ชีวาส รีกัล เปิดรับสมัครนักธุรกิจเพื่อสังคมแคมเปญ The Venture ปี 3 เพื่อพิชิตเงินรางวัล 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 1 ธันวาคม 2559

มร.เควนติน จ็อบ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) จัดแคมเปญ The Venture ปี 3 ประกาศค้นหาสุดยอดนักธุรกิจหรือผู้ที่มีแนวคิดสร้างธุรกิจเพื่อสังคมอย่างยั่งยืน (Social Enterprise) เข้าร่วมการแข่งขันในประเทศไทยทั้งกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น (Start-Up Stage) หรือช่วงธุรกิจพัฒนา (Growth Stage) ที่ต้องการสานฝันธุรกิจของตนเองให้ก้าวสู่เวทีระดับโลก และเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าแข่งขันกับนักธุรกิจทั่วโลกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งพิชิตเงิน รางวัล 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ โดยผู้ที่สนใจสามารถกรอกใบสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่เว็บไซต์ <a href="http://www.chivas.com/th-th/the-venture">http://www.chivas.com/th-th/the-venture</a> ตั้งแต่วันนี้ถึง 1 ธันวาคม 2559

โดยมีคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าประกวดมีศักยภาพที่ดีและสร้างปรากฏการณ์นักธุรกิจหน้าใหม่ ได้แก่ มร.เควนติน จ็อบ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย), ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.), เอด้า จิรไพศาลกุล ผู้ก่อและผู้อำนวยการบริหารเครือข่ายจิตอาสารุ่นเยาว์ หรือ Thai Young Philanthropist Network (TYPN), พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด, กระทิง เรืองโรจน์ พูนผล กรรมการหุ้นส่วนผู้จัดการบริษัท 500 Tuk Tuks และ อาชว์ วงศ์จินดาเวทย์ ผู้ก่อตั้งกิจการ Socialgiver โดยกรรมการทั้ง 6 ท่านจะเป็นผู้คัดเลือกนักธุรกิจที่มีไอเดียและนำเสนอโมเดลธุรกิจด้านสังคมเพื่อสังคม

ชีวาส รีกัล เปิดรับสมัครนักธุรกิจเพื่อสังคมแคมเปญ The Venture ปี 3

<div id="stcpDiv" style="position: absolute; top: -1999px; left: -1988px;">โหวต ได้ทุกอาทิตย์เพียง 1 ครั้ง (ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2558) เพื่อให้ "Socialgiver" start-up 1 เดียวจากประเทศไทยที่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายจากผู้สมัคร start-up กว่า 1,000 ราย เข้าร่วม แคมเปญ The Venture โดย Chivas เพื่อชิงรางวัลสูงสุด 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการโหวตทั่วโลก - See more at: http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=439#sthash.n2qsMKYD.dpuf</div>
โหวตได้ทุกอาทิตย์เพียง 1 ครั้ง เพื่อให้ "LOCAL ALIKE" start-up 1 เดียวจากประเทศไทยที่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายจากผู้สมัคร start-up เข้าร่วม แคมเปญ The Venture โดย Chivas เพื่อชิงรางวัลสูงสุด 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการโหวตทั่วโลก ได้ที่ <a href="http://www.theventure.com/th/th/finalists/local-alike">www.theventure.com/th/th/finalists/local-alike</a>
<iframe src="https://www.youtube.com/embed/q4Vkw_dmomc" width="100%" height="315" frameborder="0" allowfullscreen="allowfullscreen"></iframe>
<div id="stcpDiv" style="position: absolute; top: -1999px; left: -1988px;">โหวต ได้ทุกอาทิตย์เพียง 1 ครั้ง (ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2558) เพื่อให้ "Socialgiver" start-up 1 เดียวจากประเทศไทยที่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายจากผู้สมัคร start-up กว่า 1,000 ราย เข้าร่วม แคมเปญ The Venture โดย Chivas เพื่อชิงรางวัลสูงสุด 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการโหวตทั่วโลก - See more at: http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=439#sthash.n2qsMKYD.dpuf</div>
โลเคิล อไลค์ เป็นกิจการเพื่อสังคมด้านการท่องเที่ยว เรามุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนชุมชนภาคท้องถิ่นโดยมีจุดมุ่ง หมายเพื่อเชื่อมต่อนักท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบ และชุมชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมการท่องเที่ยวที่สร้างสรรค์ และได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมประเพณีของแต่ละท้องถิ่น เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชน โดยมีขั้นตอนการทำงานที่เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วม ในการพัฒนาตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเส้นทางการท่องเที่ยว การพัฒนาคุณภาพชีวิต การเสนอประสบการณ์ท้องถิ่นและเพิ่มความสามารถในการจัดการท่องเที่ยวด้วยตัว เอง ในฝั่งของนักท่องเที่ยว เราเน้นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในชุมชน โดยทำหน้าที่เป็นผู้ประสานให้การอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยวที่สนใจ รวมถึงคัดกรองนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพให้ชุมชน เพื่อให้มั่นใจว่าทั้งชุมชนและนักท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์ที่มีคุณค่า และมีความหมายน่าจดจำ

