เมื่อ Dropbox ถูกรุมกินโต๊ะ - Forbes Thailand

เมื่อ Dropbox ถูกรุมกินโต๊ะ

FORBES THAILAND / ADMIN
06 Jul 2016 | 10:47 AM
READ 13188
Arash Ferdowsi กำลังจับตัวต่อเลโก้ที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะในห้องประชุมที่สำนักงานใหญ่ของ Dropbox ในขณะที่เขากำลังจดจ้องอยู่บนไวท์บอร์ดซึ่งทีมวิศวกรและผู้จัดการฝ่ายผลิตสามคนกำลังนำเสนอต้นแบบของแอพพลิเคชั่น Notes ซึ่งยังไม่ได้เปิดตัวสู่สาธารณะซึ่งทำให้ผู้คนสามารถนำไฟล์จากที่ต่างๆ มาเก็บรวมกันที่เดียวได้ง่ายขึ้น ในขณะที่ชายหนุ่มอายุ 29 ปี อันมีลักษณะเก็บตัว และไม่ชอบออกสื่อที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเป็น Chief Technology Officer ของ Dropbox รับฟังข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ตัวใหม่จากเพื่อนร่วมงาน “ไม่มีใครอีกแล้วที่จะมีส่วนในการสร้างสรรค์ Dropbox เท่ากับ Arash” Ramsey Homsany ที่ปรึกษาทั่วไปของบริษัทบอก ในขณะที่ผู้ร่วมก่อตั้งอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักมากกว่าพูดถึง Ferdowsi ว่า “อย่าได้คิดเริ่มตั้งบริษัทโดยไม่มีเขาเชียวนะ” ในช่วงนี้ Dropbox จำเป็นต้องพึ่งพิงความสามารถของ Ferdowsi มากกว่าที่เคย Dropbox เกิดขึ้นมาเมื่อแปดปีก่อนซึ่งตอนนั้น Houston เพิ่งจะจบการศึกษาจาก MIT และ Ferdowsi ยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่นั่น และบริษัทของพวกเขาก็เติบโตขึ้นอย่างพุ่งพรวด โดยล่าสุดมีนักลงทุนร่วมใส่เงินลงทุนเพิ่มเข้ามามากถึง 1.1 พันล้านเหรียญ และผลิตภัณฑ์ของบริษัทก็มีผู้ใช้งานมากกว่า 400 ล้านบัญชี จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการเก็บและเชื่อมโยงไฟล์จากที่ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน แต่ Dropbox กำลังเผชิญกับคำถามจากนักข่าวและนักวิเคราะห์ซึ่งสงสัยว่าบริษัทจะยังสามารถรักษาระดับของความสำเร็จเอาไว้ได้หรือไม่ในระยะต่อไป และบริษัทจะสามารถเติบโตได้สมกับมูลค่ากิจการ 1 หมื่นล้านเหรียญที่นักลงทุนประเมินเอาไว้ ตอนที่ใส่เงินเพิ่มทุนรอบล่าสุดเข้ามาเมื่อปีกว่าๆ ที่ผ่านมาหรือเปล่า ซึ่งก็ไม่แปลกที่คนจะสงสัย เพราะไม่มีกิจการ startup ไหนอีกแล้วที่จะต้องเผชิญกับคู่แข่งที่น่ากลัวอย่าง Apple Google และ Microsoft เฉกเช่น Dropbox เมื่อไม่นานมานี้ Google เพิ่งจะเปิดให้บริการจัดเก็บข้อมูลไม่จำกัดขนาดไฟล์แก่ผู้ใช้งาน Photo App ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Box ซึ่งแม้จะมีขนาดเล็กกว่าแต่เติบโตเร็วกว่าก็ต้องเผชิญกับคำถามทำนองเดียวกันจากนักลงทุนดังจะเห็นได้จากราคาหุ้นที่ร่วงถึงเกือบ 30จากวันที่เปิดซื้อขายในตลาดวันแรก Houston บอกว่า “เราแข่งกับบริษัทใหญ่ทุกแห่งบนโลกนี้ และพวกนั้นก็กำลังรุมสกรัมเราอย่างเต็มที่” เพื่อให้บริษัทสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในกลุ่มลูกค้าธุรกิจ Dropbox ได้พัฒนาบริการสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งเพิ่มความสามารถในการให้บริการให้มากขึ้นกว่าเดิม และเปิดตัวบริการDropbox สำหรับลูกค้าธุรกิจขึ้นในปลายเดือนเมษายน 2556 จำนวนลูกค้าของบริการนี้เพิ่มขึ้นเป็น 100,000 รายเมื่อสิ้นปี 2557 และเพิ่มขึ้นอีก 30ในครึ่งแรกของปีนี้ เป็นบริษัทนอกตลาดซึ่งไม่เปิดเผยข้อมูลทางการเงิน แต่แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับบริษัทบอกว่าตัวเลขผลประกอบการของบริษัทแข็งแกร่งมาก โดยมีรายได้ต่อปีมากกว่า 400 ล้านเหรียญที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่ตามสื่อต่างๆ และอัตราการเติบโตก็สูงกว่า 55% ที่ระบุในรายงานของ IDC เมื่อไม่นานมานี้ แหล่งข่าวบอกว่าแค่รายได้จากลูกค้าธุรกิจอย่างเดียวก็เกินกว่าปีละ 100 ล้านเหรียญแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ Dropbox เก็บเงินสดที่ระดมมาได้เอาไว้ในบริษัท และใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานมาใช้ขยายกิจการ ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่จำเป็นต้องรีบเอาหุ้นเข้าตลาดเพื่อระดมทุน ถึงแม้ว่า Dropbox จะเสียผู้บริหารมือดีไปหลายคน แต่บริษัทก็สามารถดึงคนเก่งๆ มาร่วมงานเพิ่มได้หลายคนเช่นกัน เมื่อปีที่แล้ว บริษัทได้ดึง Dennis Woodside อดีต CEO ของ Motorola ซึ่งอยู่ภายใต้Google มาร่วมงานในตำแหน่ง COO และยังได้ดึงอดีตผู้บริหารของ Microsoft มาเป็น vice president ฝ่าย global sales และดึงมือโปรด้านผลิตภัณฑ์ซึ่งมีประสบการณ์การทำงานที่ Google Facebook และ Twitter มาเป็น vice president ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ในปัจจุบันบริษัทมีพนักงาน 1,000 คนที่สำนักงานใน San Francisco และมีพนักงานในสำนักงานอื่นๆ อีก “เรามองเห็นโอกาสทางธุรกิจมหาศาลรออยู่ข้างหน้าเรา ซึ่งใหญ่กว่าที่เราทำมาแล้วเสียอีก” Ferdowsi บอก ในขณะที่ Houston เป็นผู้บริหาร Dropbox ที่ผู้คนรู้จักกันดี และ Woodside ก็รับบทนำในการขยายธุรกิจของบริษัท Ferdowsi ซึ่งไม่ค่อยได้ให้สัมภาษณ์ออกสื่อสักเท่าไหร่เป็นผู้ที่จัดการหลังบ้านและเป็นผู้ที่ดูแลรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ต่างๆ คอยดูแลแก้ปัญหาที่เกิดกับโครงการต่างๆ เราเป็นที่รู้จักในหมู่พนักงานว่าเป็น “chief debugger” จากการที่เขามักจะส่งรายงานปัญหาของโปรแกรมตลอด 24 ชม. ซึ่งการส่งรายงานของเขาตอนตีสามถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับเขา และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นคนลงมือทำเองแล้ว แต่เขายังเป็นคนสำคัญที่คอยดูแลให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัทใช้งานได้อย่างราบรื่น และยังคงความเรียบง่ายเอาไว้ Ferdowsi โตมาใน Overland รัฐ Kansas ในฐานะที่เป็นลูกโทนของครอบครัวผู้อพยพชาวอิหร่าน เขาจบการศึกษาชั้นมัธยมโดยได้ที่หนึ่งในรุ่น และมุ่งเข็มไปเรียนต่อที่ MIT ซึ่งเขาได้พบกับ Houston ซึ่งในตอนแรกพยายามที่จะพัฒนา Dropbox ขึ้นมาเพราะหงุดหงิดจากการลืมหยิบ thumb drive ซึ่งมีไฟล์งานสำคัญติดมาด้วยเมื่อต้องเดินทางไปต่างเมือง เมื่อ Houston เข้าไปทำงานที่ Y Combinatorกิจการใน Silicon Valley ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในแง่ของการผลิตบุคลากรระดับหัวกะทิให้กับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ Paul Graham ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทก็บอกให้เขาหาหุ้นส่วนมาพัฒนา Dropbox ซึ่งต่อมาเพื่อนของเขาก็แนะนำให้รู้จักกับ Ferdowsi ทั้งสองคุยกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตกลงที่จะร่วมงานกัน และหลังจากนั้นไม่นาน Ferdowsi ก็เลิกเรียนกลางครันก่อนที่เขาจะจบการศึกษาแค่ปีเดียว และออกมาพัฒนา Dropbox เต็มเวลา ทั้งคู่ช่วยกันออกแบบและตบแต่งแนวคิดจนเกิด Dropbox ขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่าง โดย Houston รับหน้าที่ในเรื่องของการเขียนเนื้อหา ในขณะที่ Ferdowsi จะดูในเรื่องของ graphic ซึ่งเขาและทีมงานได้พัฒนาภาพวาดเพื่อแสดงสัญลักษณ์ของ Dropbox ตอนแรก Houston คิดว่าภาพวาดที่ออกแนวการ์ตูนไม่เหมาะกับกิจการ startup ที่ต้องการจะทำธุรกิจจริงจัง แต่ Ferdowsi ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนอย่าง Dropbox จำเป็นต้องทำให้ผู้ใช้เข้าถึงได้ง่าย และในที่สุด Houston ก็เห็นคล้อยตาม และจนถึงวันนี้โลโก้ที่เป็นรูปวาดของ Dropbox ก็เป็นที่รู้จักและจดจำได้ของคนทั้งโลก Ferdowsi กำลังมุ่งความสนใจไปที่ Notes ซึ่งเป็นแอพฯ ใหม่ที่ถือเป็นความท้าทายใหม่ของ Dropbox ซึ่งการที่ยักษ์ใหญ่อย่าง Google และ Microsoft ต่างก็เปิดให้บริการจัดเก็บข้อมูลและเชื่อมต่อเข้ากับแอพฯ อื่นๆ ทำให้เดิมพันของธุรกิจนี้สูงยิ่งขึ้น Dropbox จำเป็นต้องทำให้บริการของตัวเองก้าวไปไกลกว่าบริการตอนเริ่มต้นด้วยการเชื่อมต่อกับแอพฯ ของบุคคลที่ 3 ประมาณ 300,000 แอพฯ ซึ่งมีปฏิสัมพันธ์กับเทคโนโลยีของ Dropbox นอกจากนี้ บริษัทก็ยังสร้างแอพฯ ของตัวเองขึ้นมาด้วยเพื่อเสริมกับผลิตภัณฑ์หลัก ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคบางตัวอย่างเช่น Carousel ซึ่งเป็นแอพฯ ภาพถ่าย และ Mailbox ซึ่งเป็นแอพฯ อีเมล์ อาจจะต้องฟาดฟันกับแอพฯ ของคู่แข่งซึ่งเป็นที่รู้จักกว้างขวางกว่า แต่ Dropbox ก็จำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่เรื่องของผลิตภาพในการที่จะขยับเข้าไปแข่งในโลกธุรกิจ “การรวมและโยงข้อมูลระหว่างกันไปมาไม่พอเสียแล้ว” Ferdowsi บอกและเสริมว่า “คุณต้องสร้างประสบการณ์ที่ผู้ใช้มีส่วนร่วมด้วย”   เรื่อง: MIGUEL HELFT เรียบเรียง: พิษณุ พรหมจรรยา
คลิ๊กอ่าน "เมื่อ Dropbox ถูกรุมกินโต๊ะ" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ NOVEMBER 2015