ฉากหน้าความสำเร็จแห่ง โครงการมหาสมุทร คันทรี่ คลับ หัวหิน โครงการอสังหาริมทรัพย์หรูที่รายล้อมด้วยท้องน้ำสะอาดใสดั่งคริสตัลซึ่งบรรจุในลากูนขนาดใหญ่ มีเทคโนโลยีทันสมัยที่ช่วยเสริมมูลค่าและความได้เปรียบทางธุรกิจแฝงอยู่ภายในและความหวังในการยกระดับพื้นที่สาธาราธณะในประเทศไทย
จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นของลากูนซึ่งสร้างสรรค์จากฝีมือมนุษย์ในทั่วมุมโลก ปัจจุบัน
Crystal Lagoons ได้ก่อเกิดลากูนต่างๆ ไปแล้วกว่า 300 โครงการ มากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก โดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลกเลือกใช้เทคโนโลยีของคริสตัล ลากูนส์ ในการสร้างลากูนขนาดใหญ่เพื่อเป็นที่กล่าวขาน อาทิ โครงการ Sharm El Sheik ลากูนกลางทะเลของประเทศอียิปต์ ที่ถูกบันทึกบนสถิติกินเนสส์ จากความยิ่งใหญ่ของขนาด 125,000 ตารางเมตร หรือ โครงการ Alcazaba Lagoon ณ Costa del Sol ลากูน บนภูมิภาคประเทศที่ติดอันดับสามของโลกและสถานที่ท่องเที่ยวของสเปนและเป็นโครงการบุกเบิกในทวีปยุโรปของ คริสตัล ลากูนส์
เพียง 7 ปีของการเติบโตบริษัท
Crystal Lagoons มีมูลค่าทางการตลาด 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และบริษัทข้ามชาติซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งที่ไมอามี่ ฟลอริดาแห่งนี้ ได้พกพานวัตกรรมและเทคโนโลยีอันทันสมัยโดยมีภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นจุดหมายสำคัญในการยกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคนี้ มี
Jaime Rivera ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคเอเชีย
Crystal Lagoons Asia Pte. Ltd. ซึ่งตั้งอยู่ที่สิงคโปร์ ทำหน้าที่ดูแลโครงการคริสตัลลากูน
Forbes Thailand ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษกับ Jaime ถึงทิศทางการนำเทคโนโลยีการพัฒนาน้ำและลากูนซึ่งสะท้อนเห็นถึงความสำคัญและการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย
สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คริสตัล ลากูนส์ ได้ดำเนินโครงการลากูนแล้วใน 2 ประเทศ คือ อินโดนีเซียและประเทศไทย สำหรับอินโดนีเซีย คริสตัส ลากูนส์ ได้สร้างลากูนซึ่งเป็นน้ำเค็มขนาด 45 ไร่ในโครงการ
Treasure Bay Bintan เกิดเป็นพื้นที่บริการด้านการพักผ่อนและศูนย์รวมกีฬาทางน้ำอันหลากหลาย ขนาด 45 ไร่ ด้วยเงินลงทุนสร้างมากกว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
“จุดเริ่มต้นของโครงการ Treasure Bay Bintan แรกเริ่มเป็นเพียงแค่รีสอร์ทเท่านั้น จนเมื่อ คริสตัล ลากูนส์ เกิดขึ้น แผนการขยายธุรกิจจึงเริ่มขึ้น กลุ่มโรงแรมต่างๆ ตั้งแต่ 3 ดาวไปจนกระทั่ง 5 ดาว ล้อมรอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เกิดขึ้น โดยจุดเด่นโครงการที่บินตังนี้คือสถานที่ตั้งซึ่งขนานไปกับชาดหาดยาว 1 กิโลเมตร ดึงดูดนักท่องเที่ยวภายในประเทศและเป็นที่นิยมจากนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ที่เดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่เพียง 1 ชั่วโมง มาพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์”
Jaime เล่าให้ฟังถึงการเริ่มต้นเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้
สำหรับประเทศไทย คริสตัล ลากูนส์ ประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญาร่วมกับ
บมจ. เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น ผู้พัฒนา โครงการ มหาสมุทร คันทรี่ คลับ หัวหิน ที่มีมูลค่าโครงการสามหมื่นสองพันล้านบาท โดยโครงการแห่งนี้ เปิดให้บริการเฉพาะสมาชิกเอ็กซ์คลูซีฟ โดยมีค่าสมาชิกทั้งแบบบุคคล องค์กร และ ครอบครัว ทั้งในแบบรายปีหรือตลอดชีพ ทั้งในรูปแบบส่วนบุคคลและครอบครัว โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 5 แสนบาท ไปจนถึงหลักล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จสมบูรณ์ปลายปี 2560 และจากการสอบถามตัวเลขความสำเร็จที่โครงการ มหาสมุทร คันทรี่ คลับ หัวหิน ได้รับ แม้ Jaime ไม่สามารถเปิดเผยเนื่องจากติดในส่วนหนึ่งของเงื่อนไขในสัญญาร่วมกัน
“อยากให้ลองนึกถึงภาพความหรูหราของโครงการมหาสมุทรที่เกิดขึ้น แม้โครงการจะห่างทะเลราว 5 กิโลเมตร แต่มูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นนั้นมากกว่าโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีลากูนขนาดใหญ่”
Jaimeกล่าวถึงมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้น
ภาพอันหรูหราของโครงการ มหาสมุทร คันทรี่ คลับ หัวหิน ถือเป็นความสำเร็จแรกที่สำคัญ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายทางธุรกิจกับความร่วมมือกับภาคเอกชนของ คริสตัล ลากูนส์ ในขวบปีแรกบนประเทศไทย โดย Jaime ได้วางเป้าหมายสำคัญคือการเป็นผู้นำในการยกระดับโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีจากคริสตัล ลากูนส์ ที่เขามีโดยเน้นการเจรจากับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในหัวเมืองของจังหวัดขนาดใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ นครราชสีมา สระบุรี อยุธยา เพื่อให้เห็นถึงการเพิ่มมูลค่าให้กับอสังหาริมทรัพย์เดิมที่มี ผสานกับเทคโนโลยีการสร้างลากูนน้ำใสขนาดใหญ่ เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ และดึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเข้ามา และอีกเป้าหมายสำคัญของการเข้ามายังประเทศไทย คือการสร้างการรับรู้ถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีของบริษัทถึงความสามารถในการสร้างลากูนขนาดใหญ่ที่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์มาแล้วทั่วโลก
“คริสตัล ลากูนส์ เพิ่งเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยและเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกทำให้คนทั่วไปคิดว่าเป็นสถานที่เดียวกันกับเจ้าของสถานที่ แต่ในอนาคตคริสตัส ลากูนส์ จะเกิดขึ้นอีกหลายๆ แห่งในประเทศ เราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงว่าเราคือบริษัทเทคโนโลยีที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์นำไปใช้”
Jaime กล่าว
คริสตัส ลากูนส์ เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีข้ามชาติระดับโลก นำเสนอการออกแบบลากูนขนาดใหญ่ ร่วมกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชนและรัฐบาลผ่านเทคโนโลยีที่ใช้ต้นทุนในการสร้างและการบำรุงรักษาต่ำ รวมทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีของคริสตัส ลากูนส์ ใช้น้ำในปริมาณน้อย และสามารถสร้างลากูนได้ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นน้ำจืด น้ำเค็ม และน้ำกร่อย ด้วยการเติมเต็มน้ำแค่ครั้งเดียวในครั้งแรกและชดเชยน้ำในบางส่วนเพียงเพื่อทดแทนที่ระเหยออกไปและในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทยที่มีฝนตกเพียงพอ สามารถใช้ประโยชน์จากน้ำฝนเพื่อทดแทนส่วนที่ขาดหายไปได้เช่นกัน
“หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพ เมื่อเทียบกับสระว่ายน้ำ เทคโนโลยีของคริสตัลลากูนใช้เพียง 2% ของพลังงาน และใช้สารเคมีน้อยกว่าถึง 100 เท่า ในขณะที่สระว่ายใส่คลอรีนเพื่อคงความสะอาด แต่เทคโนโลยีโซน่าร์ในการจับสิ่งสกปรกในน้ำเพื่อบำบัดให้คงความสะอาดเฉพาะจุดซึ่งคุณภาพของน้ำในลากูนที่เป็นน้ำจืดสามารถใช้ดื่มแทนน้ำสะอาดในการกรณีเหตุฉุกเฉินได้และหากเทียบในขนาดที่เท่ากันกับสนามกอล์ฟ เทคโนโลยีจาก คริสตัล ลากูนส์ ใช้น้ำน้อยกว่า 30 เท่า ถ้าเป็นน้ำในสวนสาธารณะจะใช้น้ำน้อยกว่า 10% รวมถึงการใช้พลังงานที่น้อยกว่า 20% ด้วย”