ผลกระทบเชิงบวกทางสังคม

<a href="http://www.theventure.com/th/th/finalists/local-alike"><img class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/APRIL%202016/Art-local-2.png" alt="" /></a>
เราก่อตั้งกองทุนที่ได้จากรายได้ในการท่องเที่ยวในชุมชน เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและลดปัญหาต่างๆของชุมชนที่เข้าร่วมเพื่อการพัฒนา อย่างยั่งยืน หลังจากก่อตั้งธุรกิจมาเป็นเวลาสามปี เราก็ประสบความสำเร็จในการพัฒนาชุมชนทั้ง 30 ชุมชน โดยร่วมมือกับชาวบ้านทั้ง 15,000 คน โลเคิล อไลค์มีวิสัยทัศน์ที่จะขยายแผนต้นแบบธุรกิจของเรา และเติบโตเป็นศูนย์กลางตลาดของการท่องเที่ยวแบบชุมชนอย่างสมบูรณ์แบบใน ประเทศไทย ทุกๆปีมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 22 ล้านคนเข้ามาในประเทศไทย 20% ของนักท่องเที่ยวเหล่านั้นมุ่งเน้นในด้านการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เราพยายามจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่รับผิดชอบแบบนี้ให้มากขึ้น ในประเทศไทยมีกิจกรรมการท่องเที่ยวในชุมชนอยู่ 200 กิจกรรมและ กว่า 2,000 หมู่บ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังขาดช่องทางที่น่าเชื่อถือในการเชื่อม ต่อกับลูกค้า เมื่อธุรกิจของเราเติบโตออกไป ความตระหนักถึงและความสามารถในการช่วยเหลือชุมชนก็จะมีมากขึ้นด้วย โลเคิล อไลค์ ส่งเสริมให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชน การท่องเที่ยวจะก่อให้เกิดการสร้างงาน นำมาสู่เป้าหมายการลดการย้ายถิ่นฐานจากชนบทเข้าสู่เมือง โดยการสร้างงานที่เหมาะสมกับคนรุ่นใหม่ในชุมชนของตัวเอง การพัฒนาเหล่านี้จะช่วยลดความไม่เท่าเทียมของโอกาส อย่างเช่น การเข้าถึงงานและการศึกษาซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความยากจน เราทำหน้าที่เป็นสื่อกลางที่จะลดความเหลื่อมล้ำและการถูกเอาเปรียบจากพ่อค้า คนกลางที่พานักท่องเที่ยวไปสู่ชุมชน และส่งเสริมการอนุรักษ์ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นจากรุ่นต่อ รุ่นสืบไป

สิ่งที่เราต้องการ

<a href="http://www.theventure.com/th/th/finalists/local-alike"><img class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/APRIL%202016/cf3b69813ed0afb7329fd890b1baf5f81457535255.jpg" alt="" /></a>
เราเชื่อว่าเราพร้อมแล้วที่จะขยายชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ไปถึง 100 ชุมชนทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน และมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการปีละไม่ต่ำกว่า 15,000 คน เพื่อที่คนกลุ่มนี้จะได้ช่วยเป็นกระบอกเสียงในการสร้างจิตสำนึกการท่อง เที่ยวแบบรับผิดชอบ เรามีเป้าหมายแผนธุรกิจภายใน 5 ปีข้างหน้าที่จะมีโมเดลธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อสังคมที่มีวิธีปฏิบัติในรูปแบบ ที่ไม่เอารัดเอาเปรียบชุมชน นำเสนอการจัดการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนที่ถูกวิธี เราหวังว่าเงินทุนจากโครงการ The Venture จะช่วยสร้างแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนและเป็นช่องทางการตลาดที่น่า เชื่อถือสำหรับนักท่องเที่ยวและชุมชน เป็นเสมือน Airbnb สำหรับการท่องเที่ยวชุมชน และเป็นที่ยอมรับในระดับโลก
ทีมงาน

