรัพย์ของ Epstein ถูกขายโดย Modlin Group กับ Bespoke Real Estate และบริษัทท้องถิ่นในหมู่เกาะเวอร์จิน Christie’s International Real Estate The Saints โดยทางนายหน้าทั้งหมดนี้ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น

แปลและเรียบเรียงจากบทความ Jeffrey Epstein’s Two Private Islands In The Caribbean List For $125 Million เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: Breguet เผยโฉม 5557 Marine Hora Mundi เรือนเวลาเพื่อนักเดินทาง


ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine