รีแบรนด์ “อ้วยอันโอสถ” สู่ความทันสมัย - Forbes Thailand

รีแบรนด์ “อ้วยอันโอสถ” สู่ความทันสมัย

FORBES THAILAND / ADMIN
27 Oct 2014 | 11:26 AM
READ 6106

ในตลาดยาสมุนไพรที่มีผู้ผลิตผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด  ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากกระแสนิยม “ธรรมชาติ” แสวงหายารักษาโรคที่ปลอดจากผลข้างเคียงทางเคมี แต่จะมีสักกี่แห่งที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐาน และผู้บริโภคเชื่อมั่นว่าเป็นของแท้ มิเช่นเกิดขึ้นตามกระแส  ด้วยประวัติอันยาวนานเกือบ 70 ปี “อ้วยอันโอสถ” คือหนึ่งในนั้น และในวันนี้ได้ส่งผ่านถึงมือคนรุ่นหลานแล้ว

จากร้านขายยา 2 คูหา เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า ฝั่งธนบุรี “อ้วยอันโอสถ”  เริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่ปี 2490 โดยเสถียร สมบูรณ์เวชชการ แพทย์แผนโบราณและแผนจีนที่มีชื่อเสียงในเวลานั้น ทั้งยังคิดค้นสูตรตำรับยา และได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อ.ย.เป็นยาแผนโบราณ ที่บางตำรับยังคงวางจำหน่ายในทุกวันนี้ ได้เติบโตขยายกิจการโดยทายาท เปิดเป็นกิจการผลิตยาแผนโบราณที่ได้มาตรฐาน บริษัทอ้วยอันโอสถ จำกัด ในปี 2529
ท่ามกลางผู้ประกอบการยาสมุนไพรไทยมากมายเป็นพันราย แต่กลับเป็นผู้ผลิตที่ผ่านมาตรฐาน ASEAN GMP ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตยาแผนโบราณที่สูงสุดในเวลานี้เพียง 23 รายเท่านั้น  และใน 23 รายนี้ เป็นของ “อ้วยอันโอสถ” ถึง 2 แห่ง ภายใต้ชื่อ “อ้วยอันโอสถ” และผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรและอาหารเสริมในชื่อ HerbalOne
ข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กลุ่มสมุนไพร) ระบุมูลค่าการตลาดยาจากสมุนไพรในประเทศรวม 8,000 ล้านบาท แต่หากเป็นอาหารเสริมจากสมุนไพร ข้อมูลสมาพันธ์สุขภาพและความงามปี 2554 ประเมินว่าสูงถึง 80,000 ล้านบาท โดยต้องนำเข้าวัตถุดิบสารสกัดจากสมุนไพรคิดเป็นมูลค่า 20,000 ล้านบาท
ด้วยมูลค่าตลาดมหาศาลเช่นนี้ ไม่แปลกที่ผู้บริหารรุ่นใหม่ของ “อ้วยอันโอสถ” จะเล็งเห็นการเพิ่มมูลค่าด้วยการสร้างแบรนด์ ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสินค้าคุณภาพมาเนิ่นนาน
“ยอดขายของเราเติบโตตลอด หลายคนใช้ผลิตภัณฑ์เรา แต่แบรนด์เรากลับไม่เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค และไม่ทันสมัย เราตั้งเป้าไว้ว่า ถ้านึกถึงสมุนไพร อ้วยอันโอสถจะต้องเป็นแบรนด์แรกที่ผู้บริโภคนึกถึง”ทายาทรุ่นที่ 3 นิชา และ ชนรรค์ สมบูรณ์เวชชการ บอกเล่าภารกิจหลักของการเข้ารับช่วงกิจการของครอบครัว ที่ดำเนินงานมายาวนาน 70 ปี
นิชา สมบูรณ์เวชชการ กรรมการบริหารและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท อ้วยอันโอสถ จำกัด รับผิดชอบงานการตลาดและฝ่ายบุคคล เปิดเผยว่า ความเปลี่ยนแปลงของอ้วยอันโอสถเกิดครั้งแรกในสมัย สิทธิชัย สมบูรณ์เวชชการ ผู้เป็นพ่อ ที่เข้ามาขยายกิจการจากร้านขายยาเดิม ซึ่งเป็นช่วงผู้บริโภคเริ่มเสื่อมความนิยมยาแผนโบราณในลักษณะยาลูกกลอนกันแล้ว โดยได้คิดค้นยาสมุนไพรแคปซูล ยาน้ำต่างๆ ยาอมสมุนไพรเพิ่มขึ้น และยังคงเป็นที่นิยมจนปัจจุบัน แต่แบรนด์อ้วยอันโอสถยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย หลายคนใช้ผลิตภัณฑ์ของเราเป็นประจำ แต่กลับไม่รู้จักแบรนด์ของเรา
"ภาพลักษณ์ของอ้วยอันโอสถเมื่อเข้าสู่รุ่นที่ 3 คือการกลับมาทบทวน Brand Positioning, Brand personality และทิศทางของแบรนด์กันใหม่ เพื่อทำการตลาดที่เข้าถึงใจของผู้บริโภค เพิ่มเติมจากกลยุทธ์ทางการตลาดที่ผ่านมา"
โดยบริษัทยังจะต้องมุ่งเน้นคุณภาพการผลิต ไม่ว่าจะเป็นการคัดสรรวัตถุดิบ กระบวนการผลิตที่รักษาคุณค่าของสมุนไพรไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะทำให้สินค้าของอ้วยอันโอสถแตกต่างจากคู่แข่งคือความน่าเชื่อถือ พิสูจน์ได้จากประวัติที่มีมายาวนาน
นิชากล่าวอีกว่า ภาระหน้าอีกอย่างคือการทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักแพร่หลายกว่าเดิม โดยการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่ยังไม่เคยใช้ยาจากสมุนไพร ด้วยการทุ่มงบโฆษณา 10 ล้านบาท เพื่อโปรโมทสินค้า รวมทั้งพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยเหมาะกับคนรุ่นใหม่ รวมถึงการใช้โซเชียลมีเดียในการเจาะตลาดและสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก
“ในปีหน้า เป้าหมายเราอยู่ที่การเพิ่มยอดขายในโมเดิร์นเทรด เพิ่มจากปัจจุบันที่ 35% ไปเป็น 45%  ขณะที่ช่องทางหลักของเราตั้งแต่สมัยคุณปู่ คือร้านขายยาที่มีกว่า 6,000 แห่ง ก็จะทำกิจกรรมการค้าส่งเสริมการขายให้มากขึ้น”
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าของอ้วยอันโอสถแบ่งเป็นกรุงเทพฯ 60%  และต่างจังหวัด 40%  โดยยอดขายของบริษัทในปี 2557 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 280 ล้านบาท เติบโตคิดเป็น 15% จากปีที่แล้ว  และในปี 2558  บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโต 20-25%”
ด้าน ชนรรค์ สมบูรณ์เวชชการ กรรมการผู้จัดการบริษัท อ้วยอันโอสถ จำกัด ดูแลฝ่ายผลิต การควบคุมคุณภาพ R&D รวมถึงส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ เสริมว่า ในปี 2558 ทางบริษัทมีแผนขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต เพราะว่าได้ใช้โรงงานที่มีเต็มกำลังการผลิตแล้ว เนื่องจากความนิยมในผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรเพิ่มมากขึ้น และเพื่อเตรียมพร้อมขยายตลาดรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอีกด้วย
"เรามั่นใจในการขยายตลาดในประเทศ AEC ในอีก 2 ปีข้างหน้านี้ ปัจจุบันบริษัทได้ส่งผลิตภัณฑ์จำหน่ายในประเทศลาวและกัมพูชาแล้ว ได้แก่ ยาอมสมุนไพร ยาน้ำเขากุย และยาน้ำแก้ไอมะแว้ง เป็นต้น  นอกจากนี้ได้ส่งไปยังประเทศโรมาเนีย ออสเตรีย และอิสราเอล โดยมีการขึ้นทะเบียนยาในประเทศเหล่านี้อย่างถูกต้อง”
ผู้บริหารรุ่นหลานกล่าวอีกว่า นอกเหนือจากคุณภาพสินค้าแล้ว ธุรกิจยาสมุนไพรต้องสร้าง "นวัตกรรม" เพื่อให้เป็นจุดขายในการแข่งขันด้วย เราจึงนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและงานวิจัยสมุนไพรมาผสมผสานกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของตัวยา เช่นยาขมิ้นชันพลัส เรานำขมิ้นชันมาสกัดด้วยวิธี solvent extraction, oil separation, evaporation, และ spray drying เพื่อเพิ่มความเข้มข้น อีกทั้งยังคิดสูตรทำให้สาร curcuminoid ในขมิ้นชันนั้นได้ถูกซึมซับเข้าสู่ร่างกายเพิ่มมากขึ้นถึงเท่าตัว ที่ผ่านมาเรากินแคปซูลสมุนไพรต้องกินครั้งละ 2-3 เม็ด  แต่สำหรับขมิ้นชันพลัสแล้ว แค่เพียงเม็ดเดียวก็พอ
ในด้านมาตรฐานการผลิต  นอกมาตรฐานการผลิต ASEAN GMP แล้ว  อ้วยอันโอสถยังมีระบบการตรวจสารสำคัญ ด้วยเครื่อง spectophotometer และ high performance liquid chromatography (HPLC) เพื่อทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นว่าทุกครั้งที่ใช้สมุนไพรของเรา จะได้ตัวยาที่มีมาตรฐานเหมือนกันทุก
เขาบอกด้วยว่า คำว่า “อ้วยอัน” ในภาษาจีนนั้นแปลว่า “สะอาดและปลอดภัย”  ทางเราต้องยึดถือปรัชญาธุรกิจที่มีมาตั้งแต่รุ่นปู่เอาไว้ ไม่ว่ารูปลักษณ์ของอ้วยอันโอสถจะเปลี่ยนแปลงไปสู่ความทันสมัย หรือใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่ก้าวหน้าเทียบเท่ายาแผนปัจจุบันก็ตาม แต่เป็นหน้าที่ที่จะต้องรักษาคุณค่าที่มีมาแต่อดีต ให้ครองใจผู้บริโภคทุกยุคสมัยต่อไป