นักธุรกิจผู้เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์ Hans Wilsdorf เชื่อมั่นว่านาฬิกา Rolex ทุกเรือนต้องมีความความทนทาน และเที่ยงตรง ปรัชญาของเขาได้ก่อกำเนิดเป็นตัวเรือน Oyster สุดยอดของแบบฉบับความแข็งแกร่ง จนเกิดเป็นพันธกิจในการปกป้องที่ทำหน้าโดย Rolex World Service
ศูนย์บริการที่ดำเนินงานโดย Rolex World Service เป็นการสานต่อพันธกิจของแบรนด์ในการรักษาความคงทนและความน่าเชื่อถือของนาฬิกา Rolex ทุกเรือนด้วยการให้บริการคุณภาพสูงสุดให้แก่ลูกค้า เพื่อรับประกันคุณภาพของงานบริการ ช่างนาฬิกาจากศูนย์บริการหลังการขายของ Rolex ทุกคนผ่านการ ฝึกอบรมจากแบรนด์โดยตรง เพื่อให้มั่นใจในการให้บริการที่เปี่ยมคุณภาพด้วยมาตรฐานเดียวกันตลอดทั้ง ศูนย์บริการที่ตั้งอยู่ทั่วโลก ศูนย์บริการหลังการขายทุกแห่งดำเนินงานตามมาตรฐานของ Rolex เพื่อรักษาคุณภาพของโครงสร้างและชิ้นส่วนต่างๆ ตลอดจนความเชี่ยวชาญของของช่างผู้ให้บริการ ยิ่งไปกว่านั้น Rolex ยังได้วางแผน กระบวนการให้บริการหลังการขายไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ในขั้นตอนการพัฒนาเรือนเวลา เพื่อให้นาฬิกาใหม่ ทุกเรือนสามารถเข้ารับบริการได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพสูงสุด นาฬิกา Rolex ทุกเรือนที่เข้ารับบริการของ Rolex World Service จะได้รับการรับประกันการซ่อมแซมทั่วโลก ซึ่งครอบคลุมทั้งอะไหล่และค่าบริการเป็นเวลานานถึง 2 ปี ด้วยการมอบบริการที่ดีที่สุดนี้ นาฬิกา Rolex จึงทำงานได้อย่างสมบูรณ์ต่อเนื่องโดยไม่มีข้อจำกัด ถูกส่งต่อจากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นต่อไปและคงอยู่ได้ หลายชั่วอายุคน พร้อมกันนี้ยังสามารถจัดหาอะไหล่สำหรับนาฬิกาทุกเรือนเพื่อให้มั่นใจในการให้บริการต่อไปอย่างน้อย 35 ปี นับจากการหยุดวางจำหน่าย และหลังจากนั้น หากชิ้นส่วนไม่มีอยู่ในคลังแล้ว Restoration Atelier หรือศูนย์บูรณะนาฬิกาสามารถผลิตชิ้นส่วนเป็นรายชิ้นตามต้นฉบับดั้งเดิมได้อีกด้วย บริการที่ครอบคลุมทั่วโลก Rolex World Service พร้อมให้บริการอยู่ทั่วทุกทวีปผ่านศูนย์บริการดูแลรักษานาฬิกา ณ สำนักงานของ ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของแบรนด์ หรือที่สำนักงานของบริษัทในเครือประจำภูมิภาคต่างๆ ศูนย์บริการเหล่านั้นจะมีผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองโดย Rolex อย่างน้อยหนึ่งคนที่ได้รับอนุญาตให้มอบ บริการหลังการขายแก่นาฬิกาที่ผลิต โดย Rolex ช่างผู้ชำนาญทุกคนยึดมั่นในปณิธานของ Rolex ในการให้บริการที่เป็นเลิศทุกเมื่อ ไม่ว่าเรือนเวลาจะอยู่ในสภาพใดก็ตาม การให้บริการดูแลรักษาทุกขั้นตอนล้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์และข้อกำหนดของแบรนด์เฉกเช่นการผลิตนาฬิกา เรือนเวลาแต่ละเรือนอาจได้รับ การดูแลโดยตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ บริษัทในเครือ หรือสำนักงานใหญ่ของ Rolex ณ กรุงเจนีวา โดยพิจารณาจากอายุของนาฬิกาเรือนดังกล่าว การฝึกอบรมภายใน ในปี 2018 แบรนด์ได้เปิดตัวศูนย์อบรม Rolex Training Centre ที่กรุงเจนีวา โดย Rolex ตั้งใจ สร้างสรรค์ศูนย์ดังกล่าวให้เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และมอบพื้นที่ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ให้แก่ผู้เข้า ฝึกอบรมรุ่นใหม่และพนักงานของ Rolex ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองไปข้างหน้าอยู่เสมอ Rolex Training Centre จึงกลายมาเป็นพื้นที่ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีล่าสุดด้านการผลิตนาฬิกา Rolex ได้ดำเนินการจัดหลักสูตรอบรม Rolex Watchmaking Training เป็นระยะเวลา 18 เดือน ที่บริษัทต่างๆ ในเครือ และเมื่อจบหลักสูตรช่างนาฬิกาจะสามารถให้บริการดูแลรักษากลไก Oyster ได้ อย่างครบวงจรและมีประสิทธิภาพสูงสุด ช่างนาฬิกาทุกคนซึ่งประจำอยู่ที่ศูนย์ให้บริการหลังการขายของ Rolex ล้วนได้รับการฝึกฝนจากแบรนด์ โดยตรง ศูนย์บริการของ Rolex ทุกแห่งจะต้องมีช่างนาฬิกาที่ผ่านการอบรมอย่างน้อย 1 คน ซึ่งต้องหมั่นศึกษาหลักสูตรพิเศษอยู่เสมอเพื่อคงมาตรฐานความเชี่ยวชาญและพัฒนาองค์ความรู้ ให้สอดคล้องกับนาฬิกาแต่ละรุ่นและเทคนิคล่าสุดในการดูแลซ่อมแซมนาฬิกาแต่ละเรือน ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงไปตาม กาลเวลา การมอบบริการที่หลากหลาย ศูนย์บริการ Rolex World Service สามารถให้บริการที่หลากหลาย โดยการให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ หนึ่งครั้ง อาจรวมถึงการซ่อมแซมกลไกการทำงาน การดูแลตัวเรือน และสายนาฬิกา นอกจากนี้แล้ว ยังพร้อมให้บริการในรูปแบบอื่นๆ อาทิ การปรับความยาวสาย และการขัดแต่งตัวเรือน เป็นต้น ตัวแทน จำหน่ายของ Rolex เกือบทุกแห่งจะมีช่างนาฬิกาที่ผ่านการรับรองโดยแบรนด์ให้บริการอยู่ ซึ่งสามารถ ให้บริการบางประเภทที่ลูกค้าสามารถรับนาฬิกากลับบ้านได้ภายใน 1 วัน บริการอย่างเต็มรูปแบบ การให้บริการหลังการขายอย่างเต็มรูปแบบของ Rolex นั้นต้องอาศัยหลากหลายขั้นตอนที่พิถีพิถัน โดยใช้ เครื่องมือและอุปกรณ์พิเศษซึ่งผ่านการทดสอบ และพัฒนาขึ้นโดย Rolex เองในบางกรณี เมื่อได้รับนาฬิกา ช่างจะทำการประเมินค่าบริการและระยะเวลาในดำเนินการให้ลูกค้าอนุมัติ จากนั้นช่างจึงจะให้บริการตาม ขั้นตอน ตั้งแต่การถอดสายออกจากตัวเรือน และบรรจงถอดกลไกการทำงานที่ยังประกอบอยู่กับหน้าปัด และเข็มนาฬิกา จากนั้น กลไก ตัวเรือน และสายนาฬิกาจะถูกแยกดูแลในกระบวนการที่แตกต่างกัน หน้าปัดและเข็มนาฬิกาจะถูกถอดออกจากตัวกลไกซึ่งจะมีการแยกชิ้นส่วนอย่างสิ้นเชิง ส่วนประกอบ ทุกชิ้นจะได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเป็นไปตามข้อกำหนดของ Rolex หรือไม่ หากไม่เป็นไปตาม ข้อกำหนด จะมีการนำอะไหล่จากโรงงานการผลิตใน Bienne ซึ่งเป็นโรงงานผลิตกลไกการทำงานของ Rolex มาเปลี่ยนให้ใหม่ ส่วนประกอบแต่ละชิ้นจะได้รับการทำความสะอาดด้วยเครื่องล้างอัลตราโซนิคเพื่อขจัดร่องรอยของสิ่งสกปรก หลังจากนั้นทุกชิ้นส่วนจะถูกทำให้แห้ง โดยกลไกการทำงานทั้งหมดจะถูกนำ กลับมาประกอบทีละชิ้นและหยอดน้ำมันหล่อลื่น หลังจากทำการปรับกลไกการทำงานครั้งแรกเพื่อ ความเที่ยงตรง ช่างนาฬิกาจะทำการประกอบหน้าปัดและเข็มนาฬิกากลับเข้าไป ตัวเรือนจะถูกถอดแยกส่วนประกอบออกจากกัน โดยไม่ว่าจะทำจาก Oystersteel, ทองคำ 18 กะรัต หรือ แพลทินัม 950 ทุกชิ้นส่วนจะได้รับการขัดให้เงาวาวหรือขัดเงาผิวซาตินโดยช่างผู้ชำนาญการ ซึ่งขั้นตอนการขัดเงานี้ต้องอาศัยความชำนาญขั้นสูงเป็นอย่างมากเพื่อให้ตัวเรือนกลับมาเงางามดังเดิมและลบร่องรอย การขีดข่วน ช่างนาฬิกาจะทำการเปลี่ยนซีลและส่วนประกอบต่างๆ ได้แก่ กระจก ขอบหน้าปัด และ ตัวเรือนตรงกลาง จะถูกนำมาประกอบเข้าด้วยกัน สายนาฬิกาก็จะได้รับการดูแลรักษาในรูปแบบเดียวกัน ข้อต่อแต่ละข้อจะได้รับการขัดให้เงาหรือ ขัดผิวซาตินอย่างพิถีพิถันให้กลับมางดงามดังเดิม โดยสายนาฬิกาก็จะได้รับการทำความสะอาด อย่างหมดจด ช่างนาฬิกาจะบรรจงประกอบกลไกการทำงานกลับเข้าไปภายในตัวเรือน และตรวจวัดความเที่ยงตรงของ นาฬิกาอีกครั้ง และปรับแก้ส่วนที่จำเป็นเพื่อให้ตรงตามมาตรฐานโครโนมิเตอร์ที่ตั้งไว้ จากนั้น จะมีการทดสอบความเที่ยงตรงของนาฬิกาเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง จากนั้นตัวเรือนนาฬิกาจะถูกทดสอบแรงดันใต้น้ำ เมื่อผ่านการทดสอบการกันน้ำแล้วและนำสายนาฬิกามาประกอบเข้ากับตัวเรือน อีกครั้ง นาฬิกาก็จะพร้อมสำหรับการดูแลขั้นตอนสุดท้าย คือการตรวจสอบสมรรถภาพและฟังก์ชัน การทำงาน พร้อมการตรวจสอบลักษณะภายนอกของนาฬิกาให้มีความงดงามอย่างไร้ที่ติ ในขั้นตอนสุดท้าย นาฬิกาจะถูกบรรจุไว้ในกระเป๋าที่ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องเรือนเวลาในขณะที่ไม่มี การสวมใส่หรืออยู่ในระหว่างเดินทาง พร้อมด้วยการรับประกันการให้บริการทั่วโลกเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งครอบคลุมทั้งอะไหล่และค่าบริการ RESTORATION ATELIER นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าจะได้รับการดูแลรักษาอย่างเป็นพิเศษที่ Restoration Atelier ณ กรุงเจนีวา ภายใต้การดูแลของ Master Watchmaker ที่ผ่านการฝึกฝนอบรมด้านการดูแลเรือนเวลา ของบรรดานักสะสมมาโดยเฉพาะด้วยกระบวนการทำงานอันเป็นเอกลักษณ์ ในทุกๆ วัน Master Watchmaker ที่ Restoration Atelier จะผสมผสานการค้นคว้าข้อมูลประวัติศาสตร์เชิงลึกด้วย วิธีการดั้งเดิมเข้ากับเทคนิคอันทันสมัย ส่วนประกอบที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานด้านคุณภาพของ Rolex จะถูกนำมาบูรณะ หรือผลิตขึ้นใหม่อย่างประณีตบรรจงด้วยเทคนิคสมัยใหม่ เพื่อควบคุมความเสี่ยงที่อาจ เกิดขึ้นระหว่างการดูแลนาฬิกาไปจนถึงให้สามารถดำเนินการตรวจสอบการทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ทุกขั้นตอน การให้บริการบูรณะเรือนเวลาแต่ละครั้งจึงต้องดำเนินการตามกฎระเบียบที่เคร่งครัด นาฬิกาที่ผ่านการบูรณะแล้วจะถูกส่งคืนให้แก่เจ้าของในกล่องนาฬิกาที่ถูกจัดทำมาเป็นพิเศษ พร้อม แนบ คู่มือการใช้งานสำหรับเครื่องบอกเวลาแต่ละรุ่นโดยเฉพาะ อ่านเพิ่มเติม: การจัดอันดับ 10 มหาเศรษฐีจีนหน้าใหม่ ประจำปี 2021ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine