50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2567 - Forbes Thailand

50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2567

เข้าดำรงตำแหน่งได้ไม่ถึงปี อนาคตของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน อดีตนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ยังคงไม่แน่นอน เฉกเช่นสถานการณ์การเมืองไทยซึ่งบั่นทอนความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อระบบเศรษฐกิจไทยที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พาให้ดัชนีตลาดหุ้นตกลง 15% นับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ทั้งยังถูกซ้ำเติมด้วยค่าเงินบาทที่อ่อนตัว ความมั่งคั่งโดยรวมของบรรดามหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งของไทยจึงลดลงเกือบ 12% เหลือเพียง 1.53 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ จากเดิม 1.73 แสนล้านเหรียญเมื่อปีที่ผ่านมา


    มหาเศรษฐี 39 คนบนทำเนียบปีนี้มีความมั่งคั่งลดลงจากปี 2023 มีเพียงแค่ 7 คนเท่านั้นที่สวนกระแสอย่างท้าทาย โดยผู้ที่มั่งคั่งทะยานขึ้นสูงสุดจนแซงขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ได้แก่ เฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว ที่มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 2.6 พันล้านเหรียญ รวมเป็น 3.6 หมื่นล้านเหรียญ อานิสงส์จากการรายได้ของเครื่องดื่ม Red Bull ที่เติบโตกว่า 1.1 หมื่นล้านเหรียญในปี 2023 สืบเนื่องจากยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังทั่วโลกทะลุ 1.2 หมื่นล้านกระป๋อง

    พี่น้องเจียรวนนท์ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่ครองอันดับ 1 มานานเกือบสิบปี ในที่สุดก็ถูกโค่นลงไปที่อันดับ 2 ด้วยมูลค่าความมั่งคั่ง 2.9 หมื่นล้านเหรียญในปี 2024 น้อยลงจาก 3.4 หมื่นล้านเหรียญเมื่อปี 2023 สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากราคาหุ้นที่ตกลงของบริษัท China’s Ping An Insurance ที่พวกเขาถือครอง มีรายงานว่าบริษัทฯ ดังกล่าวขาดทุน 2.7 พันล้านเหรียญในปี 2023

    ส่วนรายชื่อ 5 อันดับแรกคนอื่นๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แม้แต่ละคนจะมีความมั่งคงลดลงก็ตาม มหาเศรษฐีผู้ครองอาณาจักรเครื่องดื่ม เจริญ สิริวัฒนภักดี ต้องเผชิญความจริงอันน่าเศร้า เมื่อมูลค่าทรัพย์สินของเขาลดลงกว่า 1 ใน 4 เหลือเพียง 1 หมื่นล้านเหรียญเท่านั้น ทว่าเขายังคงเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของไทยในปีนี้

    สำหรับอันดับ 4 ที่ไม่ได้ทิ้งห่างกันมากนักคือ ครอบครัวจิราธิวัฒน์ ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สิน 9.9 พันล้านเหรียญ ลดลง 20% เทียบกับปีที่ผ่านมา ข่าวใหญ่ล่าสุดของพวกเขาคงเป็นการที่กลุ่มเซ็นทรัลกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของห้างสรรพสินค้า Selfridges ในลอนดอนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023

    สารัชถ์ รัตนาวะดี มหาเศรษฐีธุรกิจพลังงานและโทรคมนาคมนั้นมีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ปรากฏตัวบนทำเนียบเมื่อ 6 ปีก่อน น่าเสียดายที่ปีนี้นับเป็นปีแรกที่ความมั่งคั่งของเขาตกลงเหลือเพียง 9.2 พันล้านเหรียญ

    มหาเศรษฐีคนอื่นๆ ที่มีมูลค่าทรัพย์สินลดลงมหาศาล ได้แก่ สมโภชน์ อาหุนัย ความมั่งคั่งของเขาลดลงถึง 2 ใน 3 ทำให้เขาตกลงจาก 10 อันดับแรกมาอยู่ที่อันดับ 32 หุ้นของบริษัท Energy Absolute ซึ่งเขาเป็นผู้กุมบังเหียนร่วงหนักสืบเนื่องจากความวิตกกังวลเรื่องหนี้สินจากการขยับขยายไปยังตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่

    นอกจากนี้ยังมี Aloke Lohia แห่ง Indorama Ventures ที่สูญเสียทรัพย์สินไปถึง 310 ล้านเหรียญจากปี 2023 เหลือเพียง 1.2 พันล้านเหรียญในปีนี้ สืบเนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในจีนและยุโรปที่หดตัวลง

    อย่างไรก็ตาม ตลาดเครื่องดื่มบรรจุขวดที่เติบโต โดยเฉพาะเครื่องดื่มชูกำลัง ช่วยเติมมูลค่าทรัพย์สินของ 4 มหาเศรษฐีให้เพิ่มขึ้นสวนทางรายชื่อส่วนใหญ่บนทำเนียบ อันได้แก่ เสถียร เสถียรธรรมะ และณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์เครื่องดื่มคาราบาว, อนันท์ รักอริยะพงษ์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Sappe และตัน ภาสกรนที ผู้ก่อตั้งอิชิตัน กรุ๊ป

    นอกจากนี้ยังมี 2 มหาเศรษฐีผู้ล่วงลับไปในปีที่ผ่านมา คนแรกคือเพชร โอสถานุเคราะห์ อดีตซีอีโอและรองประธานโอสถสภา ส่วนคนต่อมาคือชัยวัฒน์ แต้ไพสิฐพงษ์ อดีตประธานบริษัทเบทาโกร

    มูลค่าทรัพย์สินต่ำสุดบนทำเนียบปีนี้ลดลงเหลือเพียง 550 ล้านเหรียญ จากเดิม 590 ล้านเหรียญเมื่อปีที่ผ่านมา

    สำหรับ 10 อันดับ มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2024 มีดังต่อไปนี้

    1. เฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว ทรัพย์สิน 3.6 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 1.32 ล้านล้านบาท

    2. พี่น้องเจียรวนนท์ ทรัพย์สิน 2.9 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 1.06 ล้านล้านบาท

    3. เจริญ สิริวัฒนภักดี ทรัพย์สิน 1.0 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 3.68 แสนล้านบาท

    4. ครอบครัวจิราธิวัฒน์ ทรัพย์สิน 9.9 พันล้านเหรียญ หรือ 3.64 แสนล้านบาท

    5. สารัชถ์ รัตนาวะดี ทรัพย์สิน 9.2 พันล้านเหรียญ หรือ 3.38 แสนล้านบาท

    6. ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ทรัพย์สิน 3.8 พันล้านเหรียญ หรือ 1.39 แสนล้านบาท

    7. อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา และครอบครัว ทรัพย์สิน 3.6 พันล้านเหรียญ หรือ 1.32 แสนล้านบาท

    8. วานิช ไชยวรรณ ทรัพย์สิน 3.3 พันล้านเหรียญ หรือ 1.21 แสนล้านบาท

    9. ครอบครัวโอสถานุเคราะห์ ทรัพย์สิน 2.2 พันล้านเหรียญ หรือ 8.10 หมื่นล้านบาท

    10. ประยุทธ มหากิจศิริ ทรัพย์สิน 2.15 พันล้านเหรียญ หรือ 7.91 หมื่นล้านบาท


หมายเหตุ: ใช้อัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 2 ก.ค. 67 คือ 36.824 บาทต่อเหรียญสหรัฐ


แปลและเรียบเรียงจาก Thailand’s 50 Richest 2024: Tycoons Face A Reality Check As Combined Wealth Declines 12% To $153 Billion


ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine