การศึกษาความรุ่งเรืองและล่มสลายของชาติมหาอำนาจนักประวัติศาสตร์และนักวิชาการมักมองข้ามความสำคัญของ นโยบายการเงินและภาษี พวกเขาเขียนหนังสือออกมามากมายทั้งที่เกี่ยวกับกลยุทธ์ ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นหรือถดถอย ระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ ความลับทางการทูต และอื่นๆ อีกมากมาย
แต่น้อยคนนักที่จะให้ความสำคัญกับบทบาทสำคัญของเงินและภาษีในชะตากรรมของประเทศชาติ อย่างเช่น การเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในธนาคารกลางหรือกระทรวงการคลัง ที่ไม่เคยกระตุ้นให้บรรดาสื่อขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงแห่งชาติ ลองพิจารณาความจริงพื้นฐานเกี่ยวกับเงินและภาษี ขณะที่ทำเนียบขาวมัวเพ่งความสนใจไปกับความจำเป็นในการปรับปรุงระบบการทหารที่เสื่อมทรามและหาทางรับมือกับประเทศที่มีนโยบายต่อต้านอเมริกาอย่างรัสเซีย จีน และอิหร่าน ถ้าสหรัฐฯ ต้องการเล่นบทตำรวจโลกอย่างสร้างสรรค์ ประเทศจะต้องมีสกุลเงินที่มีเสถียรภาพตลอดจนระบบอัตราภาษีที่ต่ำและสมเหตุสมผล สิ่งเหล่านี้จะก่อให้เกิดนวัตกรรมและความแข็งแรงทางเศรษฐกิจที่จำเป็นต่อความรับผิดชอบดังกล่าวสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อการเผยแผ่ความมั่งคั่งไปทั่วโลก ความสำเร็จที่มั่นคงจะนำไปสู่การเลียนแบบนโยบายโดยถ้วนหน้าประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นแล้วหลายครั้งหลายครา- ความตกต่ำอันเป็นปริศนาของกรุงโรมเกิดขึ้นคู่ขนานกับความเสื่อมทรามของค่าเงินและการขึ้นภาษีอย่างไม่หยุดหย่อน
- ฮอลแลนด์ ซึ่งเป็นแค่จุดเล็กๆ ของยุโรป เป็นแผ่นดินจมน้ำแต่กลับประสบความสำเร็จในการแยกตัวจากราชวงศ์ Habsburg อันยิ่งใหญ่ของสเปน กลายเป็นอาณาจักรที่ขยายอาณานิคมไปทั่วโลก ตลอดจนเป็นเมืองหลวงทางการเงินของโลก โดยตั้งอยู่บนนโยบายที่แข็งแกร่งด้านการเงินและการจัดเก็บภาษีในระดับต่ำเมื่อฮอลแลนด์ติดบ่วงภาษีที่เพิ่มขึ้น ความรุ่งโรจน์และอิทธิพลของอาณาจักรก็เสื่อมลงตามไปด้วย
- อังกฤษเคยเป็นประเทศชั้นสอง หันมาทำตามอย่างชาวดัตช์แต่ทำได้ดีกว่า สิ่งที่ตามมาคือการปฏิวัติอุตสาหกรรม อังกฤษยังคงความเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้ได้สูญเสียอาณานิคม 13 แห่งไปเมื่อหละหลวมในหลักการภาษีต่ำ
- สหรัฐฯ ได้รับอิสรภาพจากอังกฤษแต่ยังเอาอย่างในหลักการด้านการเงินและภาษี และสามารถสร้างอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ จนกระทั่งได้ยกเลิกกฎทองในช่วงทศวรรษที่ 70 หลังจากนั้นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจรายปีของประเทศลดฮวบลงกว่าร้อยละ 25
สืบค้น สัมภาษณ์และเขียน จนได้หนังสือเล่มเยี่ยมที่ชื่อ Working
กล่าวกันว่า The Life of Samuel Johnson ของ James Boswell เป็นหนังสืออัตชีวประวัติภาษาอังกฤษที่ดีที่สุด Boswell ใช้เวลานานนับปีคลุกคลีอยู่กับ Johnson จดบันทึกรายละเอียดมากมายของชายยิ่งใหญ่ผู้นี้ สำหรับ Boswell เองนั้น ไม่ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ที่ไหนไม่ควรพอใจอยู่แค่ผลงานดังกล่าว งานชิ้นเยี่ยมของ Robert Caro เป็นประวัติชีวิตของ Robert Moses ชายผู้ที่สร้างสะพาน ถนนทางหลวง สวนสาธารณะ และสนามเล่นเกือบจะทุกแห่งใน New York City ยุคศตวรรษที่ 20 ตลอดจนบริเวณโดยรอบของเมือง ยังไม่พูดถึงโครงการที่อยู่อาศัยอันน่าทึ่งหลายแห่ง นอกจากนี้ ยังมีงานที่เขาเขียนเล่าเรื่องราวชีวิตของ Lyndon Johnson ประธานาธิบดีคนที่ 36 ของสหรัฐฯ (Caro กำลังอยู่ระหว่างเขียนเล่มที่ 5 ซึ่งเป็นเล่มสุดท้าย) ผลงานทั้งสองเรื่องของเขาสร้างความตรึงใจไม่แพ้หนังสือของ Boswell อันที่จริงแล้ว อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำแน่นอนว่า Caro ไม่ได้คลุกคลีตีโมงอยู่กับบุคคลที่เขาเขียนถึงอย่างที่ Boswell เกาะติด Johnson เป็นเงาตามตัว แต่คุณจะเข้าใจไปว่าเขาได้ทำาเช่นนั้น เขาติดตามสัมภาษณ์ทุกคนที่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลในหนังสือของเขาอย่างไม่เว้นวาย ในหลายๆ กรณี Caro ได้สนทนาและจัดเสวนาถามตอบซ้ำไปซ้ำมาคลิกอ่านบทความทางด้านการลงทุนและเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ สิงหาคม 2562 ในรูปแบบ e-Magazine