ภาพคุณปู่ พงษ์ หาญอุตสาหะ วัย 80 กว่าในรถเข็นที่แม้ป่วยมากแล้วก็ยังคงตรากตรำดูแลกิจการ “ผงหอมศรีจันทร์” ที่สร้างขึ้นมาด้วยหัวใจเมื่อ 60 ปีที่แล้ว หรือในปี 2491 คือประกายแรกที่จุดให้ รวิศ หาญอุตสาหะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ผู้เป็นหลานชายคนโต ตัดสินใจเดินออกจากอาชีพนักค้าเงินที่ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย มากอบกู้กิจการต่อจากคุณลุง มาตร หาญอุตสาหะซึ่งเป็นผู้รับไม้สานต่อกิจการในรุ่นสอง
ด้วย รวิศ หวังพลิกโฉม “ผงหอมศรีจันทร์” ให้ร่วมสมัยจนเป็น “แป้งศรีจันทร์” ที่มีชื่อเสียงหอมฟุ้งไปไกลกว่าในอดีต จนเป็นที่ยอมรับทั้งตลาดไทยและต่างชาติ พร้อมตั้งเป้าปั้นยอดขายโตกว่า 20 เท่าตัว เมื่อเทียบกับปี 2550 หรือแตะ 500 ล้านบาทภายในปีนี้ “ตอนผมเข้ามาดูแลเมื่อปี 2550 พบว่ากิจการของเรายังดำเนินธุรกิจเหมือนยุค 40 ปีก่อน ที่ไม่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์และมีเซลล์แค่คนเดียว จนดูเหมือนว่าทุกคนจะถอดใจแล้ว” รวิศ เล่าถึงช่วงเริ่มต้นที่เขาเข้ามาดูแล พร้อมเสริมว่า เขาอาสาเข้ามาดูแลกิจการด้วยตนเอง เพราะไม่สามารถทนเห็นกิจการที่คุณปู่เป็นผู้สร้างกับมือต้องล้มหายตายจากไปต่อหน้า “ผมแค่หวังว่าตัวเองจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร และจะทำได้หรือไม่ แต่อยากลองทำดู” รวิศ เล่าย้อนความหลังอีกว่า ตัวเขาต้องใช้เวลาตัดสินอยู่นานไม่น้อย เพราะงานเดิมก็เป็นอาชีพที่เขารักและรายได้ดี แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจมาฟื้นฟูกิจการ ผงหอมศรีจันทร์ “ผมยังบอกกับนายเก่าที่ซิตี้แบงก์ว่า ขอมาทดลองทำธุรกิจที่บ้าน 1 ปี ถ้าไม่ชอบ จะกลับไปทำที่แบงก์เหมือนเดิม” ยกเครื่อง “ผงหอมศรีจันทร์” รวิศ ก็ต้องพบกับความหนักใจในช่วงเริ่มต้น ที่เขาเปรียบเทียบว่าราวกับ culture shock เมื่อเขาพบว่าบริษัทไม่มีกระบวนการและระบบต่างๆ ที่พึงจะมี ปรับปรุงกระบวนการและระบบต่างๆ โดยนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ เพื่อให้มีข้อมูลมาใช้ในการวางกลยุทธ์ต่างๆ โดยรวิศ ยกตัวอย่างปัญหาที่เกิดจากภาวะไร้ระบบว่าแม้แต่ตัวเลขสินค้าคงคลังก็ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเก็บข้อมูลได้ครบถ้วนและทันเหตุการณ์ นอกจากนี้ รวิศ ยังมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงรูปโฉม packaging ของผงหอมศรีจันทร์ ปี 2552 เขาตัดสินใจปรับรูปโฉมผลิตภัณฑ์ครั้งใหญ่ จนกลายเป็น “แป้งศรีจันทร์” ที่วางขายอยู่ในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ดี ถึงแม้จะมีการปรับรูปโฉม และ packaging อีกทั้งมีหนังโฆษณาทางโทรทัศน์ ก็ตามแต่แป้งศรีจันทร์ยังไม่สามารรถสลัดภาพลักษณ์ของการเป็นแป้งราคาถูกออกไปได้ ปี 2556 รวิศ และทีมงานจึงเปลี่ยนกลยุทธ์ ด้วยการตัดสินใจออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ จากการพัฒนาสูตรที่ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ดั้งเดิม ภายใต้ชื่อ ศรีจันทร์ ทรานส์ลูเซนท์ พาวเดอร์ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในทุกวันนี้ ที่ชื่นชอบแป้งฝุ่นควบคุมความมัน โดยคุณภาพต้องเทียบเท่าเครื่องสำอางยี่ห้อที่มีชื่อเสียงได้ ดังนั้น รวิศจึงนำเข้าวัตถุดิบจากประเทศญี่ปุ่นและสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อเนรมิตให้ แป้งศรีจันทร์ เป็นสุดยอดแป้งฝุ่นดังที่ตั้งใจไว้ โดยไม่จำกัดต้นทุน “เราทดลองทำจนทิ้งไปเป็นร้อยๆ สูตรกว่าจะได้ผลออกมาตามที่ต้องการ“ รวิศ กล่าวถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวเด่นที่เป็นหัวหอกสำคัญของศรีจันทร์ยุคใหม่ อย่างไรก็ตามภารกิจของ รวิศ ในฐานะผู้นำของ “ศรีจันทร์สหโอสถ” ไม่ได้มีเพียงการพลิกฟื้นแป้งศรีจันทร์เท่านั้น แต่ยังมีอีกสองธุรกิจหลัก คือ การผลิตและจำหน่ายยาน้ำ ซึ่งเป็นธุรกิจแรกเริ่มของศรีจันทร์สหโอสถฯ โดยมีการผลิตยาน้ำหลากหลายชนิดภายใต้เครื่องหมายการค้า ตรามงกุฎ และตราศรีจันทร์ เป้าหมายระยะยาวเพื่อการเติบโตที่มั่นคงของบริษัท รวิศวางแผนจะนำศรีจันทร์สนโอสถ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 5 ปีข้างหน้า ถึงแม้ว่า ศรีจันทร์ จะยังเดินไปไม่ถึงฝั่งฝัน รวิศมีความพึงพอใจกับผลงานที่ผ่านมา พร้อมกับยกเครดิตให้กับทีมงานทั้ง 150 คนที่มีความศรัทธาและความมุ่งมั่นไปในทิศทางเดียวกัน คือการสร้างให้แบรนด์ศรีจันทร์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นเพียง “ไก่รองบ่อน” สามารถอยู่รอด พลิกโฉม เติบโต และมีอนาคตอีกไกลได้ เรื่อง: ชญานิจฉ์ ดาศรี ภาพ: ทวีศักดิ์ ภักดีหุ่นคลิ๊กอ่าน "รวิศ หาญอุตสาหะ ปัดฝุ่นศรีจันทร์กรุ่นกลิ่นไกล" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ OCTOBER 2015