โลเคิล อไลค์ มุ่งมั่นที่จะช่วยพัฒนาชุมชนท้องถิ่น ด้วยวัตถุประสงค์ที่แน่วแน่ที่จะสร้างให้เกิดกระแสการท่องเที่ยวชุมชนที่รับ ผิดชอบและยั่งยืน ทีมของเราประกอบด้วยทีมงานที่มีทักษะในด้านที่ต่างๆกันที่จำเป็นสำหรับการ ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวแบบชุมชน เช่น ศาสตร์ในการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน การพัฒนาชุมชน การพัฒนาเทคโนโลยี การบริการท่องเที่ยว และ การขายและ การทำการตลาด สมศักดิ์ ผู้ก่อตั้ง เกิดที่ชุมชนชนบทในต่างจังหวัด เขามีจิตสำนึกทราบซึ้งกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและการพัฒนาเศรษฐกิจแบบพอเพียง เขาจบวิศวกรรมศาสตร์และได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโทสาขาการพัฒนาที่ยั่งยืน จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีประสบการณ์ทำงานกับกิจการเพื่อสังคมชั้นนำของประเทศไทย และจะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันในรอบสุดท้าย สุรัชนา ผู้ร่วมก่อตั้ง เป็นนักผจญภัย มีหน้าที่รับผิดชอบการออกแบบประสบการณ์ท่องเที่ยวและงานสร้างสรรค์อื่นๆของบริษัท ปฐมพร เป็น ทีมงานหลักดูแลการ จัดกิจกรรมท่องเที่ยวที่มีคุณภาพร่วมกับชุมชน ดูแลการบริหารนักท่องเที่ยวที่มีมาตรฐาน และพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวร่วมกับชุมชน เรายังคงมองหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่เชื่อในการพัฒนาสังคมด้วยการ ท่องเที่ยว เพื่อสร้างความแข็งแกร่งรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคตอันใกล้

ร่วมส่งกำลังใจและคะแนนโหวตให้กับ "LOCAL ALIKE" ตัวแทนสุดยอดนักธุรกิจเพื่อสังคมจากประเทศไทยในแคมเปญ The Venture ผ่านทาง <a href="http://www.theventure.com/th/th/finalists/local-alike">www.theventure.com/th/th/finalists/local-alike</a>

ร่วมโหวต "LOCAL ALIKE" start-up 1 เดียวจากประเทศไทยเพื่อชิงรางวัลสูงสุด 1 ล้านเหรียญฯ

เรื่อง: สุทธาสินี จิตรกรรมไทย / ภาพ: Pernod Ricard

สิ่งที่ Forbes Life บอกคุณไม่เกินความจริงเลยสักนิด เพราะด้วยทำเลซึ่งตั้งอยู่บนตึกสูงกว่า 60 ชั้นนี่เอง ทำให้แชมเปญบาร์แห่งนี้ครองตำแหน่งดังกล่าวไปโดยปริยาย ที่นั่นคุณสามารถชื่นชมทัศนียภาพโดยรอบของกรุงเทพฯ แบบมุมสูง พร้อมดื่มด่ำความงามยามค่ำคืนของมหานครแห่งนี้ ที่ประดับประดาไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ และแน่นอนว่ายังได้จิบแชมเปญรสเลิศจาก Perrier-Jouët

ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับเพรสทีจในกลุ่ม Pernod Ricard ส่งตรงจากแคว้น Champagne ทั้ง Perrier-Jouët Grand Brut, Perrier-Jouët Belle Epoque และ Perrier-Jouët Blason Rosé มาให้ได้สัมผัสรสชาตินุ่มละมุน

<img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/art---new-04.png" alt="" />
Thibaut de Poutier de Sone

ในวันที่เราไปเยือน Flûte-A Perrier-Jouët Bar เป็นจังหวะเดียวกับที่ Thibaut de Poutier de Sone ผู้เป็น Executive VP On-Trade &amp; Luxury Development ของ Pernod Ricard เดินทางมาเยือนเมืองไทยพอดี เราจึงมีโอกาสสนทนากับผู้บริหารระดับสูงขององค์กรที่มีแบรนด์ทั้งสุรา ไวน์ แชมเปญ คอนญัก วิสกี้ วอดก้า ฯลฯ

อยู่ในความดูแลรวมแล้วถึง 37 แบรนด์ เช่น Chivas Regal, Absolut Vodka Jameson, Martell ฯลฯ ครอบคลุมไลฟ์สไตล์การดื่มของคนทุกกลุ่ม

