มุ่งสู่เส้นทางพลังงานสีเขียว - Forbes Thailand

มุ่งสู่เส้นทางพลังงานสีเขียว

FORBES THAILAND / ADMIN
15 Apr 2016 | 02:34 PM
READ 13407

Wal-Mart ซึ่งเผชิญกับปัญหาภาพลักษณ์ติดลบอยู่หลายปี กำลังมุ่งหน้าตามฝันที่ปรารถนามานานให้เป็นจริง ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีพลังงานสีเขียวพร้อมกำลังการผลิตมหาศาล

บนหลังคาห้าง Wal-Mart ใน Mountain View รัฐ California ปกคลุมไปด้วยแผงพลังงานแสงอาทิตย์ รวมแล้วสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 15% ของพลังงานที่ใช้ในสาขาแห่งนี้โดยขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของวัน ในปีที่ผ่านมาประธานาธิบดี Barack Obama เดินทางมาที่นี่เพื่อกล่าวคำปราศรัยเกี่ยวกับนโยบายด้านพลังงาน ขณะยืนกล่าวบนแท่นบรรยายซึ่งตั้งอยู่หน้าชั้นวางสินค้าที่เต็มไปด้วยหลอดไฟลดราคา Obama ชมเชย Wal-Mart ในฐานะองค์กรตัวอย่างที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม นอกจากนี้ มันยังสร้างโอกาสในการสื่อภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับบริษัทที่ตกเป็นข้อครหาในหลายกรณี ตั้งแต่การให้อัตราค่าจ้างต่ำ สภาพแวดล้อมในการทำงานต่ำกว่ามาตรฐาน รวมถึงคำตำหนิว่ามีการใช้กลยุทธ์กำหนดราคาต่ำเพื่อกำจัดคู่แข่งขันและผูกขาดธุรกิจ (แน่นอนว่าบริษัทปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา) ถ้าหากแผนดำเนินการด้านพลังงานของ Wal-Mart ฟังดูคล้ายกับการทำการตลาดสีเขียวแบบแอบแฝง ยักษ์ใหญ่ธุรกิจค้าปลีกที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Bentonville รัฐ Arkansas (ยอดขายปี 2014: 4.8 แสนล้านเหรียญ) ก็ฉลาดพอที่จะไม่ควักกระเป๋าตัวเองกับแผนนี้ และผลักภาระการลงทุนรวมถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องไปให้พันธมิตรทางธุรกิจอย่าง SolarCity ซึ่งจำกัดความเสี่ยงของตนด้วยการใช้สิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่จากการสนับสนุนด้านการเงินของรัฐบาลกลางที่มุ่งส่งเสริมการลงทุนในพลังงานทางเลือก Wal-Mart ดำเนินการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์กำลังการผลิตรวม 105 เมกะวัตต์บนหลังคาห้างจำนวน 327 สาขาและศูนย์กระจายสินค้า (ประมาณ 6% จากจำนวนสาขาทั้งหมด) ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้ในบ้าน 20,000 หลัง ด้วยตัวเลขนี้จะทำให้ Wal-Mart ขึ้นแท่นผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยบริษัทตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตอีก 2 เท่าภายในปี 2020 ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางที่ Lee Scott อดีตประธานบริหารกำหนดขึ้นในปี 2005 ซึ่งมุ่งหมายให้ Wal-Mart เป็นบริษัทที่ใช้พลังงานทดแทนทั้ง 100% Wal-Mart ใช้ไฟฟ้าในปริมาณมหาศาล ความต้องการใช้ไฟฟ้าในสาขาทั่วโลกอยู่ที่ราว 29,000 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมงต่อปี ราวครึ่งหนึ่งเป็นปริมาณการใช้ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ซึ่งเท่ากับไฟฟ้าที่ 1.5 ล้านครัวเรือนใช้โดยเฉลี่ย Forbes ประเมินว่าค่าไฟของ Wal-Martในสหรัฐอยู่ที่ปีละประมาณ 1 พันล้านเหรียญ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าบริษัทจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ แม้เหล่าผู้รับช่วงตำแหน่ง CEO จะเน้นย้ำและสานต่อแผนนโยบายดังกล่าวมาโดยตลอด ปัจจุบัน Wal-Mart มีสัดส่วนการใช้พลังงานสีเขียว 26% ในทั่วโลก ซึ่งประกอบด้วยพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานเซลล์เชื้อเพลิง และพลังงานน้ำ Wal-Mart ตัดลดค่าใช้จ่ายได้ด้วยการทำสิ่งที่ตนถนัด นั่นคือการใช้ความเป็นรายใหญ่โน้มน้าวให้คู่ค้าควักกระเป๋าตัวเองเพื่อทำสิ่งที่ตนต้องการ บริษัทยกพื้นที่บนหลังคาให้ SolarCity หรือผู้ติดตั้งรายอื่นซึ่งจะควักเงินลงทุนติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ (ต้นทุนค่าแผงพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านเหรียญ) จากนั้น SolarCity จะจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้กับ Wal-Mart ภายใต้สัญญาระยะยาว โดยที่ราคาซื้อขายต่ำกว่าซื้อจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค “ความคุ้มค่าเห็นได้โดยชัดเจน” Ozment ประธานบริหารผู้เชี่ยวชาญด้านการไฟฟ้าวัย 66 ปีซึ่งเข้ามาร่วมงานกับ Wal-Mart ในปี 2003 กล่าว “ทำไมต้องควักกระเป๋าเราเอง?” ข่าวร้ายสำหรับ Wal-Mart และอุตสาหกรรมพลังงานสีเขียวก็คือนโยบายให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของรัฐบาลกลางจะสิ้นสุดในปี 2017 Ozment ไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้ ที่ผ่านมา Wal-Mart คุ้นเคยกับการบีบและกดดันคู่ค้า “มันเป็นโอกาสสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าที่จะทบทวนรูปแบบการดำเนินธุรกิจของตนใหม่” เขากล่าว “และไม่มีเหตุผลที่จะไม่ปรับเปลี่ยน”   เรื่อง: CHRISTOPHER HELMAN เรียบเรียง: นวตา สันติวัฒนา
คลิ๊กอ่าน "มุ่งสู่เส้นทางพลังงานสีเขียว" ฉบับเต็ม ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ MARCH 2016 ได้ในรูปแบบ E-Magazine