Jamie กล่าวและเสริมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในการสร้างแลนด์มาร์คใหม่
“ในอดีตการปักหมุดโครงการอสังหาริมทรัพย์เน้นเรื่องทำเลในการสร้างเป็นสิ่งแรก แต่ด้วยเทคโนโลยีของคริสตัล ลากูนส์ เราสามารถกำหนดสถานที่โครงการได้เอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งสถานที่ จากที่ดินซึ่งที่ไม่มีราคา คริสตัลลากูน สามารถเพิ่มราคาที่ดินเหล่านั้นได้”
การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี คริสตัล ลากูนส์ นอกจากสามารถเพิ่มมูลค่าที่ดินแล้ว ยังเป็นการสร้างแลนด์มาร์คใหม่เพื่อลดความแออัดและเพิ่มคุณภาพชีวิต แม้ที่ผ่านมา คริสตัล ลากูนส์ ทำธุรกิจร่วมกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ คนทั่วไปคิดว่า คริสตัส ลากูนส์ สร้างมาเพียงคนรวยเพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ เป้าหมายสำคัญอีกส่วนหนึ่งของ คริสตัส ลากูนส์ คือ การเป็นเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้รายได้ปานกลางและรายได้ต่ำเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
Jaime เองมีแนวคิดในการนำเสนอเทคโนโลยีกับหน่วยงานของรัฐบาลและหน่วยงานท้องถิ่น เขาวาดฝันภาพหากเปลี่ยนบึงน้ำรอบสนาม Sky Line เส้นปั่นจักรยานสาธารณะที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ เป็น ลากูนน้ำใส จะเกิดศูนย์กลางการออกกำลังกายที่ครบวงจรทั้งกีฬาบนบกและกีฬาในน้ำแห่งใหม่ทันที หรือการเปลี่ยนเวิ้งน้ำภายในสวนเบญจกิตติ แห่งศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์เป็นลากูนน้ำใส จะเกิดการแหล่งพักผ่อนหย่อนใจแหล่งใหม่ของคนเมือง เพื่อคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่และประชาชนทั่วไป
“ความเป็นจริงแล้วคนไทยยังต้องการพื้นที่เพื่อหาสถานที่พักผ่อนเทคโนโลยีของคริสตัล ลากูนส์ จะเพิ่มพื้นที่การทำกิจกรรมต่างๆ ได้ อย่างกิจกรรมกีฬาทางน้ำ โดยไม่ต้องเดินทางออกไปนอกตัวเมือง เพิ่มโอกาสให้คนที่ไม่สามารถเดินทางเพื่อไปทางเที่ยวไกลๆ อย่าง พัทยา สามารถเข้าถึงพื้นที่สาธารณะตรงนี้ได้”
หากบรรยายให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนอย่างจังหวัดทางด้านอีสานซึ่งที่ไม่มีพื้นที่ติดทะเลหากมีการสร้าง
คริสตัล ลากูนส์ ขึ้น จะเกิดเป็นแลนด์มาร์คใหม่ เกิดสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ เกิดธุรกิจใหม่ตามมา ทั้งยังดึงทั้งกลุ่มนักลงทุนและนักท่องเที่ยว ทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างแน่นอน
“ประเทศไทยมีความพิเศษด้านการท่องเที่ยวมีนักเดินทางกว่า 30 ล้านคนต่อปี การเข้ามาทำตลาดของคริสตัส ลากูนส์ สามารถดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพื่อเพิ่มขีดการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวกับประเทศกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันอย่าง มาเลเซีย เวียดนาม สอดคล้องกับการที่รัฐบาลไทยส่งเสริมและพัฒนาในมีแหล่งท่องเที่ยวเกิดใหม่ เพื่อสร้างความทัดเทียมในการแข่งขันระดับประเทศในภูมิภาคนี้”
Jaime กล่าว
