‘เอส เอ็น เซอร์วิส โซลูชั่นฯ’ เผยการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอาจกระทบธุรกิจบริการ Outsource แต่มองว่าสามารถพูดคุยกับลูกค้าได้ มุ่งเพิ่มคุณภาพพนักงานผ่านการอบรมอย่างต่อเนื่อง&nbsp;โดยคาดการณ์ว่ารายได้ปี 67 ยังโต 30% นอกจากนี้การเข้าเทรดวันแรก (14 พ.ค.) ใน LiVEEx ราคา IPO พุ่ง 33% เผยเตรียมเข้า mai ภายใน 2-3 ปี &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สรรค์ สยามิภักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอส เอ็น เซอร์วิส โซลูชั่น (SNSS24) ธุรกิจให้บริการและบริหารจัดการอาคาร เปิดเผยกับ Forbes Thailand ว่า ธุรกิจกลุ่มบริการ Outsource มีการใช้แรงงานค่อนข้างมาก หากค่าแรงขั้นต่ำปรับตัวเพิ่มขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เช่น ในส่วนธุรกิจบริหารอาคารมีค่าใช้จ่ายแรงงานราว 70% ส่วนงานทำความสะอาดอยู่สูงถึง 80% ฯลฯ โดยปี 2566 ที่ผ่านมามีการปรับขึ้นถึง 3 ครั้ง ซึ่งประเด็นนี้สามารถพูดคุยกับลูกค้าได้ รวมถึงในการประมูลงานจะมีการระบุหมายเหตุเป็นกรอบราคาไว้ว่า หากค่าแรงมีการปรับขึ้นอาจมีการปรับขึ้นตาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ค่าแรงจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่แรงงานยังเป็นส่วนสำคัญในธุรกิจนี้ โดยปัจจุบันบริษัพนักงาน 800 คน แต่ละเดือน จะมีการจัดอบรมสร้างความชำนาญ เพื่อให้คุณภาพการบริการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยแต่ละปีทาง SNSS24 ได้ตั้งงบเพื่อ Training พนักงานราว 3-5% ของรายได้&nbsp; &nbsp; แม้จะมีความท้าทายต่างๆ แต่ธุรกิจบริการ Outsource ยังมีโอกาสให้เติบโตอีกมากโดยมูลค่าตลาดของธุรกิจนี้อยู่ที่หลักหมื่นล้านบาท ซึ่งในส่วนของ SNSS24 ซึ่งมี 3 ส่วนใหญ่ ปีนี้จะมุ่งเน้นขยายใน 1) ธุรกิจบริหารจัดการอาคารที่มีสัดส่วน 45% 2) ธุรกิจอาหาร (เช่น บริหารอาหารสำหรับผู้ป่วยในโรงพยาบาล) มีสัดส่วนราว 45% ขณะที่ 3) ธุรกิจทำความสะอาด ซึ่งมาร์จิ้นค่อนข้างน้อยจากประเด็นการมีแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำให้ทำกำไรได้ยาก ธุรกิจนี้จะปรับลดลง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“มูลค่าตลาดของธุรกิจบริการ Outsource นี้ใหญ่มากหลักหมื่นล้านบาท เฉพาะเครือโรงพยาบาลขนาดใหญ่ อย่างเครือ BDMS ที่เราให้บริการอยู่ ทำให้ในภาพรวมมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 7-8% โดยดูแลโรงพยาบาลเป็นพื้นที่รวม 500,000 ตรม. ส่วนค่าบริการในสัญญาประมูลมีหลากหลายขึ้นอยู่กับการบริการ เช่น โรงพยาบาลที่มีจำนวนเตียงผู้ป่วย 200 เตียง จะมีการยื่นประมูลงานที่ราวสิบล้านบาทต่อปี โดยสัญญาแต่ละครั้งมักมีระยะเวลาเฉลี่ยที่ 3 ปี” สรรค์ กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของบริษัทฯ รายได้ปี 2566 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 280 ล้านบาท เติบโต 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยแต่ละปีที่ 15% เพราะมีการขยายธุรกิจรวมถึงเป็นช่วงจังหวะในการต่อสัญญาอย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าปี 2567 นี้จะอยู่ที่ 350 ล้านบาท เติบโต 30% และคาดว่าภายใน 2-3 ปีนี้จะนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/SZn8QyBXEPrtSKMhAcjv.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="SZn8QyBXEPrtSKMhAcjv.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,494" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ 14 พ.ค. 2567 ทางบริษัทได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVE Exchange: LiVEEx) ในตัวย่อ SNSS24 ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 316.8 ล้านบาท (หุ้นละ 6 บาท) ทั้งนี้เมื่อเปิดซื้อขาย พบว่าราคาเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 8 บาท (เพิ่มขึ้นราว 33%) *ถือเป็นหลักทรัพย์ที่ 5 ใน LiVEEx เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/marketing/mint-minor-international-q-1-2024" alt="ไมเนอร์ฯ เผยกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 พลิกกำไร 1,146 ล้านบาท ผลดีจากกำไรค่าเงินฯ 919 ล้านบาท">ไมเนอร์ฯ เผยกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 พลิกกำไร 1,146 ล้านบาท ผลดีจากกำไรค่าเงินฯ 919 ล้านบาท</a>​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events