หากมองในภาพรวมทั่วโลก Pernod Ricard คือเบอร์ 2 ในตลาดไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ถ้าจำเพาะเจาะจงไปที่ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับพรีเมียมและเพรสทีจแล้ว แน่นอนว่า Pernod Ricardยังคงครองบัลลังก์อย่างเหนียวแน่น

โดยที่ในปีงบประมาณ 2014/2015 นั้น Pernod Ricard มียอดขายรวม 8,558 ล้านยูโร และมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจสูงถึง 2,238 ล้านยูโร Thibaut de Poutier de Sone เล่าให้ Forbes Life ฟังถึงความคึกคักของตลาดลักชัวรี่ในปี 2015

จากการวิจัยของ Bain &amp; Company ตลาดลักชัวรี่ มีมูลค่ารวมราว 1,044 พันล้านยูโร กระโดดจากปี 2014 ประมาณ 14 เปอร์เซ็นต์ สินค้าที่มาแรงที่สุดในตลาดลักชัวรี่คือรถยนต์ที่ครองสัดส่วนมูลค่า 405 พันล้านยูโร รองลงมาคือสินค้าหรูทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า นาฬิกา ฯลฯ

ซึ่งมีมูลค่า 253 พันล้านยูโร ตามด้วยโรงแรมที่มีมูลค่าประมาณ 176 พันล้านยูโร ส่วนไวน์และสุราอยู่ที่ 64 พันล้านยูโร ในมุมมองของผู้บริหารหนุ่มคนนี้เห็นว่า ปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ตลาดลักชัวรี่เติบโตก็คือ จำนวนนักท่อง-เที่ยวที่เดินทางระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ และจำนวนของผู้คนที่มีกำลังซื้อสูงที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

เพื่อรั้งตำแหน่งเบอร์ 1 ของตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับพรีเมียมและเพรสทีจ รวมทั้งเจาะกลุ่มผู้ที่ Thibaut de Poutier de Sone เรียกว่า High-Net-Worth Individuals (HNWIs) หรือผู้ที่มีสินทรัพย์สภาพคล่องมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไป

ซึ่งขณะนี้มีกว่า 14 ล้านคนทั่วโลก และเติบโตขึ้นราว 7 เปอร์เซ็นต์ทุกปี ทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อถึงเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ในตลาดลักชัวรี่ Pernod Ricard จึงมีกลยุทธ์ Le Cercle จัดพอร์ตแบรนด์หรูที่มีประวัติความเป็นมาร่วมร้อยปีและสั่งสมชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน เช่น Royal Salute, Martell, The Glenlivet, Perrier-Jouët ฯลฯ เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเครื่องดื่มชั้นสูงของคนกลุ่มนี้

โดยเฉพาะ เราจึงได้เห็น Flûte-A Perrier-Jouët Bar ในเมืองไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มี HNWIs อยู่มากกว่า 8 หมื่นคน ไม่เพียงแค่จัดพอร์ตแบรนด์ชั้นเยี่ยม แต่ Pernod Ricard ยังจัดทีมผู้บริหารระดับสูง (แน่นอนว่าต้องรวมบุคคลที่เรากำลังสนทนาอยู่ขณะนี้เข้าไปด้วย) และพนักงานเพื่อดูแลผลิตภัณฑ์ลักชัวรี่ รวมถึงทำความเข้าใจการใช้ชีวิตและความชอบของกลุ่ม HNWIs

“เพราะนอกจากโรงแรมหรือบาร์ชื่อดังที่พวกเขานิยมไปแฮงก์เอ๊าต์กันแล้ว ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่เอ็กซ์คลูซีฟจริงๆ ที่พวกเขาจะเลือกไปใช้เวลาพักผ่อนหรือกินดื่มด้วยกัน ทีมงานของเราจึงต้องรู้จักการใช้ชีวิตของกลุ่มคนเหล่านี้ เพื่อจะได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการชั้นยอดออกมา” ผู้บริหารหนุ่มอธิบาย ขณะเดียวกันก็เจาะกลุ่มลูกค้าผู้จัดอยู่ในระดับมั่งคั่งที่มีอยู่ราว 140 ล้านคนทั่วโลกอีกด้วย

<img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/art---new-03.png" alt="" data-wp-editing="1" />
Patrick Castanier