นอกจากโครงการ มหาสมุทร คันทรี่ คลับ หัวหิน ที่เกิดขึ้นแล้ว คริสตัล ลากูนส์ ได้ตกลงเซ็นสัญญาในสัญญาโครงการอื่นๆ อีก 5 สัญญาโครงการซึ่งตั้งอยู่ที่ ชลบุรี สัตหีบ และภูเก็ต โดยโครงการก่อสร้างต่อไปเกิดขึ้นภายใน 6 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ Jaime ยังเผยความเป็นได้ในการร่วมกับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยที่มีความร่วมมือด้านการลงทุนในต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น พม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา ซึ่งจากประสบกาณ์ที่ผ่านมา เมื่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ได้ร่วมกันสร้าง ลากูน กับคริสตัล ลากูนส์แล้ว มักเกิดความร่วมในการพัฒนาโครงการถัดไปขึ้นอีก โดยในปี 2559 มีการเซ็นสัญญาไปแล้ว 3 โครงการ และปี 2560 มีโครงการที่เกือบจรดปากกาเซ็นสัญญาอีก 7-10 โครงการ
สำหรับภาพรวมในเอเชีย คริสตัล ลากูนส์ ได้พัฒนาโครงการไปแล้วถึง 20 โครงการ กระจายในประเทศต่างๆ ทั่วเอเชีย เขาคาดการณ์ว่าภายใน 6 ปีนี้ น่าเกิดโครงการที่มีลากูน ซึ่งเกิดจาก คริสตัล ลากูนส์ถึง 60 โครงการในทวีปเอเชีย และหากมองภาพไกลไปในอนาคต 15-20 ปี ข้างหน้าจะเกิด คริสตัล ลากูนส์ ในภูมิภาคเอเชีย ถึง 7,000 แห่ง และ 14,000 แห่งทั่วทั้งโลก
โดยความมั่นใจที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรม ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีคู่แข่งทางการตลาดโดยตรง ผสานกับการเดินหน้าจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีที่กระจายไปทั่วโลกกว่า 160 ประเทศ แม้จะไม่มีคู่แข่งแต่ทีมวิจัยและพัฒนาของ คริสตัล ลากูนส์ ยังคงพัฒนาสิทธิบัตรอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีกว่า 10 สิทธิบัตรที่ถือครองอยู่ และปรับปรุงพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองให้เสมือนมีการแข่งขันทางการตลาดอยู่เสมอ อาทิ ราคาการก่อสร้างที่ถูกลง การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น
Jaime ทิ้งท้ายถึงผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มี ถ้าฝ่ายรัฐบาลและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเห็นคุณค่าของการยกระดับพื้นที่สาธารณะที่สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตจากวิถีการใช้ชีวิตเดิมที่เสาร์อาทิตย์ไปห้างสรรพสินค้า หากมีสถานที่ซึ่งสามารถกิจกรรมทางน้ำวิถีชีวิตแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นกับสังคมไทย ทั้งยังมีต้นทุนต่ำในการสร้าง สำหรับผู้อยู่อาศัยและผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ก่อให้เกิดเมืองใหม่ ประชากรไม่กระจุกตัวเช่นบางจุดในกรุงเทพฯ ลดการเป็น High Season และ Low Season ไปได้
แม้เขาจะเดินทางมาเจรจาธุรกิจในประเทศไทยไม่นานนัก ทว่าเขาพอรับรู้ว่าในอดีตประเทศไทยมีแม่น้ำลำคลองที่ใสสะอาดซึ่งสามารถเล่นน้ำได้อย่างสบายใจ แต่ด้วยมลภาวะที่เกิดขึ้นการสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อวิถีชีวิตเดิมๆ ความหวังไว้ว่าการก่อเกิด คริสตัล ลากูนส์ ในพื้นที่สาธารณะจะสามารถนำความสนุกในวันวานกลับคืนมาได้
Forbes Facts:
รางวัลต่างๆ ที่คริสตัล ลากูนส์ ได้รับ
- คริสตัล ลากูนส์ ได้รับสิทธิบัตรจาก โครงการ กรีน ฟาสต์ แทร็ค (Green Fast Track Program) แห่งสหรัฐฯ รับรองผลงานที่สร้างผลกระทบเชิงบวกอันยอดเยี่ยมให้กับระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อมของโลก
- รางวัล โกลด์ สตีวีย์® อวอร์ด รายการ “นักนวัตกรรมแห่งปี” และ “นวัตกรรมแห่งปี” (Gold Stevie® Award “Innovator of the Year” and “Innovation of the Year”) จาก เดอะ อินเตอร์เนชันแนล บิสซิเนส อวอร์ดส์ (The International Business Awards)
- รางวัล เดอะ กรีน แอปเปิล เอ็นไวรอนเมนท์ อวอร์ด (The Green Apple Environment Award) จาก เดอะ กรีน ออร์แกไนเซชั่น (The Green Organisation)
- รางวัลสิ่งแวดล้อมระดับชาติ (National Environment Award) จาก รีไซคลาโพลิส (Recyclapolis)