<h2>Masatoshi Ito ประธานกิตติมศักดิ์ธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่ Seven &amp; i Holdings คือ ผู้อยู่เบื้องหลังเชนร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven กว่า 35,000 แห่งในญี่ปุ่น อเมริกาเหนือ จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้</h2>
<h2><span class="Apple-converted-space"><img class="alignnone wp-image-63834 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/0x0.jpg" alt="Masatoshi Ito" width="416" height="416" /> </span></h2>
<span style="color: #008000;"><a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/masatoshi-ito/?sh=50f4ec09661c">Masatoshi</a> Ito</span> ได้นำแนวคิดที่จะเปิดร้าน <span style="color: #008000;">7-Eleven</span> ซึ่งขณะนั้นเป็นร้านสะดวกซื้อชั้นนำในสหรัฐอเมริกา มาสู่ญี่ปุ่นครั้งแรกในปี 1973 ผ่านทางข้อตกลงกับบริษัท <span style="color: #008000;">Southland Corporation</span> แล้วต่อมาในปี 1991 จึงนำ <span style="color: #008000;">Ito-Yokado</span> ห้างสรรพสินค้ากึ่งซุปเปอร์มาร์เก็ตของ <span style="color: #008000;">Seven &amp; i Holdings</span> เข้าถือหุ้นใหญ่ใน Southland ก่อนที่จะเข้าซื้อกิจการทั้งหมดในปี 2005

จากรายงานงบประมาณสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2022 ระบุว่า บริษัทมีรายรับ 8.75 ล้านล้านเยน (6.89 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 52 และกำไรสุทธิ 2.11 แสนล้านเยน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเข้าซื้อกิจการ Speedway ผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อในสหรัฐฯ ที่มูลค่า 2.1 หมื่นล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นของ Seven &amp; i เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 25 จากปีก่อน ส่งผลให้ Ito วัย 98 ปี มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เป็น 4.35 พันล้านเหรียญ<span class="Apple-converted-space"> </span>

อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน บริษัทกำลังเผชิญแรงกดดันจาก<span style="color: #008000;"> ValueAct Capital</span> ใน San Francisco ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นใน Seven &amp; i ร้อยละ 4.4 ที่ได้มีการเขียนจดหมายถึงฝ่ายบริหารในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อขอให้บริษัทพิจารณาเลิกกิจการนอกเหนือจากร้านสะดวกซื้อ เพื่อหันไปให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูงแทน

โดยหนึ่งในเป้าหมายนั้น คือ ห้างสรรพสินค้า <span style="color: #008000;">Sogo &amp; Seibu</span> เนื่องจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ห้างสรรพสินค้าทั้งหมดในญี่ปุ่นมีรายรับลดลงประมาณร้อยละ 60 อยู่ที่ราว 3.9 หมื่นล้านเหรียญในปี 2021 ซึ่งล่าสุดทาง Seven &amp; i ก็ได้ตรวจสอบ “ความเป็นไปได้ทั้งหมด” และอยู่ระหว่างการทบทวนกลยุทธ์ของห้างสรรพสินค้า

<em><span class="s3">แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค </span>จากบทความ Japan’s 7-Eleven Tycoon Bucks The Trend By Doubling Down On Convenience Stores </em><em>เผยแพร่บน Forbes.com</em>

อ่านเพิ่มเติม: <span style="color: #003300;"><a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/การจัดอันดับ-50-มหาเศรษฐี-12.html">การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีญี่ปุ่น ประจำปี 2022</a></span>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <span style="color: #003300;"><a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a></span>

</div>
</div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events