สำหรับเมืองไทย Patrick Castanier คือบุคคลผู้รับบทหัวเรือใหญ่ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2013 เขาสร้างชื่อ Pernod Ricard และแบรนด์ต่างๆ ในกลุ่มให้ครองใจคนไทยได้มากขึ้น เช่น การจัดอีเวนต์ร่วมกับโรงแรมและร้านอาหารชั้นนำของเมืองไทยหลายแห่ง หรือเป็นพันธมิตรร่วมกับองค์กรต่างๆ

หลังจากเราพบเขาหลายครั้ง ทั้งในงาน Forbe24s Thailand Forum และโครงการ “The Venture” ของ Chivas Regal ที่เฟ้นหานักธุรกิจผู้มีแนวคิดช่วยเหลือสังคมแล้ว ต้องยอมรับว่า Patrick Castanier คือผู้บริหารมากความสามารถคนหนึ่งทีเดียว

ท่ามกลางกระแสการแข่งขันอันเชี่ยวกรากในธุรกิจลักชัวรี่ แต่ Pernod Ricard กลับไม่เร่งรีบขยายตลาด “เราต้องการจะเป็นองค์กรที่เติบโตไปทีละก้าวอย่างมั่นคงครับ” คือคำอธิบายทิ้งท้ายของ Thibaut de Poutier de Sone

<img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/art---new.png" alt="" />

<img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/art---new-02.png" alt="" />

<hr />

<a href="http://goo.gl/i44sOM">คลิ๊กอ่านทุกเรื่องราวของความมีรสนิยมได้ที่ ForbesLife Thailand ฉบับ MARCH 2016 ในรูปแบบ E-Magazine</a>
<a href="http://goo.gl/i44sOM"><img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/2016%20march/FL_005-1-re.jpg" alt="" width="347" height="415" /></a>

Into “Le Cercle”with Pernod Ricard

หลังจากประสบความสำเร็จในการเฟ้นหาสุดยอดนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่แนวคิดสร้างสรรค์ช่วยเหลือสังคมไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา ปีนี้ Chivas Regal เดินหน้าโครงการ The Venture ปี 2 ซึ่งผู้ชนะเลิศจากประเทศไทย จะมีสิทธิเป็นเข้าร่วมชิงเงินรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐ 
&nbsp; 
Patrick Castanier กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงโครงการ The Venture ปี 2 ว่า ต้องการให้เป็นหนึ่งในโครงการที่ผลักดันให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และนักธุรกิจทุกคนสามารถเป็นแรงขับเคลื่อนดังกล่าวได้ 
 
ส่วน อลิสา นภาทิวาอำนวย ผู้ก่อตั้ง Socialgiver ซึ่งเป็นผู้ชนะเลิศโครงการ The Venture ปี 1 ด้วยแนวคิดทำให้พื้นที่ออนไลน์กลายเป็นสถานที่ที่รวมการช็อปปิ้งและการช่วยเหลือสังคมเข้าไว้ด้วยกัน บอกเล่าถึงประสบการณ์ในการเป็นตัวแทนประเทศไทย เดินทางไปประกวดโครงการ The Venture ที่สหรัฐอเมริกา ว่า ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ของโครงการ ได้รับคำแนะนำที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจที่ทำอยู่ได้ และได้ทำกิจกรรมร่วมกับผู้ชนะเลิศในโครงการ The Venture ของแต่ละประเทศ ทำให้ได้แลกเปลี่ยนมุมมองและความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ 
&nbsp; 
ภายในงาน ยังเปิดตัวคณะกรรมการ The Venture ปี 2 ซึ่งมาจากหลากหลายสาขา ได้แก่ 
<ul>
	<li>
		Patrick Castanier กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด</li>
	<li>
		กฤษฎา สวามิภักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นิตยสาร Forbes Thailand</li>
	<li>
		Alex Mavro ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการความยั่งยืนแห่งศศินทร์</li>
	<li>
		อาชว์ วงศ์จินดาเวศย์ ผู้ก่อตั้ง Socialgiver</li>
	<li>
		พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด</li>
	<li>
		Soushiant Zanganehpour ผู้เขียนหนังสือ Redefining Success in a Changing World</li>
</ul>
กรรมการทั้ง 6 จะเป็นผู้คัดเลือกนักธุรกิจที่มีโครงการธุรกิจเพื่อสังคมที่โดดเด่น จำนวน 5 ทีม จากผู้สมัครทั้งหมดที่จะได้รับเงินรางวัลมูลค่ารวมถึง 3 ล้านบาทจาก Chivas Regal ประเทศไทย และเฟ้นหาผู้ชนะเลิศเพียง 1 ทีม เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยไปเข้าร่วมโครงการ The Venture ปี 2 ซึ่งปีนี้จะมีกว่า 28 ประเทศเข้าร่วม ผู้ชนะแต่ละประเทศจะได้รับคำแนะนำจากนักธุรกิจผู้มีชื่อเสียงระดับโลกเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และแข่งขันชิงเงินรางวัล 1 ล้านเหรียญ 
 
