ประเทศไทยกำลังจะมีการเลือกตั้งในปี 2562 ซึ่งจะเป็นปีที่เราจะเริ่มเข้าสู่ "สังคมสูงวัย" อย่างรวดเร็วและรุนแรง
ไทยจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุมากขึ้น อีกไม่นานจะถึง 1 ใน 3 ของคนทั้งประเทศ และคนที่จะเดือดร้อนมากที่สุดคือคนอายุ 40-50 ปีในปัจจุบันที่จะเป็นผู้สูงอายุในอนาคต เด็กเกิดใหม่จะน้อยลง น่าเสียดาย “คนพร้อม ไม่ท้อง” แต่ “คนท้องไม่พร้อม” เด็กที่เกิดจะมีคุณภาพเป็นอย่างไร และจะกลายเป็นคนวัยทำงานในอนาคตที่มีความสามารถหรือไม่ สัดส่วนคนวัยทำงานจะน้อยลงและคุณภาพอาจจะมีปัญหา ใครจะเป็นผู้จ่ายภาษีอากรให้ประเทศ ขณะที่เราต้องการงบประมาณด้านสวัสดิการมากขึ้นในยุคสังคมสูงวัย การพึ่งพาแรงงานต่างชาติจากประเทศเพื่อนบ้านจะมีปัญหาเพราะประเทศเพื่อนบ้านก็กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเช่นกัน การเลือกตั้งในปี 2562 ที่จะได้ผู้บริหารประเทศยุคใหม่ จำเป็นที่จะต้องเข้าใจสภาพปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะต้องมีนโยบายและระบบที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับสังคมสูงวัย ดังต่อไปนี้- จะขยายอายุการทำงานของคนไทยทั้งภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้นอย่างไร โดยไม่กระทบประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งหมายถึงการขยายอายุเกษียณของผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรในสาขาที่ขาดแคลน จะต้องฝึกทักษะให้กับคนที่ใช้แรงงาน และกำลังกายในการทำงานให้สามารถปรับเปลี่ยนอาชีพในขณะที่มีอายุมากขึ้นได้อย่างไร
- ระบบสวัสดิการของรัฐ ไม่ว่าจะเป็น กองทุนประกันสังคม กองทุนสำารองเลี้ยงชีพ เบี้ยยังชีพ และกองทุนการออมแห่งชาติต้องปรับปรุงแก้ไขโดยด่วนเพราะปัจจุบันไม่เพียงพอ ไม่มั่นคงและไม่ยั่งยืน
- เมื่อคนสูงอายุหวังพึ่งสวัสดิการจากรัฐได้ไม่มากนัก จะหวังพึ่งลูกหลานได้น้อยลง รัฐจำเป็นต้องส่งเสริมการออมของคนหนุ่มสาวเพราะอายุมากก็สายเสียแล้ว
- จะหยุดยั้ง “คนท้อง ที่ไม่พร้อม” ท้องก่อนวัยอันควรอย่างไร แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือจะทำให้ “คนพร้อม ตั้งท้อง” ได้อย่างไร ซึ่งเป็นการยากมาก ผู้หญิงเป็นคนสำคัญที่จะตัดสินใจในเรื่องนี้ เพราะผู้หญิงเป็นผู้ต้องรับภาระการตั้งท้องและเลี้ยงดูเด็ก
- การปรับสภาพแวดล้อม ทั้งบ้าน ถนนหนทางและอาคารสาธารณะ จำเป็นต้องดำเนินการ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุการรักษาพยาบาลจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก และควรจะปรับสภาพให้ใช้ได้กับคนพิการและคนทุกวัย
- โรงพยาบาล ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพหลังภาวะเฉียบพลัน คนดูแลผู้สูงอายุ (นักบริบาล) จำเป็นต้องสร้างและอบรมฝึกฝนอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถกระจายตัวอยู่ในชุมชนได้โดยไม่เดือดร้อน จึงจำเป็นต้องมีระบบที่มีนักบริบาลเคลื่อนตัวเยี่ยมเยียนและทำงานในชุมชนต่างๆ
- ชุมชน บ้าน วัด โรงเรียน (ซึ่งต่อไปจะมีนักเรียนน้อยลง) โรงพยาบาล และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นจำเป็นต้องจับมือกันสร้างระบบในท้องถิ่นของตนเอง เพราะปัญหาและศักยภาพในแต่ละท้องถิ่นย่อมแตกต่างกัน
ติดตามอ่านบทความทางด้านเศรษฐกิจ เพิ่มเติมได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2561