บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้ความร่วมมือ Thailand Blockchain Community Initiative โดยการสนับสนุนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อศึกษาเทคโนโลยี Blockchain นำมาพัฒนาเป็นบริการที่จับต้องได้จริงในภาคการเงินและภาคธุรกิจ เป็นผู้ให้บริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์บนระบบบล็อกเชน (Letter of Guarantee on Blockchain) เป็นบริการแรก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของโลกที่ธนาคารไทยและธนาคารต่างประเทศ 22 แห่ง ร่วมใช้บล็อกเชนบนระบบเดียวกัน

IRPC เป็นหนึ่งในองค์กรธุรกิจที่ได้นำระบบหนังสือค้ำประกันแบบอิเล็กทรอนิกส์บนระบบบล็อกเชนมาใช้เสริมประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและอำนวยความสะดวกแก่คู่ค้าของบริษัทฯ เพื่อสร้างความได้เปรียบในเวทีธุรกิจ โดยมี ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวเปิดงาน ณ ห้องภัทรรวมใจ อาคาร 2 ชั้น 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย

ด้วยบริการ หนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์บนระบบบล็อกเชน (Letter of Guarantee on Blockchain) จะช่วยลดต้นทุนในการจัดการเอกสารและการดูแลข้อมูล ตลอดจนลดขั้นตอนในการทำงาน ภายใต้ความปลอดภัยระดับโลก โดยเป็นการรับรองหนังสือค้ำประกัน ผ่านระบบ Cloud Technology ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ อาศัยเทคโนโลยีบล็อกเชนซึ่งช่วยให้การใช้งานคล่องตัว ปลอดภัย เชื่อถือได้ ป้องกันการปลอมแปลงหนังสือค้ำประกัน รองรับการทำธุรกรรม และสามารถตรวจสอบสถานะได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการ ทำให้ผู้ออกหนังสือค้ำประกันสามารถวางหนังสือค้ำประกันได้เร็วขึ้น ผู้รับวางหนังสือค้ำประกันสามารถตรวจสอบเอกสารได้อย่างรวดเร็วบนระบบอิเล็กทรอนิกส์ 100%

&nbsp;

&nbsp;

IRPC ร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว บริษัท BCI ให้บริการ Letter of Guarantee on Blockchain

<h2>คุณรัชดาภรณ์ ราชเทวินทร์ (ที่ 2 จากขวา) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) ร่วมแถลงข่าวในฐานะที่บริษัทฯ เข้าร่วมโครงการ 'Thailand Blockchain Community Initiative' จัดโดย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับธนาคาร 14 แห่งในไทย และรัฐวิสาหกิจและองค์กรธุรกิจใหญ่ 7 แห่ง เพื่อนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมายกระดับประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของประเทศ</h2>
โดยเริ่มต้นด้วยโครงการบริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์บนระบบบล็อกเชนเป็นครั้งแรกของไทย สร้างโครงข่ายหนังสือค้ำประกันที่มีประสิทธิภาพสูง เชื่อถือได้ ปลอดภัย และมีมาตรฐาน โดยนำระบบหนังสือค้ำประกัน สู่ยุคเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ 100% ลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 2 เท่า นอกจากนี้ ยังเป็นการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนผ่านระบบ Cloud Technology จึงช่วยให้ผู้ใช้งานมีความคล่องตัวสูง เพราะสามารถกำหนดการตั้งค่าใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น รองรับการทำธุรกรรมและตรวจสอบสถานะได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งอยู่ในระหว่างการทดสอบภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (Regulatory Sandbox)  เพื่อช่วยพัฒนาบริการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นให้เป็นไปอย่างมีมาตรฐานและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้บริการและภาคเศรษฐกิจของประเทศ โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ในไตรมาส 3 ปีนี้

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events