ติดตามรายละเอียดและสมัครเข้าร่วมโครงการ The Venture ปี 2 ได้ที่ <a href="http://www.theventure.com/th">www.theventure.com/th</a> ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึง 1 ธันวาคม นี้

Chivas เปิดตัว The Venture ปี 2 เฟ้นหาสุดยอดนักธุรกิจเพื่อสังคม

โหวตได้ทุกอาทิตย์เพียง 1 ครั้ง (ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2558) เพื่อให้ "Socialgiver" start-up 1 เดียวจากประเทศไทยที่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายจากผู้สมัคร start-up กว่า 1,000 ราย เข้าร่วม แคมเปญ The Venture โดย Chivas เพื่อชิงรางวัลสูงสุด 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการโหวตทั่วโลก 
 
Socialgiver นำเสนอ การ &lsquo;ช็อป&rsquo; และ การ &lsquo;ช่วย&rsquo; ในเวลาเดียวกันในขณะที่คุณกำลังเติมเต็มชีวิตและไลฟ์สไตล์ <a href="http://socialgiver.com">socialgiver.com</a> ทันทีที่คุณ &ldquo;คลิกซื้อ&rdquo; เงินจำนวนนั้นจะนำไปช่วยเหลือโครงการดีๆ เพื่อสังคมที่คุณสามารถเลือกเองได้ ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิ กลุ่มจิตอาสา และโครงการต่างๆ ที่ได้รับความเดือดร้อนและขาดเงินสนับสนุน ทั้งในประเด็นการศึกษา สุขภาพ สัตว์และสิ่งแวดล้อม ผู้พิการ โดยมี <a href="http://socialgiver.com">socialgiver.com</a> เป็นสื่อกลาง 
 
<a href="https://www.socialgiver.com/"><img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" height="785" src="/uploads/userfiles/images/May%202015/66121040d22304a4b2976a1cbdd60e4b1431074200-re.jpg" width="680" /></a>&nbsp; 
ในปัจจุบันองค์กรที่มุ่งแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม กำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนทุนทรัพย์อย่างต่อเนื่องที่จะนำไปพัฒนาสังคมในประเด็นต่างๆ Socialgiver จึงริเริ่มแนวคิดที่จะเป็นช่องทางระดมทุนให้แก่โครงการเพื่อสังคม เพื่อให้พวกเขาสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืน พร้อมกับการสร้างความโปร่งใสให้ผู้สมทบทุนได้เห็นอย่างต่อเนื่อง Socialgiver.com เป็นเว็บไซต์ที่ไม่แสวงหาผลกำไร โดยจะมีการหักค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นค่าดำเนินงานเท่านั้น เพื่อดำรงสังคมแห่งการให้นี้้ให้ยั่งยืนต่อไป แต่หากคุณเลือกที่จะบริจาคเพียงอย่างเดียวโดยที่ไม่มีการซื้อสินค้าและบริการ เงินบริจาคของคุณจะเข้าสู่โครงการที่คุณต้องการสนับสนุน 100% โดยไม่หักค่าดำเนินการใดๆทั้งสิ้น ทำให้ <a href="http://socialgiver.com">socialgiver.com</a> เป็นเว็ปไซต์ที่ถูกที่สุดในโลก ในการบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือสังคม ซึ่งคุณสามารถติดตามผลงานของเราได้ตั้งแต่ต้นจนจบ 
 
<a href="https://www.socialgiver.com/vote"><img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" height="430" src="/uploads/userfiles/images/social-giving-re.jpg" width="573" /></a> 
ร่วมส่งกำลังใจและคะแนนโหวตให้กับ Socialgiver ตัวแทนสุดยอดนักธุรกิจเพื่อสังคมจากประเทศไทยในแคมเปญ The Venture ผ่านทาง <a href="http://www.theventure.com/th/en/finalists/socialgiver">www.theventure.com/th/en/finalists/socialgiver</a> และสามารถร่วมระดมทุนเพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจให้กับ Socialgiver ได้ทาง Indiegogo <a href="http://igg.me/at/socialgiver">http://igg.me/at/socialgiver</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events